ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2128
บทที่ 2128
ซูโสว่ต้าบบังคับให้ตัวเองลืมเรื่องของตู้ห่ชิงรวมทั้งชูรั่หลีไปชั่วคราว และเอ่ยปากถามว่า: “พ่อ พ่อประเมินค่าได้หรือเปล่า เรื่องนี้จะ
นำความเสียหายมาสู่พวกเรามากแค่ไหน?”
ซูเฉิงเฟิงถอนหายใจ: “ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ ประเทศญี่ปุ่นเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ทั่วทั้งเอเชียนอกเหนือจากจีนแผ่นดินใหญ่ของเรา เพียง
แค่ส่วนนี้ สำหรับตระกูลซูของพวกเราตอนนี้ รวมทั้งในอนาคต ก็มีความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้!”
“ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ต่างประเทศมาหลายปีแล้ว มีผลกระทบเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป
พวกเขามีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้ง ถ้าหากพวกเขาต้องการโจมตีตระกูลซูอยู่ในต่างประเทศจริงๆ งั้นการขยายตัวในต่างประเทศทั้งหมดของพวกเรา
ในอนาคตก็จะได้รับผลกระทบใหญ่มาก!”
ซูโสว์เต๋อน้องรองสอบถามว่า: “พ่อ พวกเราไม่มีทางที่จะกู้สถานการณ์ความสัมพันธ์กับรัฐบาลญี่ปุ่นได้แล้วเหรอ?”
“กู้สถานการณ์หรอ?”ซูเฉิงเฟิงยิ้อย่างขม: “กู้สถานการณ์ยังไง? ถ้หากพวกเราสามารถหาตัวซูรั่วหลีเจอ ต่อจากนั้นส่งมอบให้
อำนาจตุลาการประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง งั้นสามารถกู้สถานการณ์ได้ไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ซูรั่วหลีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเราจะทำอะไร
ได้?”
ซูโสว่เต่อรีบพูดว่า: “งั้นก็คิดหาทางตามหาซูรั่หลี! ถึงเวลานั้นส่งมอบซูรั่หลีให้กับอำนาจตุลาการประเทศญี่ปุ่น ค่อยแนบจดหมาย
ขอโทษสาธารณะด้วยคำพูดจริงใจ ถ้าหากป็นไปได้ ค่อยชดเชยเงินก้อนหนึ่ง เรื่องนี้น่าจะบรรเขาความรุนแรงได้!”
ซูเฉิงเฟิงโบกมือ: “ชดเชยเงินก็ช่างเหอะ พวกเราอยากจะชดเชยก็ไม่ที่ให้ชดเชย ตระกูลมัตสีมโตะถูกฆ่าล้างไปหมดแล้ว ต่อให้พวกเรา
อยากจะชดเชยเงินก้อนหนึ่งให้ญาติของพวกเขา ก็แมร่งต้องตามหาญาติ! ถึงเวลานั้นกลับยิ่งทำให้จิตใจของประชาชญี่ปุ่นยิ่งเจ็บปวดมาก
ขึ้น!”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ก็ทยอยเห็นด้วย
เรื่องนี้ ต่างจากคดีอาญาทั่วไปจริงๆ
ในคดีอาญาทั่วไป ตราบใดที่ครอบครัวของผู้ตายได้รับการชดเชยอย่างเต็มที่ ให้ครอบครัวผู้ตายยินยอมออกหนังสือให้อภัย ก็จะได้รับ
จัดการลงโทษลดหย่อนผ่อนเบาของกฎหมายรวมทั้งความคิดเห็นของสังคมในระดับหนึ่ง
แต่ทว่า ซูรั่วหลีฆ่าล้างทั้งตระกูลมัตสีโมโตะ ขนาดลูกชายคนนั้นของมัตสีโมโตะ โยชิโตะที่เปลี่ยนนามสกุลตามอดีตภรรยาก็ไม่ปล่อย
ตระกูลมัตสีโมโตะตายทั้งหมด จะมีญาติพี่น้องมาจากไหน?
ดังนั้น ต่อให้ตระกูลซูอยากจะชดเชย ก็ไม่มีใครให้ชดเชย
ซูโสว่เต๋อพูดด้วยหน้าตาบูดบี้งว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็เตรียมพร้อมด้วยสองมือเถอะ ด้านหนึ่งรีบประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต
ด้านหนึ่งรีบตามหาที่อยู่ของซูรั่วหลี!”
จากนั้น เขาก็มองไปทางซูโสว่เต้าอย่างเห็นอกเห็นใจ และพูดอย่างจริงจังว่า: “พี่ใหญ่! พี่ก็อย่าโทษที่น้องชายว่าให้พี่ พี่ว่าเรื่องราว
ทั้งหมด ก็เป็นพี่ทั้งนั้นที่ทำเรื่องออกมา ปีนั้นถ้าพี่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหออิงซิ่ว ก็ไม่มีทางมีลูกสาวนอกสมรสที่ยุ่งยากอย่างซูรั่วหลี…
ซูโสว่เต้าเห็นน้องรองที่สร้างความลำบากให้ตัวเองอย่างกะท้นห้น อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “โสว่เต๋อ เรื่องของ
เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ตอนนี้แกพูดออกมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นการใหญ่ต่อหน้าของพอรวมทั้งพี่น้องคนอื่นๆ ตั้งใจทำอะไรกันแน่?”
ซูโสว่เต๋อคาดไม่ถึงว่า พี่ชายจะเฉียบแหลมมากขนาดนี้ มองความคิดตัวเองออกมาในทันที ยิ่งไปกว่านั้นยังต่อหน้าพ่อและพี่น้อง อ้างศิล
ธรรมมาบังคั่บให้คนคนหนึ่งทำตามที่ตนเองเห็นว่าดีให้กับตัวเองก่อนก้าวหนึ่ง
ตัวของเขาเองอยากจะยืมหัวข้อมาแสดงความคิดเห็นต่อหน้าคุณท่าน โยนความรับผิดชอบของเรื่องนี้ไปให้ซูโสว่เต้า ด้วยแบบนี้ เทียบ
เท่ากับว่าช่วยพ่อโยนความผิดชอบ ยิ่งไปกว่านั้นต่อหน้าของพ่อ ใส่ร้ายพี่ใหญ่
แต่ทว่า สมองของซูโสว่เต้าหมุนเร็วกว่า ก็ใส่ร้ายกลับไปในทันที
ดังนั้น เขาก็รีบพูดว่า: “พี่ใหญ่พูดถูก ซูรั่วหลีก็ยี่สิบต้นๆ พูดต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร แต่ว่าพวกเราก็พูดกันเรื่องตรงหน้าเถอะ! ก็พูด
เมื่อหลายวันก่อน เรื่องที่จือเฟยกับจือหยูถูกลักพาตัว ตราบใดที่ตอนนั้นพี่ใจเย็นหน่อยอย่าโกรธจนใช้อารมณ์ให้ซูรั่วหลีไปฆ่าล้างทั้งตระกูลมัต
สีโมโตะ เรื่องนี้ก็ไม่มีทางถึงขั้นนี้ด้วยซ้ำ! ว่ากันจนถึงแก่นแท้ ยังเป็นพี่ที่แส่หาเรื่อง!”