ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2014
บทที่ 2014
ในสองปีก่อน เจ้านายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นประมูลปลาทูน่ครีบน้ำเงินเหนือที่มีน้ำหนักสองร้อยเจ็ดสิบแปด ใช้จ่ายเงินสามล้านหนึ่ง
หมื่นดอลลาร์สหรัฐเต็มๆ และราคาเฉสี่ยต่อกิโลกรัมอยู่ที่หนึ่งหมื่นหนึ่งพันดอลลาร์สหรัฐ
และปลาทูน่ครีบน้ำเงินเหนือที่มีคุณภาพแบบนี้ ถ้าหากส่งไปยังร้านอาหารชั้นนำ ราคาก็จะสูงขึ้นอีกหลายเท่า
ปลาทูน่ครีบน้ำเงินเหนือที่แพงที่สุดในร้านอาหารระดับชั้นนำ ราคาปลายังแพงกว่าทองอีก
สำหรับยามาซากิ วิสกี้ ปี50เป็นวิสกี้ชั้นยอดของสมบัติของประเทศญี่ปุ่น ราคาขายขวดเดียวก้สามล้านกว่าหยวนแล้ว
นางาฮิโกะ อิโตะใช้วัตถุติบและเครื่องดื่มราคาแพงมาจัดงานเลี้ยง ซึ่งเพียงพอที่จะมองออกว่าเขาให้ความสำคัญกับเย่เฉินมากแค่ไหน
เมื่อเย่เฉินมาถึงที่ห้องอาหาร นางาฮิโกะ อิโตะก็รออยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว
ในเวลานี้ กลางโต๊ะอาหารไม้ขนาดใหญ่ มิปลาทูน่ครีบน้ำเงินเหนือขนาดใหญ่ตัวหนึ่งวางอยู่ ข้างล่างของตัวปลาทูน่คริบน้ำเงินเหนือตัว
นี้ ถูกปกคลุมด้วยก้อนน้ำแข็งที่ทำจากน้ำบริสุทธิ์
เซฟท่านหนึ่งยืนถือมีดซาชิมิอยู่ข้างๆ เดี่ยวหลังจากที่เริ่มทานอาหาร เขาจะทำตามความชอบของแขก แล่ซาชิมิจากส่วนต่างๆบนตัวของ
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ ให้แขกได้รับประทาน
เมื่อนางาฮิโกะ อิโตะเห็นเย่เฉินมา รีบพูดอย่างกระตือรีอรันว่า: “เชิญนั่งคุณเย! วันนี้คุณยโซคดีมาก ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือตัวนี้เรือ
ประมงที่เพิ่งจอดเหยบท่าเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วนำมา เป็นตัวที่คุณภาพดิที่สุดในโตเกียวปีนี้ !”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย และพูดอย่างจริงจัง: “คุณอิโตะเกรงใจเกินไปแล้ว อันที่จริงแล้วคนอย่างผมเรื่องกินก็ไม่ได้มีความต้องการอะไรมาก
นัก คุณไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเงินขนาดนั้น”
นางฮิโกะ อิโตะพูดอย่างเคร่งขรึมว่า: “คุณเย่เป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลอิโตะของเรา ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติก็ย่อมต้องใช้วัตถุดิบ
และเหล้าที่ดีที่สุดเป็นธรรมดา!”
พูดแล้ว เขาก็ถามอิโตะ นานาโกะว่า: “นานาโกะ คุณซ่งยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
อิโตะ นานโกะพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณซ่งกำลังแช่ตัวในน้ำพุร้อนอยู่ หนูกำชับคนรับใช้แล้วว่า เดี๋ยวหลังจากที่คุณซ่งแช่ตัวในบ่อน้ำพุ
ร้อนเสร็จแล้ว พาเธอตรงมา”
“ดี”นางาฮิโกะ อิโตะพยักหน้าเบาๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “งั้นพวกเราก็รอหลังจากที่คุณซ่งมาแล้วค่อยเริ่มกัน”
ในเวลานี้เย่เฉินคิดถึงเรื่องบางอย่าง ถามนางาฮิโกะ อิโตะว่า: “ใช่แล้วคุณอิโตะ มีเรื่องหนึ่งอยากจะถามคุณสักหน่อย”
นางาฮีโกะ อิโตะรีบพูดว่า: “คุณเย็ คุณไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ มีเรื่องอะไรถามมาได้เลย ผมรู้อะไรก็จะพูดออกมาอย่างแน่นอน!”
เย่เฉินพยักหน้า และถามเขา: “ถ้หากผมอยากจะออกจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเงียบๆ ไม่ผ่านด่านศลกากร คุณมีวิธีอะไรที่ดีมั้ย?”
นางาฮิโกะ อิโตะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: “ถ้าหากไม่อยากจะผ่านด่านศลกากร งั้นก็ทำได้เฟียงลักลอบเข้าเมืองทางนี้แล้ว”
เย่เฉินก็ถามอีกว่า: “ลักลอบเข้าเมืองแบบไหนสะดวกกว่า? มีความเป็นไปที่ทำได้สูงกว่าเหรอ?”
นางาฮิโกะ อิโตะพุดอธิบายว่า: “โดยพื้นฐานแล้วลั่กลอบเข้าเมืองมาเพียงทางเดียวเท่านั้น ก็คือนั่งเรือไปทางทะเล โดยเฉพาะประเทศที่
เป็นเกาะอย่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้ติดกับประทศใดๆ อยากจะแอบออกไป มีเพียงบนทะเลและบนฟ้สองทางนี้เท่านั้น แต่ว่าการควบคุมเครื่อง
บินนั้นเข้มงวดมาก โดยฟื้นฐานแล้วไม่มีความเพียบพร้อมของช่วงว่างที่ปฏิบัติการอะไร ดังนั้นทำได้เพียงเลือกเดินทางทางทะเล”
พูดแล้ว นางาฮิโกะ อิโตะก็พูดอีกว่า: “แนวชายฝั่งของประเทศญี่ปุ่นยาวมาก ยิ่งไปกว่านั้นการขนส่งมีการพัฒนาค่อนข้างมาก มีเรือเข้า
ออกจำนวนมากมาย อยากจะลักลอบออกไปทางทะเลอันที่จริงแล้วไม่ได้ยากลำบาก”
เมื่อเย่เฉินได้ยินแบบนี้ ก็พูดกับเขาว่า: “คุณอิโตะ งั้นรบกวนคุณช่วยเตรียมเรือให้ผมลำหนึ่งด้วย ผมอยากจะพาหวั่นถึงลักลอบกลับไปที่
ประเทศ”
“ลักลอบกลับไปเหรอ…”นางาฮิโกะ อิโตะขูดด้วยความงุนงง: “คุณเย่ ถ้าหากคุณลักลอบกสั่บประเทศ ม่เพียงแต่จะแอบด่านศุลกากร
ของประเทศญี่ปุ่น ยังแอบด่านศลกากรของในประเทศด้วย อนข้างจะคลาดเคลื่อนเกินไป…
“ไม่เป็นไร”เยเฉินพูดอย่างจริงจัง: “ทางเมืองจินหลิงจัดการได้ง่าย ผมจะให้คนเตรียมการทุกอย่าง หลักๆคือทางต้านประเทศญี่ปุ่นนี้ผม
ไม่มีเส้นสายอะไร เพื่อนคนเดียวที่สามารถขอความช่วยเหลือได้ก็มีเพียงคุณ ไม่รู้คุณสามารถที่จะช่วยผมจัดการเรือลำหนึ่งได้หรือเปล่า ให้ผม
และหวั่นถึงนั่งเรือออกจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเงียบๆ?”