ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1960
บทที่ 1960
ทางด้านอิโตะ นานาโกะเพิ่งกลับมาที่โตเกียว
ไม่กี่วันก่อน เธอไปอยู่กับคุณพ่อที่เกี่ยวโตสองสามวัน เพื่อให้คุณพ่อผ่อนคลายความเครียด เนื่องจากปัญหาในบริษัทมีมากมาย ดังนั้น
เธอจึงอยู่ด้วยสามวันแล้วถึงกลับมาที่โตเกียว
เมื่อได้รับสายจากเย่เฉิน อิโตะ นานาโกะจึงรู้สึกประหลาดใจ เพราะถึงยังไงเวลาที่โตเกียวก็เร็วกว่าที่จีนหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้ที่จีนเป็น
เวลาสี่ทุ่มกว่า ที่โตเกียวก็ห้าทุ่มแล้ว
ดังนั้น อิโตะ นานโกะจึงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นปนประหลาดใจว่า “เย่เฉินซัง ทำไมคุณโทรมาดึกขนาดนี้ล่ะ?”
เสียงของเย่เฉินเอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า “นานโกะ ตอนนี้คุณอยู่ที่โตเกียวหรือเปล่า?”
“อยู่ค่ะ” อิโตะ นานาโกะเอ่ยพูด “ฉันกับท่านพ่อเพิ่งกลับมาวันนี้ เย่เฉินซัง เสียงของคุณฟังดูรีบๆนะ มีอะไรหรือเปล่า?”
เย่เฉินพูดว่า “เพื่อนของผมจู่ๆก็หายตัวไปที่โตเกียว ข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมาหาผม เหมือนกำลังเจอเรื่องไม่ดี แต่ว่าผมไม่สามารถ
ติดต่อเธอได้เลย ดังนั้นเลยอยากรบกวนคุณส่งคนไปสืบให้หน่อย ว่าคืนนี้เธอออกไปไหนกันแน่”
เมื่ออิโตะ นานาโกะได้ยินแบบนี้ ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “ได้เลยเย่เฉินซัง! คุณบอกข้อมูลคร่าวๆมาได้เลย ฉันจะเตรียมคนไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้!
อิทธิพลของตระกูลอิโตะในโตเกียวไม่มีใครสู้ได้ ขอแค่ยืนยันได้ว่าเธอหายตัวไปที่โตเกียว ฉันก็หาตัวเธอเจอแน่ๆ!”
“โอเค!” เย่เฉินรีบส่งข้อมูลส่วนตัวของซ่งหวั่นถิง ข้อมูลของโรงแรมที่เธอเข้าพัก รวมไปถึงเวลาที่เธอออกไปจากโรงแรมไปให้อิโตะ นา
นาโกะ จากนั้นก็เอ่ยกำชับว่า “นนาโกะ รบกวนคุณส่งคนไปตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดให้ครบทุกตัวด้วย ดูว่าเธอขึ้นรถคันไหนไป และ
คันนั้นพาเธอขับไปที่ไหน”
“ได้เลยเย่เฉินซัง! ” อิโตะ นานโกะเองก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้! ”
ตั้งแต่ที่บริษัทของตระกูลมัตสีโมโตะปิดตัว และตระกูลทากาฮาชิถูกโจมตีอย่างหนัก อิทธิพลของตระกูลอิโตะในโตเกียวก็แข็งแกร่งขึ้น
โดยปริยาย
กลุ่มผู้มีอิทธิพลหลายคนที่ก่อนหน้านี้คอยติดตามตระกูลมัตสีโมโตะและตระกูลทากาฮาชิ ตอนนี้ต่างก็เป็นฝ่ายออกตัวแสดงท่าทีเป็น
มิตรกับตระกูลอิโตะกันทั้งนั้น อิโตะ นานโกะจึงรวบรวมกำลังได้ส่วนหนึ่ง ทำให้กำลังฝ่ายนอกของตระกูลอิโตะขยับขยายมากขึ้น
หนึ่งในนั้น รวมไปถึงสมาคมไฮกิงบุงเกียวที่ก่อนหน้านี้เคยตกอยู่กายใต้การควบคุมของตระกูลทากาฮาชิ
พวกเขาอาจจะไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้เท่าไหร่ เพราะพวกเขาแต่ละคนล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตอยู่เป็นกลุ่มในจุดอับมืด ดังนั้นจึงเหมือน
หนูที่อยู่ในห่อระบายน้ำที่ดูสกปรกส่งกลิ่นเหม็น แต่กระนั้นก็คล่องแคล่วว่องไว
แค่บอกให้พวกเขาตามหาคน พวกเขาก็จะเริ่มลงมือในทันที
เนื่องจากสถานที่สุดท้ายที่ซ่งหวั่นถิงปรากฏตัวอโรงแรมใจกลางเมือง ดั่งนั้นจึงมีกล้องวงจรปิดอยู่ครบครั่น กำลังฝ่ายนอกของตระ
กูลอิโตะจึงล็อกเป้าไปยังรถคันที่ซ่งหวั่นถึงนั่งออกไปผ่านภาพในกล้องวงจรผิด
ดังนั้น ทุกคนจึงเริ่มค่อยๆติดตามร่องรอยของรถคันนั้ เนื่องจากอิโตะ นานโกะเสนอเงินรางวัลให้ร้อยล้านเยน เพราะฉะนั้นพวกเขาจึง
ทุ่มเทในการตามหาเบาะแสอย่างเต็ที่ ทุกคนต่างก็คาดหวั่งที่จะได้เป็นฝ่ายตามหาร่องรอยของซ่งหวั่นถิงเจอเป็นคนแรก
ในเวลาเดียวกัน ณ เหวลึกในเขตนิชิทามะโตเกียวแถบชานเมือง
ซ่งหวั่นถิงเดินอยู่ในปารกทึบเพียงคนเดียวลำพังอย่างระมัดระวัง
หวแห่งนี้ลึกถึงร้อยเมตร ไม่เพียงแค่มีต้นไม้และพืชพรรณต่างๆเกิดขึ้นมาอย่างหนาแน่น ซ้ำยังเป็นไหล่เขาสูง ดังนั้นมือถือจึงไม่มี
สัญญาณเลยแม้แต่ขีดเดียว
ซ่งหวั่นถิงในตอนนี้ คิดอยู่แค่อย่างเดียวว่า : ต้องมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ นทีโทรศัพท์มีสัญญาณ จะรีบโทรหาเย่เฉินให้มาช่วย
ทันที
เธอเดินอยู่ท่ามกลางป่าไม้อย่างยากลำบาก ในใจก็พึมพำขึ้นมาว่า “เรื่องวันนี้ต้องมีคนตั้งใจวางแผนลอบฆ่าฉันแน่ๆ ถ้าให้พวกเขารู้ว่าฉัน
ยังมีชีวิตอยู่ แบบนั้นฉันคงไม่มีชีวิตรอดจากญี่ปุ่นแน่ๆ!
ขณะเดียวกัน จิตใต้สำนึกของเธอก็กู่ก้องออกมาว่า “ตอนนี้ นอกจากอาจารย์เย่ ก็ไม่มีใครช่วยฉันได้!”