ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2496
บทที่ 2496
ขณะนั้น ตอนที่เขาไปเยี่ยมชมสแตนฟอร์ดกับแม่ มีบุคคลผู้มีชื่อเสียงคุ้นหูมากมายในซิลิคอนแวลลีย์ แต่ตอนนั้นพวกเขายังไม่ค่อยมีชื่อ
เสียงอะไร สำหรับตอนนี้ การเอ่ยชื่อใดชื่อหนึ่งของพวกเขาขึ้นมา ในเวระดับนานาชาติล้วนแต่ชื่อเสียงโด่งดังดุจดั่งสายฟ้าร้อง
ถ้าตอนนั้นไม่เป็นพ่อกับแม่ได้รับอุบัติเหตุ เส้นทางชีวิตของเย่เฉินควรจะไปศึกษาที่สหรัฐอเมริกา และหลังจากที่เรียนจบMBAในสแตนฟ
อร์ต ก็ไปเริ่มทำธุรกิจที่ซิลิตอน หรือกลับประเทศจีนช่วยพ่อ
แต่น่เสียดาย ตอนอายุแปดขวบเกิดอุบัติเหตุเสียก่น ทำให้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เริยนจบแม้แต่
ปริญญาตรี
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่เฉินอดที่จะรู้สึกเศร้าขึ้นมาไม่ได้
เซียวฉางควนที่อยู่ข้างๆไม่เข้าใจ เห็นเย่เฉินใบหนำาเศร้าโศก จึงอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ว่า”เย่เฉิน นายรู้ได้ยังไง? มีอะไรรึเปล่า? ”
เย่เฉินดึงสติกลับมา แล้วยิ้มเบาๆ พลางพูดขึ้นมาว่า”ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าการไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยอย่างสแตนฟอร์ด มันน่าเสีย
ดายหน่อยๆ”
เชียวฉางควนตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัวไปมาพูดขึ้นมาว่า”เย่เฉิน ดูไม่ออกจริงๆ ว่นายจะตลกขนาดนี้”
เย่เฉินยิ้มอย่างเรียบเฉย ไม่ได้พูดอะไร
ในช่วงเวลากลางตึก ซูโสว่เต้าเดินทางมาถึงโรงแรมป้ายจินฮ่านกง
ถึงแม้ว่าจะตลอดทางล็อบบี้ของโรงแรมไปจนถึงห้องพักจะราบรื่นมาก แต่ซูโสวเต้าก็ยังคงไม่พอใจเล็กน้อย
สิ่งที่ไม่พอใจก็คือ เป็นเพราะห้องชุดสุดรูของเรา อยู่ห่างจากห้องซุดที่นางาชิโกะ โตะจองไกลมาก ไม่อยู่ชั้นเดียวกันด้วยซ้ำ
ห้องเพรสซิเดนสูทของโรงแรมป้ายจินช่านกงอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม โดยชั้นบนสุดแบ่งออกเป็นโซนตะวันออกและตะวันตก ฝั่งตะวัน
ออกเป็นห้องเพรสซิเดนสุท รมถึงหลายห้องยังถูกแบ่งออกเป็นห้องเพรสซิเดนสูท แต่โซนตะวันตก ก็คือเขตบริหารงาน
นางาฮิโกะ อิโตะกับและผู้ติดตามของเขาเข้ายึดครองเขตตะวันออกทั้งหมด แต่โซนตะวันตกกลับถูกเฉินจื่อข่ายกั้นไว้ โดยมีซูรั่วหลี ซู
จือหยูรวมถึงตู้ให่ชิง พักอยู่ที่นี่ทั้งหมด
ลูกน้องของซูโสว่เต้า ไม่สามารถจองห้องขั้นบนสุดของโรงแรมได้ ทำอะไรไม่ได้จริงๆ จึงจองห้องชุดหรูให้เขาได้เพียงอย่างเดียว
ห้องชุดหรูนี้อยู่ชั้นที่สอง นี่เป็นห้องชั้นที่สูงที่สุดเท่าที่จะสามารถจองให้ได้แล้ว และห่างจากห้องของนางาฮิโกะ อิโตะใกล้ที่สุด
สิ่งที่ซูโสว่เต้ไม่รู้เลยก็คือ กรรยาของเขา และลูกสาวทั้งสองคน ต่างอยู่ชั้นบนของตัวเอง
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามานั่งสนใจเรื่องเมาะแสของภรรยากับลูก เพราะเขาแทบอยากจะคว้าตระกูลอิโตะไว้ เพื่อเป็นการทำให้เขาเข้า
ใกล้ตำแหน่งสืบทอดของตระกูลซูไปอีกก้าว
ดังนั้น หลังจากที่เขามาถึงห้องพัก ก็รีบเปิดมือถือขึ้นมาประชุมทันที งลูกน้องของตัวเองที่อยู่ในเย่นจิงกับจินหลิงเข้ากลุ่ม แล้วพูดด้วย
เสียงเยือกเย็นว่า”พวกแกฟังไว้นะ ตอนนี้ฉันมีสองภารกิจให้พวกแกทำ ภารกิจแรกคือ คนที่อยู่ในเย่นจิง ต้องคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวลำสุด
ของคนตระกูลเย ดูว่าช่วงนี้มีคนของตระกูลเยคนไหนที่ออกจากเย่นจิง แล้วมาที่จินหลิง หรือมีคนของตระกูลเยคนไหนที่เคยมาจินหลิงป้าง”
ซูโสว่เต้าคิดว่า ถ้าเขาสามารถรู้ว่านางาชิโกะ อิโตะมาที่จินหลิงเพื่อคุยเรื่องความร่วมมือกับตระกูลเยใช่หรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการ
จับจุดให้ได้ มีคนในตระกูลเย่มาพบกับนางาฮิโกะ อิโตะที่จินหลิงหรือไม่
เนื่องจากนางาฮิโกะ อิโตะเป็นผู้นำของตระกูลอิโตะ ถึงจะเริ่มปล่อยให้อิโตะ นานาโกะเข้ามารับช่วงต่อแล้วป้าง แต่ตำแหน่งของเขาใน
ตระกูลก็ยังคงสูงที่สุดอยู่ดี
ถ้าตระกูลเย่จะคุยเรื่องการร่วมงานกับเขาจริงๆ อย่างน้อยก็ต้องให้ลูกชายคนโตอย่างเย่ฉางโคงมา คุยกับนางาฮิโกะ อิโตะ
การร่วมงานที่สำคัญขนาดนี้ ถึงคุณท่นย่ฉางโคงจะมาด้วยตัวอง ก็ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดได้ยั่งมีดีอยุ่ป่าง
ต่อมา เขาก็ประกาศภารกิจที่สองออกไป”คนที่อยู่ทางจินหลิง คอยจับตาดูนางาชิโกะ อิโตะไว้ รู้ความเคลื่อนไหวของนางาฮิโกะ อิโตะให้
ได้ รวมถึงว่าเขาไปที่ไหน ไปพบใคร และคุยอะไรกับใครบ้าง พยายามสืบมาให้ได้!”