ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1948
บทที่ 1948
“จะว่าไปแล้ว ถ้าหากฉันยอมเสียสิทธิ์ถือหุ้นไป นั่นก็เท่ากับว่ายอมเสียอำนาจทุกอย่างไป ในอนาคตอำนาจการต้ดสินใจทุกอย่างไม่ว่า
จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ของบริษัทก็แทบจะขึ้นอยู่กับบริษัทนิปปอนสตีทั้งหมด แบบนั้นตระกูลซ่งคงได้รับผลกระทบแน่…..
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของเธอ ก็พูดยิ้มๆขึ้นมาว่า “คุณซ่ง เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจก็ได้ คุณสามารถกลับไป
ทบทวนดูอีกครั้ง แล้วพรุ่งนี้เราค่อยนัดคุยกันใหม่ คุณคิดว่ายังไง?”
ซ่งหวั่นถิงลั่งเลเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ
เธอรู้ดี การเจรจาในครั้งนี้ เธอไม่มีสิทธิ์เป็นฝ่ายรุกไล่เลยสักนิด
ถ้ายังเจรจากันต่อไปทั้งอย่างนี้ ก็มีแต่จะถูกไล่ต้อน
อย่างกับกำลังทำการซื้อขายในร้นค้า ถ้าหากคนขายเป็นฝ่ายออกตัวก่อน พื้นที่ในการต่อรองราคาของคนซื้อก็จะมีมากกว่า ยก
ตัวอย่างเช่น คนขายเปิดที่หนึ่งร้อย คนซื้อก็จะต่อรองเหลือยี่สิบด้วยคำพูดที่ว่าถ้าไม่ขายราคานี้จะไม่ซื้อ หรือไม่ก็จะไปซื้อร้านอื่นแทน ต่อมาก็
จะกลายเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า
แต่ถ้าหากคนขายใจนิ่งพอ เมื่อคนซื้อต่อเหลือยี่สิบ ก็จะสวนกลับไปว่าให้ไปดูร้านอื่นทันที ที่นี้ก็ทำให้คนซื้อเสียไพใบที่เหนือกว่าไป
ถ้ายึดตามตรรกะทั่วไป คนซื้อก็จะทำได้เพียงค่อยๆเพิ่มราคาเข้าไป จนถึงราคาที่ทำให้คนขายพอใจ ส่วนจะไปตกลงกันได้ที่ราคาเท่า
ไหร่ ก็ต้องดูที่ราคาในใจของคนขาย บางที่อาจจะห้าสิบ หรืออาจจะเจ็ดสิบแปดสิบ มากไปจนถึงเก้าสิบ
แต่ว่า คนขายที่อยู่ตรงหน้าของซ่งหวั่นถึงตอนนี้ กลับไม่มีท่าทีที่จะถอยให้เลยสักนิด
ท่าทีที่เขามีให้เธอเต็ไปด้วยความแข็งกรั่าว ของสิ่งนี้ขายให้หนึ่งร้อยก็ไม่สามารถลดให้ได้แม้เพียงเศษเสี้ยว ถ้าอยากได้ในราคาเก้า
สิบเก้า ก็คงต้องขออภัยเชิญไปร้านใหม่ ไม่งั้นก็กลับไปคิดทบทวนให้ดี
ในตอนนี้ซ่งหวั่นถิงไม่มีโอกาสเกลี้ยกล่อมใดๆ ทางเดียวที่ทำได้ ก็คือยุติการเจรจาไปก่อนชั่วคราว เพื่อคลายจังหวะ แล้วพรุ่งนี้ค่อย
กลับมาคุยกันใหม่
ดังนั้น เธอจึงพยักหน้า แล้วลุกขึ้น “คุณฮาชิโมโตะ เอาเป็นว่าเราทั้งสองฝ่ายกลับไปคิดทบทวนดูก่อนก็ได้ ถ้าคุณสะดวก พรุ่งนี้ตอน
เช้าฉันจะมาใหม่”
“ไม่มีปัญหา! ” ฮาชิโมโตะ ชินคิจิยิ้มแล้วลุกขึ้นมาจับมือกับซ่งหวั่นถึง พร้อมพูดว่า “คุณซ่ง เดี๋ยวผมไปส่งครับ”
เมื่อซ่งหวั่นถึงออกมาจากบริษัทนิปปอนสตี ก็นั่งรถตู้ให้เช่ากลับไปที่โรงแรมพร้อมกับผู้ช่วย
ในขณะเดียวกัน เธอก็ส่งข้อความเข้าไปในกรุ๊ปแชทครอบครัว “ทางบริษัทนิปปอนสตีต้องการถือหุ้น51% ไม่ยอมถอยให้เลย ฉันเสนอ
สิทธ์รับผลกำไรให้55%พวกเขาก็ยังไม่หวั่นไหว ฉันเลยกลับมาก่อน คืนนี้ว่าจะระดมเทคนิคเจรจ้าสียหน่อย พรุ่งนี้จะไปคุยกับพวกเขาอีกที”
คุณท่านซ่งตอบข้อความแบบเสียงกลับมาทันทีว่า “บริษัทนิปปอนสตีเลือกมากมาตลอด แต่ก็อย่าไปให้ค่าพวกเขามากเกินไปล่ะ เพราะ
ว่าก่อนหน้านี้ฉันเพิ่งไปรู้อะไรมา ว่าความเป็นไปของบริษัทนิปปอนสตีในตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่!”
ต่อมา คุณท่านซ่งก็ส่งข้อความแบบเสียงกลับมาอีกว่า “สองสามปีมานี้บริษัทของพวกเขาลงทุนโครงการใหญ่อยู่สองสามโครงการ แต่
ว่ายังไม่ได้เริ่มทำอะไร ก็เสียงินทุนไปเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นรายได้ของพวกเขาในปีนี้จึงตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด แม้ว่าภายนอก
พวกเขาจะแสดงออกมาอย่างเรียบนิ่ง แต่ลึกๆแล้วพวกเขาเองก็อยากที่จะร่วมงานกับเราเหมือนกันนั่นแหละ ที่แสดงออกมาไม่มีอะไรมากไป
กว่าวางท่า เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากกว่าก็เท่านั้น”
ซ่งหรงวี่เองก็ส่งข้อความมาว่า “หวั่นถึง อย่าเพิ่งใจร้อน ลองหาจุดอ่อนของพวกเขาให้เจอ แล้วบีบพวกเขาให้อยู่หมัด พวกเขาต้องยอม
ลงบ้างแหละ”
“อืม คุณท่านเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้เข้าเดือนกุมภาแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็ต้องประกาศผลประกอบการของปีที่แล้ว ถ้าหากข้อมูล
ทางการเงินของพวกเขาไม่ค่อยสวย จะไม่ใช่แค่ผู้ถือหุ้นร้องเรียนพวกเขา แต่ยังมีนักลงทุนอีกด้วย ถ้าเป็นแบบนั้น ราคาหุ้นของพวกเขาก็จะ
ตก ถ้าหากพวกเขาเปิดเผยว่าร่วมงนกับเราก่อนที่จะประกาศผลประกอบการแบบนั้นก็จะยังสามารถประคองอารมณ์ของผู้ถือหุ้นและนัก
ลงทุนเอาไว้ได้”
ซ่งหวั่นถึงตอบกลับว่า “โอเค กลับถึงโรงแรมแล้วฉันจะเตรียมตัวให้ดี พรุ่งนี้จะได้ไปเจรจากับพวกเขาใหม่อีกครั้ง!”
ในเวลาเดียวกันนั้น โทรศัพท์ของฮาชิโมโตะ ชินคิจิก็ส่งเสียงดั่งขึ้นมา
ซ่งหรงรี่ ถือโทรศัพท์บ้านฟังเสียงรอสายอยู่ในคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองจินหลิง
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิกดรับสาย พูดกลั้วยิ้มขึ้นมาว่า “คุณซ่ง เร็วเหมือนกันนี่ครับ น้องสาวออกไปได้ไม่ทันไร คุณก็โทรมาหาเสียแล้ว!”