ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1889
ซูจือเฟยกับซูจือหยูอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ซูจือเฟยขับรถ ซูจือหยูนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ
เห็นได้ชัดว่าซูจือเฟยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มีความสุขจนหุบปากไม่ลง
ซูจือหยูเห็นอย่างนี้ ก็ยิ้มอย่างระอาใจ พูดว่า “พี่ เรื่องนี้ฉันช่วยพี่ทำสำเร็จแล้ว เรื่องตามหาผู้มีพระคุณ พี่ต้องช่วยฉันให้ดีที่สุดนะ”
ซูจือเฟยตอบอย่างมีความสุขไม่ลังเลเลยสักนิดว่า “จือหยู น้องวางใจได้เลย พี่ต้องช่วยสุดกำลังอยู่แล้ว แม้จะต้องจ้องจอจนตาพี่บอด พี่ก็จะช่วยน้องหาตัวผู้มีพระคุณออกมาให้ได้ ”
ซูจือหยูพยักหน้าอย่างพอใจมาก “นับว่าพี่ยังมีน้ำใจ”
ตอนนี้เอง ซูจือเฟยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เห้อ ข้อมูลวิดีโอพวกนั้นมันเยอะมากจริงๆ คนที่เคยเห็นหน้าผู้มีพระคุณก็มีแค่เราสองคนเท่านั้น จะหาคนอื่นมาช่วยก็ไม่ได้ ไม่รู้จริงๆว่าข้อมูลมากมายขนาดนั้นพวกเราสองคนต้องดูไปถึงเมื่อไหร่”
ซูจือหยูพูดว่า “ฉันได้คิดวิธีการคร่าวๆไว้แล้ว น่าจะช่วยให้พวกเราประหยัดเวลาไปได้เยอะทีเดียว”
ซูจือเฟยรีบถามขึ้นว่า “วิธีการอะไร รีบพูดให้พี่ฟังสิ”
ซูจือหยูพูดอธิบาย “แม้ว่าจะมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่เคยเห็นหน้าของผู้มีพระคุณ คนอื่นๆไม่สามารถช่วยพวกเราค้นหาจากข้อมูลในวิดีโอได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาสามารถช่วยพวกเราทำการคัดกรองง่ายๆหนึ่งขั้นตอน ”
“ก่อนอื่น ฉันสามารถให้พนักงานของตระกูลซู ช่วยฉันกรอผ่านวิดีโอในสนามบิน ที่มีการบันทึกภาพของนักท่องเที่ยวผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือเด็กทั้งหมดทิ้งไป จากนั้นในจำนวนนักท่องเที่ยวชาย คนผิวขาว ผิวดำรวมไปถึงคนผิวสีแทนต่างก็กรอผ่านไปเช่นกัน เหลือไว้แค่พวกลูกค้าที่มีผิวสีเหลือง แล้วก็ดูว่าเป็นนักท่องเที่ยวเพศชายที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ นักท่องเที่ยวที่ดูแล้วมีอายุมากกว่าสามสิบปี รวมไปถึงนักท่องเที่ยววัยกลางคนที่อายุมากกว่านั้นก็ให้คัดกรองออกไป เหลือไว้เพียงนักท่องเที่ยววัยรุ่นจนถึงวัยทำงานที่ดูแล้วมีอายุระหว่าง18ถึง28ปีเท่านั้น ”
“จากนั้น ฉันจะให้พวกเขาตัดเอารูปภาพหน้าตรง ของนักท่องเที่ยวชายที่เข้าเงื่อนไขทั้งหมดในวิดีโอ รวบรวมออกมา”
“ถ้าทำอย่างนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องจ้องดูวิดีโอตลอดเวลา สามารถให้คนเยอะแยะมากมายช่วยเราได้ ”
“ให้พวกเขาช่วยกันคัดกรองคนที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขออกมา อีกทั้งยังตัดรูปถ่ายหน้าตรงของพวกเขามา พวกเราก็แค่ค้นหาผู้มีพระคุณอย่างละเอียดจากรูปถ่ายที่ทำการตัดออกมาก็พอแล้ว ”
ซูจือเฟยได้ยินคำพูดนี้ ก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ใช้ได้เลยจือหยู สมองของแกนี่มันหมุนได้เร็วสุดยอดจริงๆ ถ้าทำตามที่แกว่าละก็ พวกเราก็ไม่ต้องคอยจ้องดูวิดีโอแล้ว พวกเราแค่รอให้คนตัดภาพทั้งหมดออกมา จากนั้นก็ค้นหาจากในรูปภาพหาคนที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นผู้มีพระคุณของเราก็พอ”
“ถูกต้อง”ซูจือหยูพยักหน้า พูดว่า “ถ้าหากพวกเราพบว่ารูปใบไหนก็ตามที่เป็นนักท่องเที่ยวหนุ่ม มีหน้าตาคล้ายกับผู้มีพระคุณของเรา ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะตามคนที่ตัดรูปนี้ออกมา ให้เขาส่งวิดีโอช่วงที่เขาตัดรูปออกมาให้กับพวกเราโดยตรง”
“ถ้าทำอย่างนี้ พวกเราเอามาพิจารณาร่วมกับวิดีโอก็จะตัดสินใจได้อย่างชัดเจน ว่าคนคนนั้นใช่ผู้มีพระคุณหรือเปล่า ”
“ถ้าหากใช่ พวกเราก็ตามรอยในวิดีโอนั้นไป ก็จะสามารถติดตามตรวจสอบเบาะแสร่องรอยการเคลื่อนไหวทั้งหมดของผู้มีพระคุณในสนามบินแล้ว และสามารถทำให้วิเคราะห์ออกมาได้ว่า เขานั่งเครื่องบินเที่ยวไหน ออกจากญี่ปุ่นกลับมายังเมืองไหนของประเทศเรา จากนั้นพวกเราก็ไปค้นหาผู้มีพระคุณที่เมืองนั้นก็พอ”
ซูจือเฟยชูนิ้วโป้งให้กับซูจือหยู ชื่นชมจากใจจริงว่า “สุดยอดสุดยอด เชื่อว่าถ้าใช้วิธีนี้ ไม่กี่วันก็น่าจะค้นหาร่องรอยของผู้มีพระคุณออกมาได้แน่”
…
ในขณะเดียวกัน เย่เฉินที่อยู่ไกลถึงจินหลิง ไม่รับรู้เลยว่าซูจือหยูกำลังค้นหาเขาอยู่ ได้ใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้ว
หลังจากที่เขาและพ่อตาเซียวฉางควนได้รวบรวมเก็บของขวัญที่ทุกคนมอบให้เรียบร้อยแล้ว ก็ทำตามแผนการเดิมที่วางเอาไว้ ขับรถไปยังห้างที่ใหญ่ที่สุดใกล้บ้านเพื่อทำการซื้อของฉลองปีใหม่
เพราะว่าจะถึงวันปีใหม่แล้ว ฉะนั้นคนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของค่อนข้างเยอะ ทุกที่เต็มไปด้วยคนและรถยนต์
เย่เฉินแค่จะจอดรถยังต้องต่อแถวโดยใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ต่อคิวเข้าจอดรถได้สักที
ลูกเขยกับพ่อตาสองคนจอดรถเสร็จแล้ว มาถึงในห้าง พบว่าในห้างคนเยอะยิ่งกว่า แทบจะเรียกได้ว่าเบียดเสียดกัน ทั้งห้างตกอยู่ในสภาวะที่ต้อนรับคนเกินพิกัดไปแล้ว