ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2148
บทที่ 2148
นี่คือจุดประสงค์ที่เย่เฉินช่วยชีวิตของเธอไว้
เขาวางแผนที่จะส่งซูรั่วหลีกลับไปที่เย่นจิงเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
หลังจากนั้น เขาก็เก็บโทรศัพท์ บิดคันเร่งของรถจักรยานไฟฟ้า รถจักรยานไฟฟ้าส่งเสียงขึ้นๆ จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อออกมาจากTomson Riviera เย่เฉินนั่งอยู่บนรถจักรยานไฟฟ้าและพึ่งจะเลี้ยวขวา เตรียมตัวที่จะไปโรงแรมของเฉินจื่อข่าย เขาก็ได้
ยินเสียงที่คุ้นเคยและประหม่าเล็กน้อยดังมาจากข้างหลังของตัวเอง:”พี่เขย!”
เย่เฉินหันหน้ากลับไปมองทันที ก็เห็นบนทางเท้าที่อยู่ด้านหลังตัวเอง มีผู้หญิงที่รู้จักคนหนึ่งกำลังกวักมือเรียกตัวเองอยู่
“เซียวเวยเวย?”เย่เฉินรู้สึกงุนงงมากๆ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้
ครอบครัวของตัวเองและครอบครัวของนายหญิงใหญ่เชียว เกิดเรื่องขัดแย้งกันมานานแล้ว เวลาที่ผ่านมานานขนาดนี้ คนของทั้งสอง
ครอบครัวต่างไม่ชอบหน้ากัน เหมือนน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อเจอหน้ากันแล้วต่างฝ้ายต่งไม่ทักทายกัน ถ้หม่าหลั่นที่เป็นแม่ยายของตัวเองยืนอยู่หน้าระเบียงคฤหาสน์และมอง
เห็นคนของครอบครั่วเธอ แม่ยายคงยืนด่าหนึ่งชั่วโมงถึงจะสามารถระบายความโกรธออกมาได้
ดังนั้น เขาไม่เข้าใจจริงๆ เซียวเวยเวยเรียกตัวเองต้องการอะไรกันแน่?
อีกอย่าง ทำไมเธอถึงยอมเรียกฉันว่าพี่เขย? เมื่อก่อนเธอมักจะเรียกฉันว่าไอ้เศษสวะไม่ใช่เหรอ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ขมวดคิ้วและถาม:”คุณมีธุระอะไรเหรอ?”
เซียวเวยเวยรีบวิ่งขึ้นสองก้าวและยืนอยู่ด้านหน้าของเย่เฉิน และพูดด้วยความเขินอายว่า:”พี่เขย คุณกำลังจะไปที่ไหนเหรอ?”
เย่เฉินพูดอย่างเย็นชา”ฉันจะไปจ่ายตลาด คุณมีธุระอะไรเหรอ?”
เซียวเวยเวยกัดริมฝีปากของตัวเองเขาๆ และถามอย่างกังวล:”พี่เขย คุณส่งฉันไปที่หมู่บ้านจูเจียงลี่อิ่งได้ไหม? ห่างจากที่นี่ไม่ไกล นั่งรถ
จักรยานไฟฟ้าใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีเอง…”
เย่เฉินมองเธอตั้งแต่ห้วจรดเท้า เห็นเธอก็แต่งกายสุภาพ และยังแต่งหน้าเบาๆด้วย เขาพูดอย่างเย็นชา:”คุณเป็นถึงคุณหนูของตระกูล
เชียว ถ้านั่งรถจักรยานไฟฟ้าของฉันมันไม่สมกับฐานะของคุณหรอก? ทำไม? คุณจะทำเหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม เอาฉันมาล้อเล่น?”
เมื่อเซียวเวยเวยได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็กัมหน้าเพราะละอายใจ
ในเวลานี้ ในสมองของเธอคิดถึงภาพที่ตัวเองนั่งอยู่บนรถเก๋งยี่ห้อBentleyของหวังเหวินเฟย และเจอเย่เฉินที่ด้านล่างของตี้เหากรุ๊ป
“เย่เฉินในเวลานั้น กำลังขับรถจักรยานไฟฟ้าคันนี้อยู่….
“ฉันในตอนนั้น ไม่ได้มองเย่เฉินอยู่ในสายตาเลย ฉันมักจะรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน เป็นผู้ชายธรรมดาและยากจนคนหนึ่ง
ดังนั้น ฉันในตอนนั้นมีอคติและดูถูกเขามากๆ ”
“แต่ใครจะไปรู้ ผ่านไปแค่ครึ่งปี ในเวลานี้เย่เฉินกลายเป็นคนที่มีอำนาจในจินหลิง แต่ฉันต้องลดตัวกลายเป็นพนักงานต้อนรับที่ได้เงินวัน
ละสองร้อยหยวนเพื่อเอามาเลี้ยงดูคนในครอบครัวตัวเอง”
“ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อประหยัดงินไว้ให้คุณยาย คุณพ่อและพี่ชายของฉันได้มีข้าวกิน ฉันไม่กล้านั่งรถเมล์และรถแท็กซี่ด้วยซ้ำ…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รวบรวมความกล้า พูดด้วยท่าทีที่ถ่อมตนว่า:”พี่เขย…คุณอย่าล้อฉันเล่นอีกเลย ตอนนี้ครอบครัวของฉันตกอับถึง
ขนาดนี้แล้ว ฉันไม่ใช่คุณหนูของตระกูลเซียวอีกแล้ว…”
เมื่อพูดจบ เธอก็เงยหน้า ใช้สายตาที่แดงก่ำมองไปที่เย่เฉิน พูดด้วยความละอายใจว่า:”พี่เขย…เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน ทั้งหมดเป็นความ
ผิดของฉันเอง เป็นความผิดของฉันจริงๆ ฉันไม่ควรดูถูกคุณ ไม่ควรกลั่นแกล้งคุณและพี่ชูหน การใช้ชีวิตยากจนแบบนี้ได้สอนบทเรียนอ้นมีค่า
ให้ฉันมากมาย และฉันก็ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองด้วย ฉันหวังว่าคุณจะให้อภัยฉัน และอย่าถือสาคนอย่างฉันอีกเลย…”
เมื่อเซียวเวยเวยพูดคำเหล่านี้ออกมา ทำให้เย่เฉินค่อนข้างประหลาดใจ
เขาคาดคิดไม่ถึงจริงๆ เซียวเวยเวยจะสามารถพูดคำเหล่านี้ออกมา
สิ่งที่ทำให้เขาคาดคิดไม่ถึงจริงๆคือ ในขณะที่เซียวเวยเวยพูดคำเหล่านี้ออกมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
เขามองออกได้อย่างช้ดเจน เซียวเวยเวยพูดคำเหล่านี้ พูดจากใจจริง ไม่ใช่คำพูดส่งเดช
เมื่อเห็นเซียวเวยเวยกล่าวคำขอโทษจากใจจริง และรู้ว่าตัวเองทำผิด ท่าทางของเย่เฉินอ่อนโยนลง และพูดเบาๆ:” รู้ผิดแล้วแก้ไข นับว่า
เยี่ยมยอด ถ้าคุณตระหนักได้ว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยทำผิด ตอนนี้รู้ตัวและปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นก็ยังไม่สาย”