ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1890
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เพราะว่าจะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ฉะนั้นพนักงานไม่น้อยได้ลาหยุดกลับบ้านไปแล้ว จำนวนลูกค้าในห้างมีมากกว่าปกติถึงหนึ่งเท่าตัว แต่พนักงานในห้างกลับลดลงน้อยกว่าปกติส่วนหนึ่ง ฉะนั้นคนทำงานทุกอย่างในห้างจึงขาดแคลนเป็นอย่างมาก
ขาดพนักงานขาย ขาดพนักงานทำความสะอาด พนักงานแคชเชียร์ก็ขาดแคลน แม้แต่พนักงานที่ให้บริการชั่งน้ำหนักก็มีไม่มากพอให้เรียกใช้ แค่ซื้อผักนิดหน่อยก็ต้องเข้าแถวรอชั่งน้ำหนักเป็นสิบนาที
เซียวฉางควนเห็นคนข้างในจำนวนมากขนาดนี้ ก็พูดอย่างท้อใจว่า “เห้อ น่าจะออกมาซื้อของกันเร็วกว่านี้ จะได้นอนดูทีวีสบายๆอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องวิ่งมาถึงที่นี่เพื่อร่วมโหวกเหวกกันแบบนี้”
“จริงด้วย”เย่เฉินยิ้มอย่างจนใจ พูดว่า “อยากจะมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่แม่ได้รับบาดเจ็บไง”
เซียวฉางควนพูดพึมพำ “อย่าไปพูดถึงผู้หญิงพวกนั้นเลย วันวันก็สร้างแต่ปัญหา”
พูดจบแล้ว เซียวฉางควนก็อดจะถอนใจไม่ได้ “นายว่าหล่อนหาแต่เรื่องมากมายทั้งวัน ทำไมถึงไม่ทำผิดกฎหมายเลย ถ้าหากไม่ระวังทำผิดกฎหมายขึ้นมาละก็ เอาหล่อนไปขังคุกสักหลายปีหน่อย คงจะดีไม่น้อย”
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะเงียบ พูดยิ้มๆว่า “คุณพ่อ คำพูดนี้ถ้าชูหรันได้ยินเข้าล่ะก็ ไม่รู้ว่าเธอจะเสียใจมากแค่ไหน”
เซียวฉางควนรีบพูดว่า “เห้อ ฉันก็แค่บ่นกับแกเท่านั้น แกอย่าไปบอกกับชูหรันเชียว”
เย่เฉินพยักหน้า “ผมรู้ วางใจเถอะ”
เซียวฉางควนถอนหายใจอีกครั้ง พูดว่า “เห้อ เอาเถอะ ไม่พูดถึงหล่อนแล้ว พวกเรารีบซื้อกับข้าวในคืนวันปีใหม่กลับไปดีกว่า”
เย่เฉินอืมหนึ่งเสียง “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มจากโซนผักแล้วกัน เข้ามาในห้างอันดับแรกก็ต้องไปซื้อผัก เพราะถ้าไม่ทำเวลาสักหน่อย ที่เหลือก็เป็นของเหลือที่คนอื่นไม่เอา ไม่สดแล้ว”
ทั้งสองพลางพูดคุย พลางเดินไปจนถึงโซนผัก
แม้ว่าพื้นที่ในโซนผักสดจะมีเนื้อที่ใหญ่มาก แต่มีการวางชั้นสินค้าไว้แน่นขนัด ทางเดินระหว่างชั้นวางสินค้าค่อนข้างแคบ พอคนมากก็ง่ายที่จะเบียดเสียดกัน เย่เฉินกับเซียวฉางควนกำลังเข็นรถเข็นซื้อของเขาไปข้างใน ทันใดนั้นก็ได้ยินคนตะโกนด่าขึ้นมาว่า “แกนังแก่หนังเหนียว ตาบอดหรือไง ไม่เห็นฉันกำลังถูพื้นเหรอ ยังไม่รีบไสหัวไปข้างๆอีก”
ตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูส่งมา ยายแก่คนหนึ่งยึกยึกยักยัก พูดอย่างน่าสงสารว่า “กุ้ยเฟิน ทำไมเธอถึงได้ชอบถูกพื้นตรงใต้ขาฉันนัก แค่แป๊บเดียว ไม่ถูพื้นของเธออันนั้นก็ถูพื้นตรงใต้เท้าฉันไปสิบกว่าครั้งแล้ว ”
คนที่พูด ก็คือนายหญิงใหญ่เซียว
เธอในตอนนี้ กำลังสวมชุดเสื้อกั๊กสีเขียวของพนักงานในห้างโดยเฉพาะ ในมือถือม้วนถุงพลาสติกที่มีรอยประใช้ในการซื้อผักโดยเฉพาะเท่านั้นไว้ม้วนหนึ่ง
และตรงหน้าของเธอ ก็มีคนรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ และเป็นหญิงที่สวมเสื้อกั๊กสีเขียวเหมือนกัน
หญิงคนนี้ก็คือจางกุ้ยเฟิน
จางกุ้ยเฟินในตอนนี้ กำลังถือไม้ถูพื้นยืนอยู่ตรงหน้าเธอ จงใจใช้ไม้ถูพื้นถูกระแทกไปที่เท้าของเธอ
นายหญิงใหญ่เซียวมีหลายครั้งที่เกือบจะถูกกระแทกจนล้ม ได้แต่จับขอบของชั้นวางสินค้าเอาไว้พูดขอร้องเสียงเศร้า “กุ้ยเฟินเอ๋ย ความผิดทั้งหมดทั้งมวลก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นความผิดของฉัน ขอร้องล่ะเห็นแก่ฉันที่อายุมากแล้ว อย่าถือสาฉันเลยนะ”
จางกุ้ยเฟินจ้องเธออย่างโมโห พูดอย่างดูถูกว่า “ตอนนี้รู้จักขอร้องแล้วเหรอ เมื่อก่อนแกอวดดีนักไม่ใช่เหรอ ตอนที่แกด่าฉันไม่ใช่ร้ายกาจมากหรือยังไง”
นายหญิงใหญ่เซียวถูกเธอตะคอกจนไม่กล้าพูดอะไรอีก
จางกุ้ยเฟินยังคงหัวเราะเสียงเย็นและพูดว่า “ฉันคิดว่านายหญิงใหญ่เซียวอย่างแกที่นั่งรถหรู อยู่บ้านใหญ่โต ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันๆ คิดไม่ถึงเลยว่า คนแก่อย่างแกมันก็แค่พวกข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง แสร้งทำเป็นวางมาด แม้แต่ขี้ก้อนหนึ่งยังสู้ไม่ได้ วันวานที่แกดูถูกฉันไว้ขนาดนั้น ตอนนี้ก็ถึงตาแกบ้างแล้วที่ต้องมาทำงานในห้างเดียวกันกับฉัน ”