ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2030
บทที่ 2030
อิโตะ นานาโกะพยักหน้ารัวๆด้วยดวงที่แดง ต่อจากนั้นก็มองไปทางลูกสุนัขที่อยู่ในอ้อมแขนของซ่งหวั่นถึง และพูดด้วยความสะอึกสะขึ้นว่า: “พี่หวั่นถึง ขอให้พี่เดินทางปลอดภัย ถ้ามี
โอกาส ต้องมาหาฉันที่โตเกียวนะ!”
ซ่งหวั่นถึงก็รีบพูดว่า: “วางใจเถอะ ฉันจะมาอย่างแน่นอน! ถ้าคุณมีเวลา ก็สามารถมาหาฉันและยูได้ที่เมืองจินหลิง!”
อิโตะ นานาโกะดีใจเล็กน้อย และพูดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า : “พี่วางใจเถอะ ฉันจัดการธุระช่วงนี้เสร็จก็จะไปหาพวกพี่!”
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินลงจากเรื่อ ด้วยความเคารพต่อนางาฮิโกะ อิโตะว่า: “คุณผู้ชาย พวกเราเตรียมพร้อมแล้ว สามารถออกเรือได้ทุกเมื่อ”
นางาฮิโกะ อิโตะเอ่ยปากถามว่า: “ฮาชิโมโตะ ชินคิจิคนนั้นล่ะ?”
อีกฝ่ายพูดว่า: “ฮาชิโมโตะ ชินคิจิถูกคมขังอยู่ในห้องโดยสารเรือแล้ว แขนขาถูกมัดไว้ทั้งหมด ผมส่งคนไปจับตาดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่”
นางาฮิโกะ อิโตะพยักหน้าอย่างพึ่งพอใจ และพูดกับเย่เฉินว่า: “คุณเย่ คุณและคุณซ่งรีบขึ้นเรือเถอะ!”
เย่เฉินอือคำหนึ่ง: “พวกคุณก็กลับไปเถอะ พวกเราไปแล้ว!”
นางาฮิโกะ อิโตะเป็นคนจับมือกับเย่เฉินก่อน อิโตะ นานาโกะก็กอดกับซ่งหวั่นถึงอย่างอ่อนโยน
ต่อจากนั้น ซ่งหวั่นถิงก็มาถึงตรงหน้าของนางาฮิโกะ อิโตะอีกครั้ง และพูดด้วยจริงใจว่า: “คุณอิโตะ ในครั้งนี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ขอบคุณสำหรับการดูแลของคุณเป็นอย่างมาก!”
นางาฮิโกะ อิโตะหัวเราะ จับมือกับซ่งหวั่นถึงเบาๆ และพูดด้วยความจริงใจว่า: “คุณซ่ง ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ไม่ต้องเกรงใจตระกูลอิโตะ คุณและคุณเย่เหมือนกัน จะเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระ
กูลอิโตะตลอดไป!”
ในเวลานี้อิโตะ นานาโกะมาถึงข้างกายของเย่เฉิน ใบหน้าแดงก่ำ ละอายใจจนทนไม่ได้
ตอนที่เธอมองไปทางเย่เฉิน ค่อยๆอ้าแขนออก อยากจะเห็นท่าทีต่อไปของเย่เฉิน
เธออยากจะกอดอำลากับเย่เฉิน แต่ก็กังวลว่าเย่เฉินจะไม่ยินยอม ดังนั้นทำได้เพียงใช้ท่าทางเล็กน้อยนี้มาลองดู
เมื่อเห็นเย่เฉินยิ้มเล็กน้อย และก็ยื่นมือออกมาหาตัวเอง อิโตะ นานาโกะก็รีบก้าวไปข้างหน้า กระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของเธอ กอดเขาไว้แน่ๆ และไม่พูดอะไรสักคำ
อันที่จริงแล้ว ในส่วนลึกหัวใจของอิโตะ นานาโกะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูดกับเย่เฉิน แต่ทว่า ในเวลานี้ต่อหน้าพ่อกับซ่งหวั่นถึง คำพูดเหล่านั้นที่เธอต้องการพูดกลับพูดไม่ออกมา
ทั้งสองกอดกันครู่หนึ่ง ตามด้วยเสียงกระแมของนางาฮิโกะ อิโตะ อิโตะ นานาโกะก็รีบถอยห่างจากอ้อมกอดของเย่เฉิน และพูดกับเย่เฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ว่า:
“เย่เฉินซัง ดูตัวเองด้วย!”
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ ในที่สุดก็กล่าวคำอำลากับสองพ่อลูกพร้อมกับซ่งหวั่นถึงแล้ว และก้าวเดินขึ้นเรือ
เรือสำราญลำนี้มีขนาดใหญ่มาก มีชั้นบนสามชั้นชั้นล่างสามชั้น บนดาดฟ้าอยู่ชั้นบนสุด ถึงขนาดยังมีสระว่ายน้ำน้ำจืด ซึ่งหรูหรากว่าเรือสำราญที่คุณท่านซ่งมอบให้เย่เฉินมาก
หลังจากที่เย่เฉินกับซ่งหวั่นถึงขึ้นเรือ ก็ตรงไปที่ดาดฟ้าด้านบน ยืนอยู่หน้ารั้วบนดาดฟ้า โบกมือให้นางาฮิโกะ อิโตะกับอิโตะ นานาโกะที่ท่าเรือด้านล่าง และพูดเสียงดังว่า : “ดึกมากแล้ว
ลมทะเลก็ยิ่งอยู่ยิ่งเย็น ทั้งสองคนรีบกลับไปเถอะ!”
อิโตะ นานาโกะพยักหน้าเบาๆ ให้คนช่วยประคองพ่อขึ้นบนรถ ตัวเองก็นั่งเข้าไปในรถอย่างว่าง่าย แต่ว่าเธอกลับไม่ได้รีบให้คนขับรถออกรถ แต่อยากรอเรืออกไปและมองตามหลังเย่เฉิน
ไปแล้วค่อยกลับไป
ในขณะนี้ รถอเนกประสงค์ที่ติดฟิล์มสีดำมองทะลุได้ด้านเดียว ขับมาจากทางเข้าท่าเรื่อ ผ่านขบวนรถของตระกูลอิโตะ และขับต่อไปข้างหน้า
รถอเนกประสงค์ที่นั่งสามแถวนี้ ที่นั่งแถวกลางเป็นผู้หญิงสวยที่มีท่าทางดิ้นรนและเจ็บปวด ผู้หญิงคนนี้ก็คือซูรั่วหลี
ซูรั่วหลีในเวลานี้ ยังคงรู้สึกละอายใจต่อการที่ตัวเองหลบหนีไปคนเดียว
เมื่อนึกถึงลูกน้องห้าสิบกว่าคนที่ติดตามตัวเอง กำลังจะเผชิญกับการลงโทษที่รุนแรงภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ในส่วนลึกหัวใจของซูรั่วหลีไม่เพียงแต่ละอายใจเท่านั้น ที่สำคัญยัง
เกลียดมากอีกด้วย
สิ่งที่เธอเกลี้ยด ก็คือผู้ชายนั้นที่หลอกตัวเอง รวมทั้งลูกน้องมากมายของตัวเอง ที่ท่าอากาศยานโอซาก้าในวันนั้น!
รูปร่างหน้าตาของชายคนนั้น จนถึงตอนนี้เธอยังจำได้ หากมีโอกาส เธอจะลงมือฆ่าเขาด้วยตัวเองเพื่อแก้แค้นให้พี่น้องทุกคน!
ในขณะที่ขณะที่เธอกัดฟันด้วยความแค้นใน คนขับรถเอ่ยปากพูดว่า: “คุณหนูซู เรือของพวกเราก็อยู่ตรงหน้า เตรียมพร้อมที่จะออกเรือแล้ว!”
ซูรั่วหลีมองไปด้านข้างต้องการจะดูเรือที่กำลังจะพาตัวเองออกจากประเทศญี่ปุ่น สายตาเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือสำราญข้างๆอย่างกะทันหัน!
ในวินาทีนั้น ม่านตาของซูรั่วหลีหดตัวลงอย่างกะทันหัน และการแสดงออกก็กลายเป็นความโหดร้ายอย่างที่สุด!
เธอกัดฟัน และพึมพำว่า: “แกนี่เอง! โลกกลมจริงๆด้วย!”