ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 203มีฉันอยู่ก็เพียงพอแล้ว(1)
บทที่ 203 มีฉันอยู่ก็เพียงพอแล้ว(1)
ได้ยินคำพูดของเย่เฉินเซียวไห่หลงยิ้มอย่างดูถูก พูดประชดว่า: “เย่เฉิน นายแอ๊บไปเถอะ นายก็แค่รู้จักพวกนักต้มตุ๋นก็เท่านั้นเอง ยังจะคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตอีก? ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะเชิญผู้มีอำนาจมาได้!”
เซียวเวยเวยที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ: “เย่เฉินไอ้สวะนี่ ถนัดที่สุดก็คือขี้โม้ วันนี้งานเปิดกิจการถ้าไม่มีใครมาอวยพร พรุ่งนี้ห้องทำงานนี้ก็จะกลายเป็นแค่เรื่องตลกในจินหลิง ฉันจะดูว่าถึงเวลานั้นพวกแกจะรับออเดอร์ยังไง!”
เซียวชูหรันได้ยินคำพูดของเธอแล้ว แม้ว่าดูเผินๆจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้
งานเปิดกิจการ จะว่าไปมันก็คือพิธีที่สะท้อนให้เห็นว่ามีคอนเน็คชั่นมากแค่ไหน
ถ้าหากว่าแขกมากันเยอะ แสดงว่าบริษัทมีคอนเน็คชั่นมาก ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถอีก โดยเฉพาะถ้ามีคนใหญ่คนโตมาแล้วละก็ หลายคนได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่อไปจะต้องให้เกียรติมากแน่
แต่ถ้าหากว่าแขกคนเดียวก็ไม่มีแล้วละก็ นั่นคือบอกคนอื่นว่า บริษัทของเธอ ต้องการทรัพยากรไม่มีทรัพยากร ต้องการคอนเน็คชั่นไม่มีคอนเน็คชั่น? บริษัทแบบนี้ จะมีคนมาร่วมงานได้ยังไง?
ถ้าหากว่าวันนี้ตี้เหากรุ๊ปส่งคนมาร่วมงานเปิดกิจการแล้วละก็ นั่นจะเพิ่มความสดใสให้กับบริษัทของตัวเองอย่างมาก แต่ว่า เซียวชูหรันก็ไม่ได้มีความมั่นใจเหมือนกัน ตี้เหากรุ๊ปจะสนใจตัวเองหรือเปล่า
นายหญิงใหญ่เซียวเวลานี้ได้เอ่ยปากพูด: “ชูหรัน อีกเดี๋ยวนี่ก็จะถึง10โมงแล้ว แขกคนเดียวก็ยังไม่มีเลย ฉันว่าเวิร์กชอปเล็กๆของแกนี้ก็ไม่ได้น่าสนใจอะไร ฉันว่าแกกลับมาทำงานที่เซียวซือเถอะ ต่อไปช่วยงานเซียวซืออย่างมั่นคง ยังดีกว่าออกมาเผชิญหน้ากับสายตาที่เย็นชาของผู้คน”
หลังจากรู้ว่าบริษัทของเซียวชูหรันกำลังจะเปิด ตระกูลเซียวก็ได้ติดต่อกับพันธมิตรที่ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์ที่ดี หลังจากที่อีกฝ่ายรู้ว่าเซียวชูหรันเป็นคนของตระกูลเซียว ต่างก็แสดงให้เห็นว่า จะไม่มาร่วมงานเปิดกิจการในครั้งนี้ อนาคตก็จะไม่ร่วมงานบริษัทของเซียวชูหรัน
ดังนั้น นายหญิงใหญ่เซียวกล้าการันตีว่า วันนี้ที่นี่ไม่มีแขกที่มีชื่อเสียงมาแม้แต่คนเดียว
ถึงเวลานั้น เซียวชูหรันเห็นว่าไม่มีคนมาร่วมงานที่บริษัทของตัวเอง จะต้องท้อแท้อย่างแน่นอน ในอนาคตจะรับมือกับเธอได้ดีกว่านี้!
เวลานี้ ในใจของเซียวชูหรันเป็นกังวลจริงๆ กัดริมฝีปากล่างของตัวเอง กระวนกระวายใจ
เย่เฉินที่อยู่ข้างๆจับมือของเธอ เอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง: “ที่รัก ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มีคนมาแม้แต่คนเดียว จะเป็นอะไรไป? มีฉันอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว!”
เซียวชูหรันมองเขาด้วยความทราบซึ้ง พยักหน้าเบาๆ รู้สึกว่าสบายใจขึ้นเยอะเลย
แต่ว่า นายหญิงใหญ่เซียวกลับยิ้มเยาะพร้อมพูดว่า: “เย่เฉิน แกก็ให้ความสำคัญกับตัวเองมากเกินไป แกอยู่ที่นี่จะมีประโยชน์อะไร? แกสามารถช่วยหาคนใหญ่คนโตมาร่วมงานให้กับชูหรันได้งั้นเหรอ? ไม่มีบริษัทเซียวซื่อหนุนหลัง ไม่ช้าก็เร็วพวกแกก็จะบีบตัวเองมาจนถึงทางตันแน่!”
เย่เฉินกล่าวอย่างหยิ่งผยอง: “บริษัทของชูหรัน นับวันต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน! นับประสาอะไรกับบริษัทเซียวซือที่ใกล้จะล้มละลาย อยู่ตรงหน้าของชูหรันก็ไม่ได้มีค่าอะไร! ชูหรันต้องการเหนือกว่าพวกคุณ มันจะไปยากอะไร?”
“โอ้อวดจริงๆเลยนะ!”
นายหญิงใหญ่เซียวได้ยินเย่เฉินพูดว่าบริษัทเซียวซือจะล้มละลายแล้ว ยังบอกว่าเซียวชูหรันสามารถเหนือกว่าบริษัทเซียวซือที่รุ่งเรืองนั้น รู้สึกว่าโดนดูถูกอย่างมาก!
เธอเหวี่ยงไม้เท้าลงกับพื้นด้วยความโกรธ พูดอย่างโมโหว่า: “แกมันก็แค่สวะที่เข้ามาในตระกูลเซียว “ไม่คิดว่าจะกล้าพูดโอ้อวดโดยไม่ละอายใจที่นี่?”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย: “คุณบอกว่าฉันพูดจาโอ้อวดไม่ละอายใจ? เหอ เหอ ฉันก็แค่พูดตามความจริงก็เท่านั้นเอง ไม่เชื่อพวกคุณก็รอดูเถอะ!”
เซียวไห่หลงยิ้มเยาะ พร้อมพูดว่า: “ได้ เย่เฉิน ฉันจะรอดูพวกแกกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่”
เวลาหนึ่งนาทีหนึ่งวินาทีผ่านไป เวลาเปิดทำการใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
หัวใจของเซียวชูหรันตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ ดูนาฬิกาไม่หยุด มองออกไปข้างนอกอย่างว่างเปล่า
เย่เฉินเห็นท่าทางของเธอ ปลอบใจไปสองสามประโยค กลับไม่ได้มีผลอะไร