ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2438
บทที่ 2438
เมื่อซูโสเต้าได้ยินแบบนี้ ก็พูดโดยไม่รู้ตัวว่า: “พ่อ สถานที่ในเมืองจินหลิงนี้เลวร้ายมาก! โสว่เต้าเพิ่งหายตัวไปจากที่นั่น ถ้าหากจือเฟยไป
เมืองจินหลิงอย่างโอ่อ่า ผมกลัว…”
ซูเฉิงเฟิงโบกมือ: “ไม่ต้องกลัว! ปกติการคาดเดาของฉันไม่มีทางผิด! ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำ ก็คือล่อศัตรูออกมา”
สีหน้าท่าทางของซูโสว่เต้าอดไม่ได้ที่จะค่อนข้างสับสน
ตอนนี้ซูจือหยูหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นหรือตายก็ไม่รู้ ดังนั้นเขายังไม่อยากให้ซูจือเฟยไปเสี่ยงอันตรายอย่างเอิกเกริกที่เมืองจิน
หลิง
ซูโสวเต่อก็เป็นเพราะว่าโฮ่อ่าเกินไป คนเพิ่งถึงเมืองจินหลิงก็ถูกลักพาตัวแล้ว
ถ้าหากซูจือเฟยก็โฮ่อ่ามากเหมือนกัน แปดสิบเปอร์เซ็นต์จะซ้ำรอยเดิมของซูโสว่เต๋อ
ทางเดียวที่จะได้รับการยกเว้น ก็คือคุณท่านเดิมพันถูกแล้ว บุคคลปริศนาที่มีอำนาจมากจะสั่งอะไรก็ได้คนนั้นที่อยู่เบื้องหลังในเมืองจิน
หลิง ก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยลูกชายและลูกสาวที่ประเทศญี่ปุ่น
ตอนที่เขาลั่งเลอยู่ ซูจือเฟยก็รวบรวมความกล้า และพูดอย่างจริงจังว่า: “คุณปู ผมเต็มใจไปเมืองจินหลิงครับ!”
ซูเฉิงเฟิงพยักหน้าอย่างพึ่งพอใจ และพูดด้วยรอยยิ้ม: “สมกับที่เป็นหลานชายคนโตของตระกูลซู! ความกลำหาญนั้นไม่ธรรมดา!”
จากนั้น เขาก็ถามว่า: “ใซ่แล้วจือเฟย ฉันได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้แกเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตงานหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะจัดขึ้นที่เมืองจินหลิ
งด้วยใช่มั้ย?”
ซูจือเฟยพยักหน้า: “ใช่ครับคุณปู่ ผมเป็นสปอนเซอร์ทัวร์คอนเสิตทั่วโลกของคุณกู้กู้ชิวอี่ ปีนี้เป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของเธอ”
ซูเฉิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ที่แท้เป็นเต็กสาวคนนั้นของตระกูลกูนี่เอง! เด็กสาวคนนั้นตอนนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดีมาก งั้นครั้งนี้แกไปเมืองจิน
หลิง ก็สามารถปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนในนามของสปอนเซอร์คอนเสิร์ตได้”
ซูจือเฟยรีบพูดว่า: “ได้ครับคุณปู่ ผมเข้าใจแล้ว!”
ในเวลานี้ในห้วของซูเฉิงเฟิงเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา: “เด็กอย่างจือเฟยคนนี้ ปกติก็ไม่ใช่ว่าว่างจนไม่มีอะไรทำ ก็ยิ่งไม่ใช่ลูกผู้ลาก
มากดีที่ไม่ทำงาน ทำไมจะต้องไปทำเรื่องน่าเบื่ออย่างเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตแบบนี้ด้วย?”
“เรื่องในวงการปันเทิง สำหรับคนธรรมดานั้นสูงใหญ่จริงๆ แต่ตระกูลที่มีชนชั้นสูง ไม่มีค่าอะไรเลย”
“าราดังในวงการมันเทิงไม่น้อย คิดมาจนเปลืองสมองก็อยากจะแต่งเข้าตระกูลซนชั้นสูง แต่ลูกหลานของตระกูลชั้นนำเหล่านี้ ที่มีระดับ
เล็กน้อย ไม่แม้แต่จะมองดูพวกเธอด้วยซ้ำ”
“จื่อเฟยเป็นหลานชายคนโตของตระกูลซู ถ้าหากเขากวักมือเรียกในวงการมันเฟิง ไม่รู้ว่าจะมีดาราสาวชั้นนำมากแค่ไหนที่จะไม่สนใจ
ทุกอย่างกระโจนขึ้นมา แต่เขากลับวิ่งไปเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตของเด็กสาวคนนั้นของตระกูลกู้ ที่ดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา
หากแต่มุ่งเสพความงามของขุนเขาสายน้ำในธรรมชาติชัดๆ!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซูเฉิงเฟิงก็กลอกตาหนึ่งรอบ และก็ตั้งใจจะสนองตามความต้องการของซูจือหยู
ดังนั้น เขาแกล้งทำท่ทางที่เป็นจริงใจมาก และถอนหายใจพูดว่า: “โธ่เอ๊ย ฉันพูดจากใจนะ เด็กสาวคนนั้นของตระกูลกู้ โดยรวมแล้วก็ดี
มาก แม้ว่าความแข็งแกร่งในตระกูลจะแไปเกน้อย แต่ชนะที่เด็กสาวคนนี้ภาพลักษณ์ที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นสง่างามมีราศี!”
หลังจากที่พูดจบ เขามองไปทางซูจือเฟย และพูดสั่งสอนด้วยความจริงใจ: “จือเฟย ตอนนี้แกก็ถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว ถ้าสามารถตามจีบ
เด็กสาวของตระกูลกู้ได้สำเร็จ สำหรับตระกูลซูของพวกเรา ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง!”
เมื่อชูจือเฟยได้ยินแบบนี้ คนทั้งคนก็ตื่นเต้นขึ้นมา และอ้าปากถามว่า: “คุณ…….ปสนับสนุนผมตามจีบกู้ซิวอิ่เหรอ?!”