ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2178
บทที่ 2178
หากทำงานเป็นบ่อยก็ต้องตั้งใจทำให้ตึ ยังมีโอกาสได้รับอิสรภาพคืนเร็วขึ้น
มิเช่นนั้น อาจจะต้องทำงานเป็นบ่อยใน KTV ไปตลอดชีวิต
ไม่ใช่ว่าตอนที่อายุหกเจ็ดสิบปีผมหงอกแล้ว ยังต้องไปแจกกระดาษชำระให้กับลูกค้าผู้ชายที่ประตูห้องน้ำ? แม่งฉิบหาย ชีวิตอย่างนั้นมัน
น่าสังเวซเกินไป
ขณะนี้ หม่าจงเหลียงที่อยู่ด้านข้าง เห็นสีหน้าโศกเศร้าของหลิวจงฮุย ทำให้เขารู้สึกเห็นใจไม่มากก็น้อย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็คิดอยู่ในใจว่า “ถึงแม้ว่าวันนี้หลิวจงฮุยเกือบจะทำให้ตนเองประสบหายนะ แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นเพื่อนของตนเอง ไม่
พูดถึงเรื่องที่เขาเคารพตนเองเสมอมา และยังจัดผู้หญิงที่ตนเองซอบให้คนหนึ่ง และถือว่าตนเองติดหนี้บุญคุณเขา……
“และเมื่อสักครู่ เพื่อปกป้องตนอง ได้ทำการทุบตีเขาทันที และว่าจะทำให้เขาพิการ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว มันรู้สึกแย่จริง ๆ และรู้สึกผิดที
ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบาก ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปว่าหม่าจงเหลียงนั้นเป็นคนเลวคบไม่ได้ เมื่อเจอปัญหาก็สามารถจะทรยศเพื่อนได้….”
“นอกจากนี้ อาจารย์ย่คนนี้เป็นคนโหดเหี้ยมจริง ๆ ให้หลิวจงฮุยไปทำงานเป็นบ่อยอยู่ที่ KTV นี่เท่ากับให้เจ้าของบริษัทที่มีเงินเดือนหนึ่ง
ล้านต่อปีไปทำความสะอาดห้องน้ำ ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มอิทธิพลมีดล้วนเป็นคนที่รักหน้าตาตนเอง ทำเช่นนี้แล้วใครจะสามารถทนได้….
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หม่าจงเหลียงถือโอกาสที่เย่เฉินพูดคุยกับเชียวเวยเวย ดั่งนั้นเขาจึงเอนตัวไปที่หลิวจงฮุย และกระซิบว่า “หลิวจงฮุยอย่า
โศกเศร้ามาก วันนี้มีบทสรุปเช่นนี้ ถือว่าโชคดีมากแล้ว….
เมื่อหลิวจงฮุยได้ยินประโยคนี้ ทำให้เขากสั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนน้ำตาไหลออกมานองหนำา สะอีกสะอื้นและถามว่า “พี่จงเหลียง…..ผมเป็น
ถึงขนาดนี้แล้ว ยังถือว่าโชคดีอีกหรือ?”
หม่าจงเหลียงพยักหน้าอย่างจริงจังและกล่าวว่า “ไม่กล่าวถึงว่าคุณเป็นคนที่ก่อกรรมทำชั่มาตลอด และปังคับให้หญิงสาวค้ำาประเวณี
ก่อนหน้านั้นมีเจ้าของบริษัทคนหนึ่ง ซึ่งบริษัทมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน บริษัทกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว และเขาไม่เคยทำธุรกิจ
ที่ก่อกรรมทำชั่วงานบังคั่บให้หญิงสาวคำประเวณีอย่างเช่นคุณ เพียงแต่เขามิตาแต่หามีแววไม่ไปเสแสร้งต่อหน้าอาจารย์เย่ ตอนนี้เขายังคงแบก
ปูนอยู่ที่ไซตังานก่อสร้าง อาจารย์เยกล่าวไว้ว่า แบกปูนครบยี่สิบปีเมื่อไหร่ก็จบสิ้นเมื่อไหร่! คุณบอกมาสิว่า ถ้าคุณเยบกับเขาแล้วใครน่าสังเวช
กว่ากัน?”
หลิวจงฮุยตกตะลึง
หม่าจงเหลียงกล่าวต่อไปว่า “ดั่งนั้น คุณลองคิดดูสิว่า ทำงานเป็นบ่อยใน KTV เป็นเวลาสิบปีที่เป็นงานเบา หรือจะไปทำงานแบกปูนที่ไซตั
ก่อสร้างเป็นเวลายี่สิบปี?”
“ชีวิตที่มืดมน…”
เมื่อหลิวจงฮุยได้ยินประโยคนี้ เขาก็รีบปาดน้ำตา และกล่าวอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำงานเป็นบ่อยนั้นสบายกว่า…”
“ใซ่!” หม่าจงเหลียงถอนหายใจ “ก็บอกแล้วไงว่าผลลงเอยของคุณไม่เลวแล้ว! ไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร ยังมีชีวิตและแขนขาอยู่ เมื่อก่อนมีคน
มากมายที่เคยล่วงเกินอาจารย์ย และมีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถลงเอยแบบคุณได้ เช่นนี้แล้วถ้ายังไม่พอใจอีก ผมว่าคุณอย่าคิดมากอีกเลย?”
หลิวจงฮุยพยักหน้า “พี่จงเหลียง คุณพูดถูก…ผม…ผม…เฮ้อ…ผมยอมรับชะตาชีวิตแล้ว…..”
หม่าจงเหลียงพยักหน้าเมา ๆ และกล่าวต่อไปว่า “เรื่องนี้ ต้องโทษชู้รักของคุณ แม่งฉิบหาย จะล่วงเกินใครไม่ไปล่วงเกิน แต่ดันไปล่วง
เกินอาจารย์เย่ นี่มันเป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ?”
หลิวจงฮุยกัดฟันและพยักหน้า
เมื่อกล่าวถึงเฉินเสี่ยวเฟย ทำให้เขารู้สึกเคียดแค้นเป็นอย่างมาก!
ด้งนั้นเขาจึงกัดฟันและด่สาปแช่งอยู่ในใจ “อีเฉินเสี่ยวเฟย ความสามารถที่จะทำให้งานสำเร็จนั้นมีไม่พอ แต่ความสามารถที่จะทำลาย
งานนั้นมีอยู่เหลือเพื่อ! ถ้กูรู้แต่แรกว่ามึงจะนำหายนะใหญ่หลวงเช่นนี้มาให้กู กูจะไม่นอนกับมึงเด็ดขาด แต่จะส่งมึงไปทำงานเป็นสาวนั่งดริ้งที่
KTV! เมื่อเป็นเช่นนั้น วันนี้กูก็จะไม่ต้องมาประสบหายนะใหญ่หลวงเช่นนี้…..”
“เฮ้อ น่าเสียดาย เรื่องทุกอย่างไม่มีคำว่ ‘รู้ก่อน’ ท้ายที่สุดแล้วชีวิตไม่มีการหวนกลับ ต่อให้โกรธหรือไม่พอใจ ตอนกลางคืนก็ยังต้องไป
ทำงานเป็นบ่อยที่ KTV?”
มื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขามองไปที่หม่าจงเหลียง ร้องไห้อ้อนวอนว่า “พี่จงเหลียง ต่อไปองคนนี้จะทำงานเป็นบ่อยในสถานที่ของคุณ คุณต้อง
ดูแลน้องคนนี้ด้วย….
หม่าจงเหลียงหันหลังให้กับเย่เฉิน ตหน้าอกของเขาเบา ๆ และกล่าวอย่างจริงจังว่า “จงฮุย คุณวางใจเถอะ พี่ชายคนนี้จะดูแลคุณอย่าง
เงียบ ๆ!”