ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2362
บทที่ 2362
ในขณะนี้ เฉินจี่อข่ายได้รับข้อความจากโทรศัพหมือถือของเขา หลังจากที่เขาคลิกเข้าไปและอ่านมัน เขาก็รีบพูดกับเย่เฉินว่า “คุณชาย
ลูกชายรองตระกูลชู ซูโสว่เต๋อมาที่เมืองจินหลิงแล้ว!”
“จริงเหรอ?” เย่เฉินถามอย่างสงสัยว่า “มาตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
เฉินจี๋อข่ายพูดอย่างเร่งรีบว่า “ทางสนามบินจิงหลินรายงานว่า เขาเพิ่งลงจอดเมื่อสิบนาทีที่แล้ว”
เย่เฉินเยาะเย้ยและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า เขาจะได้รับคำสั่งจากคุณท่านใหญ่ซู ให้มาตามหาร่องรอยของตู้ให่ชิงและชูจือหยู”
เฉินจื่อข่ายพูดอีกครั้งว่า “คุณชาย ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่อยากจะรายงานกับท่านสักหน่อย”
เย่เฉินพยักหน้า “พูดมา”
เฉินจื่อข่ายกล่าวว่า “คนที่ลงจอดในเวลาใกล้เคียงกันกับซุโสว่เต๋อ ยังมีเครื่องบินส่วนตัวที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาอีกหนึ่งลำด้วย คน
ของผมตรวจสอบหมายเลขการจดทะเบียนของเครื่องบิน และเครื่องบินลำนั้นอยู่ภายใต้ชื่อธุรกิจของตระกูล Horowitz ในสหรัฐอเมริกา”
“Horowitz งั้นเหรอ?” เย่เฉินขมวดคิ้ว และพูดอย่างเย็นชาวา “ดูเหมือนว่า คนที่มาน่จะเป็นคนในครอบครัวของ Walter คนนั้น”
เฉินจื่อข่ายกล่าวต่อว่า “ใช่ครับ ข้อมูลทางขาเข้าแสดงให้เห็นว่า เป็นคนที่ชื่อว่า Steve Horowitz น่จะเป็นคุณพ่อของ Walter และใน
ตอนนี้เขาก็กำลังนั่งอยู่ในรถของซูโสว์เต๋อ และไปยังโรงแรมจินหลิงอินเตอร์เนชันแนลร่วมกับซูโสว่เต๋อ”
เย่เฉินถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมพวกเขาถึงยังมาด้วยกันได้อีก?”
เฉินจื่อข่ายส่ายหัวและพูดว่า “นี่ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน อาจจะรู้จักกันมาก่อน หรืออาจจะเพิ่งรู้จักกันก็ได้”
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และเอ่ยปากพูดว่า “ความแข็งแกร่งของตระกูล Horowitz นั้นค่อนข้างจะธรรมดา ทรัพย์สินมูลค่ากว่าหลาย
หมื่นล้านดอลลาร์นั้น แม้กระทั่งยังเทียบไม่ได้เท่ากับตระกูลซ่งเลย หากว่าตามเหตุผลแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลซูจะเห็นตระกูลแบบนี้อยู่ใน
สายตา และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสำมพันใดๆ กับพวกขา อีกอย่างเครื่องบินของทั้งสองคนลงจอดเกือบพร้อมๆ กัน ผมเดาว่าพวกเขาน่าจะ
เพิ่งรู้จักกัน!”
เฉินจื่อข่ายหัวเราะและพูดว่า “ทั้งสองคนนี้น่าสนใจดีจริงๆ นัก สามารถลงจอดที่เมืองจินหลิงได้ติดๆ กันก่อนหลัง พอมีวาสนาร่วมกันอยู่
บ้างนั่ก”
เย่เฉินกล่าวด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม “พวกเขาทั้งสองพบเข้าหากัน นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไรเลย”
“ทำไมล่ะ? ” เฉินจี๋อข่ายถามอย่างสงสัยว่า “คุณชาย คุณกำลังกังวลว่าทั้งสองคนจะรวมพลังกันเหรอ?”
เย่เฉินส่ายหัว และพูดอย่างจริงจังว่า “ผมกำลังกังวลว่าทั้งสองคนจะแลกเปลี่ยนเบาะแสกัน”
“แลกเปลี่ยนเบาะแส? เบาะแสอะไรเหรอ?”
เย่เฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เรื่องที่เกี่ยวกับตู้ให่ชิงและซูจือหยู เราแทบไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่เล็กน้อย คนที่ยั่งมีชีวิตอยู่ต่างถูกนำ
ตัวออกมาแล้ว มีเพียงศพของหลิวจ้านเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อย่างไรก็ตาม สำหรับ Walter เราได้ทิ้งเบาะแสไว้อยู่”
เฉินจี๋อข่ายเข้าใจหันที และอุทานว่า “คุณหมายถึง คุณหนูหวังหวังตงเสวี่ยนงั้นเหรอ? !”
“ใช่!” เย่เฉินพูดอย่างเย็นชา “ไม่มีเงื่อนงำใดๆ เกี่ยวกับการหายตัวไปของตู้ห่ชิงและชูจือหยู การหายตัวไปของ Walter ยังมีเงื่อนงำอยู่ที่
หวังตงเสวี่ยน ผมเกรงว่ทั้งสองคนจะคิดแผนชั่วร่วมกัน และระดมกองกำลังร่วมกัน พยายามที่จะหาเบาะแสจากตัวหวังตงเสวี่ยน!”
เฉินจี่อข่ายถามอย่างเร่งรีบว่า “คุณชาย ถ้าอย่างงั้นจะต้องรีบปกป้องคุณหนูหวังไรในตอนนี้เลยหรือไม่?!”
เย่เฉินโบกมือของเขา “การปกป้องเธอไม่มีความหมาย ยิ่งปกป้องเธอมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่า เธอต้องมีความเกี่ยวข้องกับ
เรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“แล้วควรจะทำอย่างไร? ”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อเพื่อนทั้งสองคนมาจากระยะทางห่างไกล และระหว่างทั้งสองยังมีวาสนาต่อกันขนาดนั้น งั้นก็ใช้ความคิดริเริ่ม
ในการโจมตี และทำให้พวกเขาทั้งสองหยุดอยู่ที่นี่ด้วยกันเถอะ และใช้ประโยชน์นี้ทำให้ญาติของพวกเขา ตระหนักได้ว่าสถานที่เมืองจินหลิง
แห่งนี้ เป็นเหมือนหลุมดำที่ไม่มีกันเหว!”