ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2189
บทที่ 2189
หลั่งกลับจากบ้านเก่าของพ่อแม่เย่เฉิน ตู้ให่ชิงก็รู้สึกผิดหวังราวกับสูญเสียอยู่บ้าง
ทางหนึ่งเป็นเพราะคิดถึงเย่ฉางอิง อีกทางหนึ่งก็เป็นเพราะเห็นเย่เฉินเมื่อกี้ รู้สึกว่าเขาหนำาตาเหมือนกับเย่ฉางอิงมากจริงๆ ดังนั้นจึง
กระตุ้นให้เธอหวนคิดถึงความทรงจำมากมายในช่วงวัยเยาว์อีกครั้ง
ตอนกลับถึงบ้านพักในจินหลิงของตระกูลตู้ คนรับใช้ก็เตรียมอาหารเที่ยงไว้เต็มโต๊ะแล้ว
ซูจือเฟยก็เพิ่งกลับมาจากการบริจาคเงินให้สถานเสี้ยงเด็กกำพร้าเสร็จ พอเห็นต์ไห่ชิงกลับมา ก็รีบร้อนถามเธอว่า “แม่ ช่วงเช้าแม่ไปไหน
มา?”
ตู่ให่ชิงได้สติกลับมาจากคนามคิดอันยุ่งเหยิง ทว่ายังคงพูดโดยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้างว่า “อ ไม่ได้ไปไหนหรอก ให้ลุงหวางพาแม่
ไปเที่ยวรอบๆ นี้น่ะ”
เวลานี้ สาวใช้คนหนึ่งก็เดินข้ามา พูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณหนูรองคะ อาหารทำเสร็จแล้วค่ะ”
ตู่ให่ซิงพยักหน้า พูดกับซูจือเฟยว่า “ไปเรียกน้องแกอกมากินข้าว ยัยเด็กคนนี้ทำอะไรอยู่กัน? พักนี้ถึงหมกตัวอยู่แต่ในห้องตัวเองทั้งวัน
เพิ่งมาจินหลิงครั้งแรกก็ขังตัวเองไว้แล้ว ประหลาดจริงเชียว”
“แหะๆ…. ‘ซูจือเฟยหัวเราะ แล้วพูดว่า “จื่อหยูอยากตามหาผู้มีพระคุณของเราให้เจอน่ะครับ ก็คือชายหนุ่มคนนั้นที่ช่วยชีวิตเราไว้ตอนอยู่
ญี่ปุ่น”
ตู่ให่ชิงพลันรู้แจ้ง รีบถามว่า “มีเบาะแสหรือยัง?”
ซูจือเฟยส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วกล่าวว่า “งมเข้มในมหาสมุทร จะหาเจอได้ง่ายขนาดนั้นที่ไหนกันครับ จนปานนี้ก็ยัง
ไม่มีความชัดเจนว่าเขาเป็นคนหัวเซี่ยหรือหัวเฉียวกันแน่ และไม่รู้ว่าเขาอยู่ญี่ปุ่นหรือว่าในประเทศเรา”
ดู่ให่ชิงกล่าวอย่างจริงจังว่า “คนคนนี้ช่วยชีวิตพวกลูกสองคนไร้ หากไมใช่เพราะเขา พวกลูกคงจะประสบกับเหตุไม่คาดฝันไปนานแล้ว
บุญคุณยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะต้องหาโอกาสตอบแทนให้ดีๆ ….
พูดเสร็จ เธอก็ถามอีกว่า “สำหรับผู้มีพระคุณคนนี้ พวกลูกพอจะมีเบาะแสตรงไหนบ้าง ก็บอกมาได้เลย แม่จะช่วยพวกลูกคิดหาวิธีด้วย”
ซูจือเฟยแมือออก ถอนหายใจเขาๆ และกล่าวว่า “เช้อ อันที่จริงพวกเราเองก็ไม่มีเบาะแสอะไร ก็แค่เคยพบหน้าเขาครั้งหนึ่ง พอจะรู้ว่า
เขาหน้าตาอย่างไร แต่นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่มีเบาะแสที่มีค่าอะไรอีก”
ตู่ให่ชิงถามว่า “งั้นประกาศหโดยให้รางวัลดีหรือไม่? ขอกไปว่าอยากจะตามหาผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตในตอนนั้น เพื่อขอบคุณต่อหน้า
หากเจ้าตัวเห็นเข้า ก็ให้ติดต่อพวกเรามา”
ซูจือเฟยพูดว่ “วิธีนี้จือหยูก็เคยคิดแล้วเช่นกัน แต่เธอบอกว่ามีความเป็นไปได้ไม่มากนัก เธอบอกว่าผู้มีพระคุณน่จะเป็นที่ยอดเยี่ยมมาก
คงจะไม่ขาดเงิน ต่อให้เห็นรางวัล คงจะไม่ติดต่อเรามาหรอก”
ตู่ไห่ซิงพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง แล้วกล่าวว่า “ที่พูดมาก็ถูก หากต้องการเงินจริง ตอนที่ช่วยพวกลูกก็คงจะเอ่ยปากหรือทิ้งวิธีติดต่อไว้แล้ว
ตอนนี้อาศัยเพียงความจำที่เคยเห็นหน้าเขาครั้งหนึ่ง คิดจะคันหาเขาออกมาจากทะเลคนที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา คงยากเกินไปจริงๆ”
ซูจื่อเฟยพูดอย่างอับจนหนทาง “ผมเองก็เคยโน้มน้วจื่อหยู แต่เธอยังคงไม่ยอมถอดใจ”
พูดเสร็จ เขาก็สะบัดศีรษะ กล่าวว่า “แม่ ผมจะไปเรียกจือหยุออกมากินข้าว”
“อิ่ม ไปเถอะ”
อย่างรวดเร็ว จื่อหยูที่อยู่ในชุดนอนอยู่บ้าน ก็เดินออกมาจากในห้องอย่างไม่ค่อยยินดีนักภายใต้การเร่งเร้าของซูจือเฟย
ตอนที่ออกมา ในมือเธอยั่งถือiPadเครื่องหนึ่งมาด้วย นิ้วมืออีกข้างก็กำลังไถอยู่บนนั้นอย่างรวดเร็ว ก้มหน้ามองหน้าจอไม่หยุด
ตอนที่มาถึงห้องอาหาร ความสนใจของซูจื่อหยูก็ยังเพ่งอยู่ที่หน้าจอiPad ตู่ให่ชิงจึงเอ่ยปากถามว่า “จื่อหยู ได้ยินพี่ชายลูกบอกว่าลูก
กำลังตามหาผู้มีพระคุณคนนั้น มีความคืบหนำอะไรหรือยัง?”