ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 19 ฉันนี่แหละอภิมหาเศรษฐีขั้นเทพ
บทที่19 ฉันนี่แหละอภิมหาเศรษฐีขั้นเทพ
“ฉันไม่คู่ควร แล้วแกคู่ควรเหรอ”
จางเหวินเห้าทักด้วยน้ำเสียงเย็นชา“แกมันก็แค่เศษสวะ ขนาดเมียตัวเองยังคุมไม่อยู่ ชูหรันติดตามแกนี่ลำบากจริงๆ อยู่กับฉันน่ะดีแล้ว อยากได้อะไรก็ได้!”
สีหน้าเย่เฉินนิ่งขึ้น กดน้ำเสียง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฉันให้แกสองทางเลือก ทางที่หนึ่ง คุกเข่าขอขมาชูหรันต่อหน้าผู้คน แล้วถอนคำพูดแกเสีย ทางที่สอง ฉันจะพังกิจการครอบครัวแก แกเลือกเอา”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ แกล้อเล่นอะไรกับฉันน่ะ แกมันคือตัวอะไร คิดจะล้มกิจการกูงั้นเหรอ”
จางเหวินเห้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง อดเหลือบมองไปที่เย่เฉินไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ให้ ความสำคัญในคำพูดของเขาเลย
“คนปัญญาอ่อนอย่างมึงกำลังฝันกลางวันอยู่หรือเปล่า มึงจะเอาอะไรมาพังธุรกิจบ้านกู มึงรู้มั้ยว่าธุรกิจบ้านกูมูลค่าเท่าไหร่ ว่าจะล้มก็ล้มได้ง่ายๆหรือไง”
เย่เฉินสีหน้าไร้ความรู้สึก ใช้สีหน้าพิจารณา จ้องมองดูจางเหวินเห้าอยู่ชั่วครู่ หยิบมือถือออกมา โทรหาถังซื่อไห่
“ภายในสามนาที จะต้องเห็นการชำระบัญชี หนี้ของกิจการบ้านจางเหวินเห้าระเบิดเป็นข่าว !”
สามนาที ให้บริษัทมหาชนมูลค่าหลายพันล้านล้มละลาย ช่างฝันกลางวันโดยแท้!
แววตาจางเหวินเห้าเจ้าเล่ห์เพทุบาย “แม่งโว้ย มึงจะโม้อะไรเบอร์นั้นวะ!มึงคิดว่าตัวเองเป็นอภิมหาเศรษฐีขั้นเทพเหรอ”
พูดจบจางเหวิน แค่นเสียง“ไอ้สวะ ไม่ต้องสร้างภาพแล้ว กูก็ให้ทางเลือกมึงสองทางเหมือนกัน ทางแรกคุกเข่าขอโทษกู จากนั้นรีบหย่ากับชูหรัน ทางเลือกที่สอง กูจะหาคนมาซ้อมมึงปางตาย แล้วให้มึงดูกูกับชูหรันสวีทกันต่อหน้าต่อตา มึงเลือกเอา!กูให้เวลามึงหนึ่งนาที!”
เย่เฉินก้มหน้ามองมือถือ พูด“มึงยังเหลือเวลาอีกหนึ่งนาที มั่นใจว่าไม่กลับใจนะ”
“ไสหัวไป!มึงยังเหลือเวลาคิดอีกสามสิบวินาที ถ้ายังไม่คุกเข่า กูจะให้มึงเสียใจไปตลอดชีวิต!”จางเหวินเห้าพูดอย่างไม่ยี่หร่า
“ยี่สิบวินาที!”
“สิบวินาที!”
“ห้าวินาที!”
“ได้เวลาแล้ว อย่าหาว่ากุอำมหิตแล้วกัน สวะอย่างแกรนหาที่เอง!”จางเหวินเห้าขยับคอเสื้อ จากนั้นจึงกวักมือไปทางบอดี้การ์ดสองสามคน ให้เตรียมมาจัดการเก็บสวะนี่
แต่ในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของจางเหวินเห้าดังขึ้น
จางเหวินเห้าตะลึง เห็นเป็นโทรศัพท์ของบิดา จึงรีบรับสาย
“พ่อครับ ผมถึงงานแล้วครับ พ่อถึงหรือยัง”
ในสายโทรศัพท์ บิดาของจางเหวินเห้าคำรามอย่างบ้าคลั่ง“แกไอ้สวะ!ตกลงแกไปล่วงเกินใครเอาไว้!ตกลงแกไปก่อเรื่องอะไร!ตอนนี้หุ้นส่วนมาขายหุ้นบริษัททิ้งกันหมดเลย ตอนนี้หุ้นบริษัทเราตกไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์รู้มั้ย!”
พูดพลาง บิดาของเขาคำรามขึ้น“จู่ๆธนาคารบุกมาให้ชำระหนี้ถึงที่!ผู้ร่วมหุ้นทุกคนระงับการร่วมหุ้น ให้คิดบัญชี!กระแสเงินสดเราขาดสะบั้น!มีแต่ล้มละลายทางเดียว!”
จางเหวินเห้าได้ยินเสียงที่ลอดมาตามสายโทรศัพท์ สีหน้าขาวซีดทันที เหงื่อเย็นผุดเป็น เม็ดๆเต็มหน้าผาก
“บ้านเราจบแล้ว!จบโดยสิ้นเชิง!”
จางเหวินเห้ายังคงอยากถามต่อ แต่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ปลายสาย มีเสียงร้องของรถตำรวจดังขึ้น กับเสียงตำรวจพังทลายประตูเข้ามา แล้วเสียงขอตรวจสอบของตำรวจ
เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที โทรศัพท์ในมือร่วงลงพื้น แตกเป็นเสี่ยงๆ
ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง คุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน
สายลมพัด กายและใจเย็นสะท้านไปหมด
บอดี้การ์ดสองสามคน เห็นภาพตรงหน้า ต่างก็ทั้งตกใจและสงสัย ไม่กล้าเดินขึ้นหน้า
จางเหวินเห้าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ“ตกลงแกเป็นใครกันแน่ ทั้งหมดนี่ฝีมือแกสินะ ใช่ไหมวะ”
คนรอบตัวต่างตกละลึงกันถ้วนหน้า จางเหวินเห้ารับโทรศัพท์ แล้วจู่ๆคุกเข่าลงตรงหน้า ลูกเขยตระกูลเซียวนั่น เกิดอะไรขึ้น
เย่เฉินก้มหน้ามองเขาทีหนึ่ง ค้อมตัวลงเล็กน้อย พูดเสียงค่อย“ฉันให้โอกาสแกเลือกแล้ว แกเลือกผิดเอง”
“ฉันผิดไปแล้ว ขออภัยแล้วกันนะ ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ!ชูหรันไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันไม่ได้แตะต้องเธอเลยแม้แต่นิดเดียว การร่วมมือกับตี้เห้ากรุ๊ปฉันก็ไม่ได้เป็นคนจัดการ ที่ฉันพูดเมื่อกี้โกหกทั้งเพ ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยครอบครัวฉันไปด้วย!”
จางเหวินเห้าโขกหัวขออภัยไม่หยุด เขาคิดไม่ถึงว่า ลูกเขยตระกูลเซียว จะมีกำลังมาก ขนาดนี้!แค่โทรศัพท์สายเดียว ก็ทำให้ครอบครัวเขาล้มละลายได้แล้ว!
ยามที่เขาเงยหน้ามองหน้าเย่เฉินรู้สึกช่างนิ่งสงบเหลือเกิน น่ากลัวกว่าปีศาจเสียอีก!
ภายในเวลาไม่กี่นาที สามารถทำให้ครอบครัวเขาล้มละลาย คนแบบนี้ ล่วงเกินไม่ได้!
เย่เฉินส่ายหน้า พูดว่า“แกน่าจะพอใจนะ อย่างน้อยฉันยังไว้ชีวิตแก!ไม่งั้นแกตายหมดบ้านแล้ว!”
คำพูดนี้ออกมา จางเหวินเห้าตกใจจนหน้าขาวซีด ตัวสั่นเทาอย่างแรง
เย่เฉินมองหน้าเขา พูดเสียงเย็นชา“จะบอกตามตรงนะ กูนี่แหละคืออภิมหาเศรษฐีขั้นเทพในคลิปนั้น ถ้ามึงไม่อยากตาย อย่าเที่ยวโพทนาฐานะของฉัน ไม่อย่างนั้น มึงกับพ่อมึงมีชีวิตไม่ถึงพรุ่งนี้แน่นอน!”
พูดจบ เย่เฉินตบหน้าจางเหวินเห้าเบาๆ แล้วไม่สนใจเขาอีก เดินก้าวออกจากโถงไป
ส่วนจางเหวินเห้านอนแผ่หราอยู่บนพื้น การโดนเย่เฉินเหยียดหยามเช่นนี้ เขาเองก็ไม่กล้าต่อต้านอะไร
เมื่อมองเย่เฉินเดินเข้าไปในห้องโถง จางเหวินเห้าจึงค่อยๆคลานทุลักทุเลตามไป
เขามองไปโดยรอบ เห็นเงาเซียวชูหรัน เขาจึงตะเกียกตะกายไปทางนั้น คุกเข่าแทบเท้าเซียวชูหรัน หัวโขกพื้นไม่หยุด ร้องไห้คร่ำครวญ“ชูหรัน ผมคาราวะคุณล่ะ ผมไม่ควรปล่อยข่าวให้คุณเสียหาย คุณได้สัญญาโครงการกรุ๊ปตี้เหา ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแม้แต่น้อย ขอร้องล่ะ ปล่อยผมไปเถอะ!”
เซียวชูหรันตกใจในท่าทีของเขา รีบกระโดดหลบ แต่กลับหันไปชนอ้อมกอดที่อบอุ่นอ้อมกอดหนึ่ง
เซียวชูหรันหันไปมอง คนที่กอดตนเองไว้ คือเย่เฉิน
หลังจากที่เย่เฉินเข้ามา ก็เห็นเซียวชูหรัน วันนี้เซียวชูหรันแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ราวกับดารากลางฝูงชนก็ไม่ปาน ระยิบระยับจับตานัก
เมื่อเห็นจางเหวินเห้าพุ่งมาทางเซียวชูหรัน เย่เฉินจึงรีบกอดเธอเข้าไว้ก่อน ป้องกันเธอสะดุดล้ม แล้วจ้องเขม็งใส่จางเหวินเห้า
จางเหวินเห้าตกใจจนล้มลุกคลุกคลาน เกรงว่าจะไปล่วงเกินเย่เฉินจนโกธรเข้า
เซียวชูหรันถามอย่างไม่เข้าใจ“เขาเป็นอะไรคะ……”
เย่เฉินกอดเธอพลาง พูดเสียงเบาพลาง“คนๆดีดูท่าจะป่วย อย่าสนใจเลย”
ทั้งคู่แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ก็ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันสักเท่าไหร่ พอสัมผัสได้ถึงความ อบอุ่นในอ้อมกอดของเย่เฉิน เซียวชูหรันจึงหน้าแดงก่ำ
เธอรีบเอี้ยวตัวออกจากอ้อมกอดเย่เฉิน พูดเสียงอู้อี้“คือ ท่านประธานเย่แห่งกรุ๊ปตี้เหาน่าจะมาแล้วมั้ง ฉันไปดูหน่อยนะ……”