ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 193ไม่ให้คนกระจอกอย่างคุณจับ(1)
บทที่ 193 ไม่ให้คนกระจอกอย่างคุณจับ(1)
หลังจากเกาจวิ้นเว่ยพูดเหน็บแนมเย่เฉินแล้ว ก็หันมาพูดกับเซียวชูหรันว่า “ชูหรัน ความร่วมมือของพวกเราในครั้งนี้ ผมให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อแสดงถึงความจริงใจของผม ในมอเตอร์โชว์นี้นอกจากตรงกลางสองคันนั้น อย่างอื่นคุณเลือกได้ตามสบายหนึ่งคัน ถึงเวลาเปลี่ยนรถขยะบีเอ็มดับเบิลยู520คันนั้นของคุณแล้ว ออดี้RS8เป็นยังไง? อะไหล่เสริมกว่าสองล้าน พลังเครื่องยนต์แข็งแกร่งเหมาะกับคุณมาก”
กาจวิ้นเว่ยรู้สึกดีกับเซียวชูหรันมานานแล้ว ครั้งนี้ที่เชิญเซียวชูหรันมา เดิมอยากอาศัยว่าจะต่อเติมศูนย์มอเตอร์โชว์ ใช้ทรัพย์สินเงินทองเพื่อให้ได้ครอบครองเซียวชูหรัน
จางเจวียนรู้มาตลอดว่าเกาจวิ้นเว่ยรู้สึกยังไงกับเซียวชูหรัน จึงรีบพูดช่วยสนับสนุนอยู่ด้านข้างว่า “ชูหรัน นี่เป็นน้ำใจที่ประธานเกามีให้กับเธอ เธออย่าปฏิเสธเด็ดขาดนะ”
เซียวชูหรันรีบพูดปฏิเสธว่า “ขอบคุณในน้ำใจของประธานเกา แต่สิ่งของแพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้”
เกาจวิ้นเว่ยหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “แค่ออดี้RS8สองล้านเอง เงินแค่นี้สำหรับผมแล้วไม่มากเลย ขอเพียงชูหรันชอบ ผมจะซื้อสดให้กับคุณทันที”
เย่เฉินมองดูเกาจวิ้นเว่ยด้วยสายตาเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอกครับ บ้านเรามีรถ ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาซื้อให้ อีกอย่างจะซื้อให้ก็ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องเป็นคนซื้อให้”
“อย่างคุณ?” เกาจวิ้นเว่ยพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ใช่ว่าผมดูถูกคุณ ในนี้มีคันไหนที่คุณมีปัญญาซื้อให้?”
เย่เฉินมองดูเขาอย่างล้อเลียน ชี้ไปที่แอสตันมาร์ตินONE77 กับBugatti Veyron รุ่นลิมิเต็ดสองคันที่อยู่บนเวที แล้วยิ้มพูดขึ้นว่า “จะซื้อสองคันนั้นที่คุณไม่มีปัญญาซื้อ เป็นยังไง?”
“ถุย” เกาจวิ้นเว่ยคิดว่าเย่เฉินตั้งใจจี้ปมที่เขาไม่มีปัญญาซื้อรถที่แพงขนาดนี้ จึงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หนุ่มน้อย คุณไม่ต้องทำเป็นอวดดี ผมพูดแล้ว นอกจากสองคันนี้ ทั้งหมดในมอเตอร์ผมซื้อได้ทุกคัน คุณมีปัญญาไหม?”
เย่เฉินพูดว่า “ผมก็พูดแล้ว ผมจะซื้อก็ต้องซื้อสองคันนี้”
“ฮ่าๆ” เกาจวิ้นเว่ยหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “คุณรู้ไหมว่านั่นเป็นรถอะไร? อ้าปากก็พูดโม้หรือ? ไม่ใช่ผมอยากดูถูกคุณ รถสองคันนี้มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ คนจนๆอย่างคนแม้แต่จับก็ไม่ได้จับ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าซื้อเลย”
เย่เฉินยิ้มพูดขึ้นว่า “ผมว่าคนที่ไม่มีปัญญาได้จับคือคุณหรือเปล่า?”
เกาจวิ้นเว่ยพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “ศูนย์นิทรรศการเป็นของตระกูลผม ผู้จัดการทั้งสองบริษัทนี้ยังไงก็ต้องไว้หน้าผม หากผมอยากจับ ผมจะจับไม่ได้หรือ?”
เย่เฉินยักไหล่พร้อมพูดว่า “ผมคิดว่าคุณก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากผม ผมจับต้องไม่ได้ คุณก็จับต้องไม่ได้ ที่จริงเราก็ไม่ต่างกัน”
เกาจวิ้นเว่ยได้ยินแบบนี้แล้ว ก็โกรธจัด กัดฟันพูดขึ้นว่า “อย่างคุณก็กล้าเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับผมหรือ?”
เย่เฉินพยักหัวพูดขึ้นว่า “แน่นอนสิ ผมพูดแล้ว เราไม่ได้แตกต่างกัน ไม่เชื่อคุณก็ไปลองดูไหม?”
“ได้” เวลานี้เกาจวิ้นเว่ยถูกเย่เฉินพูดจนโกรธอย่างมากแล้ว พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คุณรอดู ผมจะไม่จับให้คุณดูเดี๋ยวนี้”
พูดเสร็จ แล้วก็ก้าวเดินไปท่ามกลางผู้คน
เวลานี้ท่าทีเย่เฉินแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
รถสองคันที่ฉินกางกับหวังเจิ้งกางซื้อให้กับตน พวกเขาพูดว่า ต่างก็จ้างบอดี้การ์ดบริษัทขนส่งเงินเจิ้นหย่วนเฝ้า
เพื่อรับประกันว่า ก่อนที่รถสองคันนี้จะถึงมือเย่เฉิน คนอื่นไม่มีสิทธิ์ได้แตะต้อง
หากวันนี้เกาจวิ้นเว่ยสามารถแตะต้องรถสองคันนี้ได้ งั้นตนเองก็จะไปคิดบัญชีกับสองคนนั้น อย่างน้อยยังไงก็จะต้องลงโทษที่พวกเขาทำงานบกพร่อง
แต่ต่อให้เกาจวิ้นเว่ยแตะต้องได้แล้วจะยังไง? รอเมื่อเขาจับต้องได้ แล้วอวดตนเองด้วยการเอากุญแจออกมาแล้วเข้าไปนั่งขับ ดูสิว่าถึงตอนนั้นเขาจะทำหน้ายังไง