ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2437
บทที่ 2437
คำพูดนี้ของชูโสว่เต้า พูดแทงใจดำซูเฉิงเฟิง
แม้ว่าซูเฉิงเฟิงจะเป็นคนขอโทษเรื่องของตู้ให่ชิงและซูจือหยู กับซูโสว่เต๋าและซูจือหยูในทันทีที่ขึ้นมา แต่ในส่วนลึกหัวใจของเขา และไม่
ได้หวังว่าซูโสว่เต้า สองคนพ่อลูกจะราวีปัญหานี้กับเขาไม่เลิก
ดังนั้นตอนนี้ซูโสว่เต้าเป็นคนเปลี่ยนเรื่องคุยเอง ตอบสนองความคิดภายในของซูเฉิงเฟิงพอดี
ดังนั้น เขาจึงรีบเอ่ยปากพูดว่า: “โสว่เต้าแกพูดถูก พวกเราจะต้องพร้อมใจกันทำงานร่วมกัน ตามหาคนบงการอยู่เบื้องหลังว่าเป็นใครกัน
แน่!”
จากนั้น เขาก็ถามชูโสว่เต้าว่า: “แกคิดว่า ใครกันแน่ที่ต่อต้านพวกเราอยู่เบื้องหลัง?”
ซูโสว่เต้าพูดโดยไม่รู้ตัว: “พ่อครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลเย แต่ว่าผมไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลเย่
กระทำ ทำได้เพียงคาดเดาได้ผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นเท่านั้น ตระกูลเย่นาจะส่วนร่วมในระดับหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเมืองจินหลิงก็เป็นขอบเขต
อิทธิพลของตระกูลเย่ ถือว่าเป็นถิ่นฐานของพวกเขา”
ซูเฉิงเฟิงพยักหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า: “ความคิดก่อนหน้นี้ของฉัน คล้ายกับแก แต่ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกว่า ตระกูลเย่ดูไม่น่าจะแข็งแกร่ง
ขนาดนั้น ไม่อย่างนั้น พวกเขาไม่มีทางรอจนถึงวันนี้ถึงได้ลงมือกับพวกเรา”
ซูโสว์เต้าตกอยู่ในห้วงความคิด
มุมมองของพ่อเขาก็พิจารณาดูแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่เข้าใจ
ในขณะนี้ ซูเฉิงเฟิงมองไปทางซูจือหยูที่อยู่ข้างๆ แกลังทำเป็นเอ่ยปากถามว่า: “ใช่แล้วจือหยู แกมีความคิดอะไรมั้ย? ในใจของแก มื
เบาะแสอะไรที่ใกล้เคียงพอดีมั้ย?”
ซูจือเฟยรีบพูดว่า: “คุณปู่…ผม…ผมนึกเบาะแสอะไรไม่ออกจริงๆ”
ซูเฉิงเฟิงพยักหน้า ต่อจากนั้นแกล้งทำเป็นนึกอะไรบางอย่างออก และพูดว่า: “ใช่แล้ว! ตอนนั้นแกและจือหยูอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น เจอกับ
ยอดฝีมือคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? คนคนนั้นเป็นใครกันแน่ พวกแกพบเบาะแสหรือเปล่า?”
“ไม่มีครับ”ซูจือเฟยพูดอย่างจริงจัง: “จือหยูอยากจะตามหาผู้มีพระคุณมโดยตลอต แต่พวกเราลองมาหลายวิธีก็ไม่มีความสำคัญที่คิม
หน้าอะไรทั้งนั้น”
ในใจของซูเฉิงเฟิงตึงเครียด และรีบถามว่า: “ตอนนั้นแกเคยเจอเขา สามารถที่จะอธิบายลักษณะฟิเศษของเขาให้ฉันหน่อยได้มั้ย รวมทั้ง
รูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติพิเศษที่ดึงดูดความสนใจ?”
ซูจือเฟยครุ่นคิด และพูดว่า: “ผู้มีพระคุณอายุน่าจะพอๆกับผม อายุยังน้อยมาก ยิ่งไปกว่าเขาคงจะเป็นคนจีนหรือว่าจะคนจีนสัญชาติ
ญี่ปุ่น สำหรับรูปร่างหน้าตาของเขา พูดตามความจริงหล่อมาก หน้าตาและโครงหน้าก็แข็งแกร่งมาก ก็ยังมีจุดเด่นมาก”
ซูเฉิงเฟิงถามเขา: “สามารถหามืออาชีพด้านสืบสวนคดีอาชญากรรม มาช่วยแกสร้างภาพเหมือนคนได้หรือเปล่า?”
ซูจือเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และพูดว่า: “คุณปู่ เรื่องของภาพเหมือนคน ก่อนหนำานี้ผมกับจือหยูก็เคยพิจารณากันมาก่อน แต่พูดตรงๆ พวก
เรามีความสัมพันธ์เจอกับผู้มีพระคุณเพียงแค่หนึ่งครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นค่อนข้างตึงเครียดจริงๆ ดังนั้นถ้าให้พวกเราไปนึก
รูปลักษณ์ของผู้พระคุณจริงๆ แต่กลับค่อนข้างคลุมเครือ…นอกจากเจอหน้าอีกครั้ง ถึงจะแวบเดียวก็จำได้…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูจือเฟยอดไม่ได้ที่จะถามว่า: “คุณปู่ ทำไมจู่ๆถึงได้ถามเรื่องของผู้มีพระคุณ? หรือว่าปู่สงสัยว่าครั้งนี้ผู้มีพระคุณควบคุม
อยู่เบื้องหลังเหรอ?”
ซูเฉิงเฟิงถอนหายใจ และแกล้งทำเป็นทอดถอนหายใจแล้วพูดว่า: “ฉันไม่ได้สงสัย ฉันหวั่ง! ฉันหวั่งว่าครั้งนี้เป็นผู้มีพระคุณควบคุมทุก
อย่างอยู่เบื้องหลัง แบบนั้ ฉันเชื่อว่าโอกาสที่จือหยูและแม่ของแกมิชีวิตอยู่ก็จะมากยิ่งขึ้น”
ซูจือเฟยพยักหน้าเบาๆ และพูดอย่างจริงใจ: “ผู้มีพระคุณป็นคนมิพลังวิเศษ ถ้าหากเหมือนอย่างที่ปู่พุด ผมเชื่อว่า ความเป็นไปได้ที่แม่
และจือหยุจะมีชีวิตอยู่จะสูงมาก แต่ว่า พวกเราตามผู้มีพระคุณ นานขนาดนี้ก็ตามหาเขาไม่เจอ ความเป็นไปได้ที่เขาจะปรากฏตัวอยู่ในเมืองจิน
หลิงอย่างพอดีนั้นต่ำมาก”
ซูเฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อย: “ต่อให้ความเป็นไปได้นั้นจะต่ำมาก แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ ทุกเรื่องพวกเราก็ต้องคิดในแง่ดี ถ้าเป็นเขาจริงๆ
งั้นเหตุการณ์นี้ก็เป็นความเข้าใจผิดจริงๆ ตราบใดที่ปรับความเข้าใจกัน บางทีคนคนนี้อาจจะถูกตระกูลซูของพวกเราใช้งานได้!”
หลังจากพูดจม ซูเฉิงเฟิงสั่งกรในทัน: “จือเฟย นอกจากจือหยู แกเป็นคนเดียวที่เคยเจอผู้มีพระคุณคนนั้น เขาเคยช่วยชีวิตแก ไม่มี
ทางคิดร้ายกับแกอย่างแน่นอน ดั่งนั้นแกฟังคำสั่งของฉัน มุ่งหนำาไปที่เมืองจินหลิงอยางโออา! ดูว่าสามารถที่จะล่อผู้มีพระคุณคนนั้นออกมาได้
หรือเปล่า!”