ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2443
บทที่ 2443
เมื่อได้ยินคำถามของซูเฉิงเฟิง ภาพของเย่เฉินลอยเข้ามาในหัวอู่ตงไห่อีกครั้ง เขารู้สึกเย็นยะเยือกในใจลึกๆ จากนั้นจึงตอบว่า “คุณท่าน
ซู ผมพูดตรงๆ นะครับ ก่อนหน้านี้ ผมเคยสงสัยเรื่องเสี่ยวฉี ว่าเป็นฝีมือของใครหรือเปล่า แต่หลังจากที่สืบมาฬกหนึ่ง ผมไม่เจอเบาะแสะอะไรที่
เกี่ยวข้องเลย ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นเหตุสุดวิสัยจึงสูงมาก หรี่อลูกชายผม าจจะโดนอะไรบางอย่างกระทบกระเที่อนก็ได้”
ซูเฉิงเฟิงถามเขา “คุณเคยถามลูกหรือเปล่า หลังจากที่เกิดเรื่อง เขามิความทรงจำอะไรแปลกๆ หรือมีความรู้สึกที่อยู่ในใจหรือเปล่า”
อู๋ตงไหพูดอย่างจริงใจ “เรื่องนี้ผมถามเขาแล้ว แต่เขาบอกว่า เขาไม่มีความทรงจำอะไรกับช่วงที่เกิดเรื่องเลย เขาจำอะไรไม่ได้สักอย่าง”
ซูเฉิงเฟิงพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงทุ้ม “ถ้าเป็นเช่นนี้ ผมเดาว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนมากกว่า!”
อู่ตงไห่แสร้งทำเป็นตกใจ และถามว่า “คุณท่านชู คุณหมายความว่า มีคนจงใจทำร้ายลูกชายผมเหรอ”
“ใช่!” ซูเฉิงเฟิงพูดอย่างจริงจัง “ถ้าให้พูดกันตามปกติ ถึงคนเรามีปัญหาด้านระบบประสาท แต่ไม่มิใครดูแปลกเหมือนลูกชายคุณ”
พูดจบ เขาจึงถามต่อ “อีกอย่าง ผมได้ยินมาว่า อาการของลูกชายคุณจะกำเริบทุก 1 ชั่วโมงใช่ไหม”
อู่ตงไห่พูดอย่างกระอักกระอ่วน “ถูกต้องครับ เป็นอย่างที่คุณพูด”
ซูเฉิงเฟิงส่งเสียงตอบรับ จากนั้นจึงพูดอย่างเคร่งขรึม “งั้นมันต้องมิอะไรสักอย่าง! ว่ากันตามปกติ มีอาการประสาท มีอาการลมบ้าหมู
และชักเป็นพักๆ เป็นอะไรที่ไม่ส้มพันธ์กัน ไม่มีกฎกณฑ์มาอธิบายได้ เพราะฉะนั้นจึงมีคนที่เดินละเมอตอนหลับ หรือจู่ๆ ก็เกิดอาการลมป้าหมู
กล้ามเนื้อหดเกร็งไปทั้งตัว แต่คุณเคยได้ยินใครอาการกำเริบทุก 1 ชั่วโมง เป็นจำนวนที่ตรงเป๊ะ แบบนี้หรือเปล่าล่ะ นี่มันผิดปกติซัดๆ!”
อู่ตงไหพูดในใจ “ฉันก็รู้ว่าผิดปกติ ฉันยังรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของไอ้เลวเยเฉินด้วย! แต่ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ราชาบู๊ทั้งแปดของตระกูลฉัน
โดนเย่เฉินจัดการหมดแล้ว ขืนฉันทำอะไรเขาอีก ไม่รู้วันไหนฉันคงมีสภาพเหมือนลูกชาย คนโชคร้ายที่ต้องกินไอ้นั่นทุกชั่โมง….
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาอึดอัดใจ แต่ยังแสร้งถามด้วยสีหน้าตกใจ “คุณท่านซุ…คุณว่าใครที่สามารถทำแบบนี้ได้ คนที่ทำให้ลูกชายผมมี
อาการแบบนี้”
ซูเฉิงเฟิงพูดว่า “เรื่องนี้มีความเป็นไปได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิชาฮวงจุ้ยของประเทศเรา หรือไสยศาสตร์ควบคุมจิตใจของเอเชียตะวัน
ออกเฉียงใต้ ล้วนมิสิ่งที่ไม่สามารถอธิมายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ผมว่าคุณควรหาปรมาจารย์ชวนชวนมาดูลูกของคุณ ไม่แน่เขาอาจหาอะไรเจอ
ก็ได่!”
“ปรมาจารย์ชวนซวนเหรอครับ!” อู่ตงไห่พูดอย่างจริงจัง “พูดตามตรงนะครับ ตระกูลเราไม่รู้จักปรมาจารย์ซวนซวนจริงๆ แต่ผมเคย
ได้ยิน ที่ฮ่องกงเหมือนมีคนฝึกฮวงจุ้ย ชวนชวน ไม่รู้ที่นั่นมีผู้มีฝีมือหรือเปล่า”
ซูเฉิงเฟิงพูดว่า “ในจีน ไต้หวัน ฮ่องกง วิชาซวนซวนโด่งดังที่สุดน่จะเป็นที่ฮ่องกง แต่ถ้าให้พูดถึงปรมาจารย์ชวนชวนฝีมือดี ต้องไปหาที่
สหรัฐอเมริกา”
“สหรัฐอเมริกาเหรอครับ!” อู่ตงไห่แปลกใจ และถามว่า “คุณท่านซู ผมไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องฮวงจุ้ย ซวนชวน เป็นของบรรพบุรุษที่หัวเชี่ย
(ชื่อเรียกประเทศจีนสมัยก่อน) ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมปรมาจารย์ชวนชวนฝีมือดี ถึงอยู่ที่สหรัฐอเมริกาล่ะครับ”
ซูเฉิงเฟิงหัวเราะ และพูดอย่างจริงจัง “ขอแค่เป็นปรมาจารย์ชวนซวนฝีมือดิ้ โดยพื้นฐานแล้วล้วนบรรพบุรุษของเราทั้งนั้น ถึงขนาดคน
หลายสิบปีก่อน ก็ร่ำเริยวิชาชวนซวนอย่างจริงจัง ประวัติศาสตร์การร่ำเริยนวิชาชวนซวนทั้งตระกูล น่าจะเกินพันปี เมื่อเกิดความวุ่นวายทาง
ประวัติศาสตร์ พวกปรมาจารย์ชวนซวน ที่มีความสามารถจริงๆ มักจะทำนายอะไรบางอย่างเอาไว้ก่อน จากนั้นจึงเลือกที่จะหลีกเสี่ยงก่อน”