ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2422
บทที่ 2422
ซูจือหยูอตไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เธอก็รู้สึกว่าแม่พูดถูกต้องมาก
พวกลูกท่านหลานเธอตระกูลชั้นนำเหล่านี้ ในมุมมองของโลกภายนอก าจจะลึกลับเป็นอย่างมาก แต่สำหรับสมาชิกตระกูลชั้นนำอย่าง
แท้จริงแล้ว รู้จักพวกคุณชายของตระกูลอื่นเป็นอย่างดี
ลูกท่านหลานเธอของตระกูลชั้นนำเหล่านี้ แม้ว่าแต่ล่ะคนล้วนเรียกได้ว่าเป็นนักเรียนดีเด่นที่กลับมาจากไปเรียนต่างประเทศ แต่ซูจื่อหยูรู้
ดีว่า ส่วนใหญ่นั้นก็เป็นคนอ่อนหัดที่เด่นสง่า
พูดจาน่าฟังหน่อย คือคนที่ไม่มีความสามารถ
พูดจาหยาบคายหน่อย ก็คือข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง
อย่ามองว่าลูกท่านหลานเธอเหล่านั้น แต่ละคนอ้ปากก็พูดกาษาอังกฤษได้คล่อง ในขณะเดี่ยวกันก็เข้าใจลั่กษณะการจัดรูปแบบโลก
มากแล้วสามารถเล่าเรื่องราวที่ยืดยาวของการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งโลกได้และคำแนะกับชาติบ้านเมืองได้ แต่ให้พวกเขาลงมือทำจริงๆ เขาอาจ
จะดีแต่พูดมั่วอย่างหลั่บหูหลับตาเหมือนกับจ้าวโค่
ก่อนหน้านี้มีลูกท่านหลานเธอคนหนึ่งที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามอัจฉริยะทางธุรกิจ ในเวลาเพียงไม่กี่ปีด้วยความสามารถของตัวเอง
ทำเงินไต้หลายพันล้าน แต่ในชั่วพริบตาก็มีข่าวบริษัทล้มละลายหนี้ท่วมหัวเผยแพร่ออกมา
สินทรัพย์หลายพ้นล้าน กลายเป็นหนี้สินหลายพันล้านในพริบตาเดียว
และคนแบบนี้ ก็ไม่มีทางเป็นข้อยกเว้นอยู่ในสังคมชนชั้นสูง
ดังนั้น ซูจือหยูยากมากที่จะเชื่อว่า ผู้มีพระคุณของตัวเอง ผู้มีพระคุณคนนั้นที่เหมือนราวกับฮิโร่พันธุ์ใหม่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ของตัวเอง ก็
จะสืบสายเลือดมาจากลูกท่านหลานเธอของตระกูลใหญ่ไหน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธออดไม่ได้ตกอยู่ในห้วงความคิด หลังจากผ่านไปนานก็พูดด้วยความเป็นทุกข์วา: “แม่ค่ะ ผู้มีพระคุณไม่ใช่ลูกท่าน
หลานเธอของตระกูลใหญ่หรอกค่ะ แต่ก็ถูกคนเรียกว่าคุณชายอีก ฐานะสังคมของเขาจะเป็นอะไรกันแน่?”
ตู่ให่ซิงยิ้มเล็กน้อย และพูดอย่างจริงจัง: “ลูกจะตามหาผู้มีพระคุณท่านนี้ มีความสามารถอย่างมหัศจรรย์ ความสามารถไม่ใช่สิ่งที่แม่
สามารถจินตนาการถึงได้อีกต่อไป ดังนั้นฐานะของเขาก็ไม่ใช่ว่าพวกเราก็สามารถที่จะคาดเดาได้ง่ายดายอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในหัวของเธอก็มีใบหน้าหนึ่งโผสขึ้นมาอย่างกะหันหัน
เป็นใบหน้าที่คุ้นเคยมากแต่กลับค่อนข้างแปลกหน้า
นั่นเป็นตัวเองอยู่ที่หนัาประตูบ้านเก่าของเย่ฉางอิง เห็นชายหนุ่มคนนั้นที่ละม้ายคล้ายคลิ่งกับเย่ฉางอิง
เขาเหมือนกับเย่ฉางอิงมาก ถึงขนาดที่ตัวเองสามารถมั่นใจได้ว่า เขาเป็นลูกชายของเย่ฉางอิงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นตั
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ตู่ให่ชิงอดไม่ได้ที่จะแอบคิดในใจ: “ผู้มีพระคุณที่จือหยูกำลังตามหา จะเป็นลูกชายของฉางอิงหรือเปล่า?!”
ทันทีที่ความคิดนี้ออกมา ตู่ใหชิงก๊อดไม่ได้ที่จะล้มล้างการคาดเดาของตัวเอง
“เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้น เขาแต่งตัวธรรมดามาก ยังขี่จักรยานไฟฟ้าที่โกโรโกโสคันหนึ่ง คิดดูแล้วนำจะค่อนข้างยากลำบาก น่าจะไม่มี
ทางเป็นผู้มีพระคุณที่จือหยูลืมไม่ลงมาโดยตลอด…
ตู่ให่ชิงตกอยู่ในห้วงความคิด และคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ: “เอ่อ…คนคนนั้นที่แย่งบ้านเก่าของฉางอิงกับฉันในงานประมูล เป็นใครอีก?”
เมื่อซูจี่อหยูเห็นสีหน้าท่าทางของแม่เดี๋ยวก็ภูมิฐานเตี๋ยวก็สับสนเตี๋ยวก็สงสัย อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “แม่ค่ะ แม่กำลังคิดอะไรอยู่ค่ะ?”
ดูไห่ซิงดึงสติกลับมา และรับพูดว่า: “อ้อ ไม่มีอะไร…แม่ก็แค่คิดฟุ้งซ่านไปหน่อย ก็ไม่ได้เบาะแสอะไร”
หลังจากพูดจบ เธอก็พูดกับซูจือหยูว่า: “จือหยู ลูกก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ในเมื่อผู้มีพระคุณท่านนั้นจัดการให้พวกเราอยู่ที่นี่ ยังให้ลูก
น้องคุ้มกันพวกเรา นั่นก็เทียบเท่ากับว่สร้างความสัมพันธ์ทางอ้อมกับพวกเรา นี่มองโล้กในแง่ดีมากกว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่ลูกงมเข็มใน
มหาสมุทรแล้วตามหาเบาะแสอะไรไม่เจอ ดังนั้นลูกรออย่างอดทน แม่เชื่อว่าเขาจะปรากฏขึ้นไม่ช้าก็เร็ว!”
ซจือหยุพยักหนำา และกำลังจะพูด จำๆความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในห้ว: “แม่ค่ะ! เม่ว่าโรงแรมนี้ จะเป็นกิจการของผู้มีพระคุณหรือเปล่า?!”