ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 223 เย่เฉินหลอกกู(1)
บทที่ 223 เย่เฉินหลอกกู(1)
ได้ยินแม่พูดเตือนเช่นนี้ เซียวชูหรันก็เกร็งๆ
เธอเองก็คิดว่า เย่เฉินใช้วิชสฮวงจุ้ยมาตีสนิทใกล้ชิดคนใหญ่คนโตพวกนั้น จริงๆ แล้วมันก็เหมือนการเดินบนเส้นลวดข้ามหุบเหว มันอันตรายมาก
ก่อนหน้านี้มีปรมาจารย์ชี่กง ไปหลอกคนมีชื่อเสียงมากมาย แต่ต่อมาเจ๊งหมด ก็ถูกทุกคนร่วมมือกันจัดการจนตาย
ถ้าเย่เฉินยังเป็นแบบนี้ต่อไป อนาคตก็บอกไม่ได้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร
หม่าหลันเห็นเซียวชูหรันมีใบหน้ากังวล ก็รู้ได้ว่าตนเองนั้นได้เกลี้ยกล่อมเธอสำเร็จแล้ว ก็เลยรีบพูดเสริมไปว่า “รอพ่อเธอออกจาก โรงพยาบาลแล้ว เธอต้องรีบหย่ากับเขาเสีย ไม่เช่นนั้น ถ้ารอคนพวกนั้นรู้ว่าตนเองถูกหลอก บ้านเราก็จะติดร่างแหไปด้วย ใช่ไหมล่ะ?”
พูดไป หม่าหลันก็เสริมอีกว่า “เธอไม่เห็นเกาจวิ้นเว่ยหรือ? พูดไม่เข้าหู ก็ถูกโยนลงม้าจากตึก เย่เฉินไปหลอกลวงพวกมันเสียขนาด
นั้น พอถึงตอนนั้น คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองได้อย่างไร!”
เซียวชูหรันก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “แม่คะ เย่เฉินเพิ่งเชิญหมอเทพซือมาช่วยคุณพ่อ ทำไมแม่พูดเช่นนี้? มันจะไม่เป็นการเสร็จศึกฆ่าขุนพลไปหน่อยหรือ?”
“ทำไมจะไม่ได้?” หม่าหลันพูดอย่างโกรธๆ ว่า “เธอไม่รู้อะไร สถานการณ์ตอนนี้ ก็เหมือนกับตอนที่แม่ลงทุนในประกันชีวิต ไม่แน่ว่าวันไหนมันจะเจ๊งขึ้นมา!พอเจ๊งหมด ก็จะไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง!”
เซียวชูหรันพูดอย่างตั้งใจว่า “แม่คะ ไม่ว่าอย่างไร หนูก็จะไม่เลือกหย่ากับเย่เฉิน”
จะว่าไปแล้ว ในใจของเซียวชูหรันก็กังวลไม่น้อย
เธอไม่ได้กังวลว่าวันข้างหน้าเย่เฉินจะพาตระกูลเซียวลำบากไปด้วย แต่กังวลที่เย่เฉินจะถูกคนพวกนั้นแก้แค้น แล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต
พอคิดถึงจุดนี้ เธอก็รู้สึกว่า จะต้องเตือนเย่เฉินเสียหน่อยแล้ว ไม่อาจให้เขาเอาเรื่องความเชื่อไปหลอกลวงคน เพื่อที่วันข้างหน้าเขาจะได้ไม่ลำบาก
หม่าหลันได้ยินดังนั้น ก็พูดอย่างหัวเสียว่า “ยัยลูกคนนี้นี่นะ! จะให้แม่โมโหจนตายเลยใช่ไหม!”
พอสิ้นเสียงพูด เย่ก็ไปส่งคนอื่นกลับไป แล้วก็กลับมายังห้อง
หม่าหลันก็เหมือนจะพูดอะไร ในตอนนี้หมอเจ้าของไข้ก็พูดว่า “เอ่อ เดี๋ยวรบกวนพวกคุณไปเขียนแบบฟอร์มแอดมิดด้วยนะครับ ทางพวกเราจะได้เริ่มการบำบัดเพื่อฟื้นตัวคนไข้”
“ได้ค่ะ!” เซียวชูหรันหันหน้าไป แล้วพูดกับเย่เฉินว่า “เมื่อครู่ที่ประธานหวังคืนเช็คเงินสดมาหนึ่งแสนแปดหมื่น อยี่คุณใช่ไหม?”
“อยู่ที่ผม” เย่เฉินหยักหน้า พูดว่า “งั้นเดี๋ยวผมไปจ่ายเงินเลยนะ!”
พูดจบ เย่เฉินก็หันหลังออกจากห้องผู้ป่วยไป
ทางแม่ของเซียวชูหรัน พอหม่าหลันได้ยินว่ามีเช็คเงินสดหนึ่งแสนแปดหมื่น ก็รีบถามว่า “เช็คเงินสดหรือ? เช็คอะไร เอามาจากไหน?”
เซียวชูหรันกล่าว “ประธานหวังของตี้เหากรุ๊ป คืนค่าเช่าออฟฟิศมาให้หนูค่ะ เธอเอาออฟฟิศที่อาคารหย่องซิงมาให้หนูใช้ฟรีๆ แล้ว”
หม่าหลันพูดอย่างตื่นเต้นว่า “มีเรื่องดีๆ อย่างนี้ด้วยหรือนี่? ไอหย๋า! ประหยัดไปได้ตั้งแสนแปดหมื่น!”
พูดจบ ก็รีบถามหมอว่า “เอ่อ คุณหมอคะ พวกเราต้องจ่ายค่าพำนักที่โรงพยาบาลเท่าไรคะเนี่ย?”
หมอเจ้าของไข้ตอบว่า “เนื่องจากคนไข้ได้หายเป็นปกติแล้ว ที่เหลือก็เป็นการบำบัดเพื่อนฟื้นตัว ก็ไม่แพงเท่าไร วันละสองพันหยวน ก็พอแล้วครับ จ่ายเงินมัดจำเป็นเงินจำนวนสองหมื่นก็ได้ครับ”
หม่าหลันได้ยินว่าต้องจ่ายเงินสองหมื่น ก็เริ่มมีแผนในใจ เช็คเงินสดนั่นมันมีจำนวนตั้งแสนแปดหมื่นเลยนะ !ยังเหลืออีกตั้ง
แสนหกหมื่น!
พอคิดถึงจุดนี้ เธอก็รีบพูดกับเซียวชูหรันว่า “แม่จะไปหาเย่เฉินเสียหน่อย ว่าเรื่องจ่ายเงินนั้น ให้แม่ไปจัดการเอง!”
พูดจบ ก็รีบเปิดประตูตามออกไป
ในตอนนั้น เย่เฉินก็กำลังทำการชำระเงิน ก็ได้ยินด้านหลังมีเสียงฝีเท้ารีบร้อนเดินเข้ามา พอหันไปมอง หม่าหลันผู้เป็นแม่ยาย ก็ได้มายืนตรงหน้าแล้ว
หม่าหลันยืนนิ่งตรงหน้าเขา พูดอย่างหายใจไม่ทันว่า “เย่เฉิน เอาเช็คเงินสดมาให้ฉัน ฉันจะไปจ่ายเงิน!”
เย่เฉินไม่รู้ว่าเธอโลภมากในเงินที่เหลืออีกแสนหกหมื่น ก็เลยพูดว่า “แม่ครับ กลับไปอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อเถอะครับ ผมไปชำระเงิน
เองก็ได้ครับ”
หม่าหลันก็จ้องเขาเขม็ง แล้วพูดอย่างโมโหว่า “ทำไมแกพูดมากอย่างนี้เนี่ย? ฉันบอกว่าฉันจะไปเอง แกเอาเช็คเงินสดมานี่ แล้วก็กลับห้องผู้ป่วยไป ให้เซียวชูหรันช่วย”
……