ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 197 รถทั้งสองคันนี้เป็นของผม(1)
บทที่ 197 รถทั้งสองคันนี้เป็นของผม(1)
ในเวลานี้เกาจวิ้นเว่ยรู้สึกหวาดกลัว แต่ในใจกลับโกรธจนราวจะฆ่าคนเลยทีเดียว
ตัวเองถูกตีในศูนย์นิทรรศการของตัวเอง ผลสุดท้ายตัวเองกลับต้องคุกเข่าขอโทษคนที่ตีเขาเอง ที่สำคัญ กลับถูกตีต่อหน้าเซียวชูหรัน นี่เป็นความอัปยศอดสูที่สุดที่ฉันเคยพบเจอในชีวิต
แต่ว่า จะไปทำตระกูลฉินเขาขุ่นเคืองไม่ได้ ดังนั้นจึงได้เพียงแค่โกรธตัวเย่เฉินเท่านั้น
เขารู้สึกว่า เป็นเพราะเย่เฉินคนจนคนนี้ทำให้ตัวเองต้องไปสัมผัสรถคันนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือโดนตีไปที่หนึ่งที ทำให้อับอายต่อหน้าเซียวชูหรัน แค้นนี้ ตัวเองต้องชำระให้ได้
เวลานี้หลี่โม่เห็นเขาแล้วยังรู้จักปรับตัวตาม กลับพูดกับคนรอบข้างว่า “เอาล่ะ อย่าตีกันอีกเลย”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทขนส่งเงินเจิ้นหย่วนถึงจะหยุด แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศูนย์นิทรรศการ แต่ละคนถูกตีจนล้มกลิ้งอยู่กับพื้นแล้ว
เย่เฉินยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามจ้องมองเกาจวิ้นเว่ยบนพื้นที่น่าอับอาย ยิ้มเยาะแล้วถามว่า “คุณชายเกา ดูเหมือนว่ารถสองคันนี้ คนจนอย่างคุณ แค่สัมผัสก็สัมผัสไม่ได้แล้ว”
จริงแล้วเกาจวิ้นเว่ยเกลียดชังเขาจนคันเคี้ยวไปหมด ไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้ายั่วโมโหตัวเอง ทันใดนั้นก็ด่าด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง “เย่เฉิน วันนี้คุณทำให้ฉันอับอายขายหน้า ฉันจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
เย่เฉินยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมเหรอ? ฉันพูดผิดอะไรเหรอ?”
พูดจบ เย่เฉินถามเซียวชูหรันที่อยู่ด้านข้างอีกครั้ง “ภรรยาครับ ฉันไม่ได้พูดผิดใช่ไหม?”
ในเวลานั้นเซียวชูหรันรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เมื่อครู่เกาจวิ้นเว่ยเยาะเย้ยเย่เฉินไม่หยุด ในใจเธอก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องมันจะบานปลายเป็นแบบนี้
ดังนั้นเมื่อครู่จึงไม่ได้โกรธเกาจวิ้นเว่ย จริงแล้วก็เป็นเพราะหวังว่าจะได้คุยเรื่องความร่วมมือของศูนย์การประชุมและนิทรรศการ
อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเกาจวิ้นเว่ย ในใจเธอก็รู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย แล้วจึงจ้องมองไปที่เขา พูดอย่างจริงจังว่า “ประธานเกา เรื่องนี้ คุณเป็นคนยั่วยุก่อน ตัวคุณเองเป็นคนไปขัดแย้งกับคนอื่น ถูกตี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเย่เฉิน? ฉันหวังว่าคุณจะแยกแยะมันออก อย่าไปหาเรื่องเขา”
เกาจวิ้นเว่ยสังเกตได้ว่าเซียวชูหรันดูถูกตัวเองเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความแค้น ตาจ้องมองไปที่เย่เฉิน กัดฟันแล้วพูดว่า “ไอ้คนจน รอผมก่อนแล้วกัน”
เย่เฉินมองเขาด้วยความตะลึง “คุณเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
เกาจวิ้นเว่ยด่าด้วยความโกรธว่า “ฉันเรียกคุณว่าไอ้คนจน คุณหูหนวกเหรอ?”
จางเจวียนที่อยู่ด้านข้างก็เหมือนน้ำมันราดกองเพลิง ด่าด้วยความโกรธว่า “เย่เฉิน แมงดาที่แต่งเข้าอย่างคุณ เรียกคุณว่ายาจกถือว่าให้เกียรติคุณแล้ว”
เย่เฉินก็ไม่โกรธ พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเรียกฉันว่าคนจน แม้แต่ขอบข้างรถสองคันนี้ตัวคุณเองยังสัมผัสไม่ได้ ยังถูกคนอื่นทุบตีไปหนึ่งครั้ง คนเยอะขนาดนี้จ้องมองอยู่ คุณว่าเราทั้งสองใครคือคนจนกันแน่?”
ฝูงชนที่มุงดูความโกลาหนอยู่โห่เสียงหัวเราะขึ้นมา
สีหน้าของเกาจวิ้นเว่ยดูอึมครึม กัดฟันพูด “พูดราวกับว่าคุณสามารถสัมผัสได้ แน่จริงคุณก็สัมผัสให้ฉันดูสิ? ”
ตอนที่พูดคำเหล่านี้ ในใจเกาจวิ้นเว่ยกำลังคิดที่จะ ใช้วิธีกระตุ้นยั่วยุกับเย่เฉิน
หากเขาหลงกล และไปสัมผัสกับรถสองคันนี้ เขาก็จะต้องถูกทุบตีอย่างรุนแรงแน่นอน
หากเขาไม่หลงกล เพียงแค่ไม่รับคำกระตุ้นยั่วยุต่อหน้าทุกคน เขาก็ยังสามารถรักษาหน้าได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าเวลานี้เย่เฉินจะพูดอย่างใจเย็น “แค่สัมผัสมันจะมีความหมายอะไร? ต้องการให้ฉันลองขับให้คุณดูไหมล่ะ?”
“ฮาฮาฮา” เกาจวิ้นเว่ยกระตุ้นยั่วยุอย่างเสียงดัง “ทดลองขับ? ไอ้คนจนอย่างคุณจะคู่ควรทดลองขับรถแพงขนาดนี้? คุณสามารถสัมผัสถึงแค่มือจับประตู วันนี้ถือว่าคุณชนะฉันแล้ว”
เกาจวิ้นเว่ยคิดว่า อย่างไรเสียหลี่โม่ก็มีคนเฝ้าดูแลมากมาย หากเย่เฉินอยากไปสัมผัส ก็ต้องโดนทุบตีเหมือนตัวเองอย่างแน่นอน
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย ชี้ไปที่แอสตันมาร์ตินONE77ที่อยู่เบื้องหน้า ถามเซียวชูหรันว่า “ภรรยาครับ คุณอยากจะนั่งรถคันนี้ไปโต้ลมไหม? ถ้าอยากไป ผมจะพาคุณไปเอง”
เซียวชูหรันรีบรั้งแขนเขาไว้ พูดด้วยเสียงเบาว่า “เย่เฉิน คุณอย่ามาไปยุ่งเลย เกาจวิ้นเว่ยลงเอยอย่างไรคุณไม่เห็นเหรอ?”
ตอนนี้ เกาจวิ้นเว่ยตะเกียกตะกายที่จะลุกขึ้นยืน หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “เย่เฉิน คุณจะมาเสแสร้งอะไรกับฉัน? คุณรู้ไหมว่ารถคันนี้มันเจ๋งแค่ไหน? ทั่วโลกมีเพียงเเค่77คันเท่านั้น ราคาโคตรแพงแต่น้อยคนนักที่จะซื้อมัน แม้แต่คุณพ่อของฉันยังไม่เคยนั่งเลย คุณยังคิดที่จะขับรถคันนี้ไปโต้ลมอีกเหรอ?”