ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2609
บทที่ 2609
เมื่อชูโสว่เต้าได้ยินคำพูดนี้ คนทั้งคนก็ตกใจจนตัวสั่นไม่หยุดเลย!
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ลูกสาวทั้งสองคนของตัวเองยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!
อีกอย่าง ยังได้รับความช่วยเหลือจากเย่เฉิน!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าหากเย่เฉินจะให้ตัวเองเอาชิวิตมาแลกเปลี่ยนจริงๆ ตัวเองควรจะทำอย่างไรดี? !
เขารู้สึกผิดต่อลูกสาวทั้งสองคนจริงๆ และก็หวังว่าลูกสาวทั้งสองคนจะปลอดภัยไม่เป็นอะไร แต่ว่าเขาก็เป็นคน! เขายังใช้ชีวิตไม่พอ
เลย! เขาก็ไม่อยากตาย!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ตัวสั่นระริกทันที พูดสำลักว่า : “คุณเย่ ฉันสาบานต่อพระเจ้า ตอนนั้นไม่ได้ฆ่พ่อแม่ของคุณจริงๆ…การตาย
ของพ่อแม่คุณ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันจริงๆนะ! ”
พูดแล้ว เขาก็รีบพูดเพิ่มเติมอีกว่า : “ฉันขอพูดความในใจหน่อยนะ ครึ่งแรกของชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะทำอะไร ล้วนแต่ถูกพ่อของคุณ
กดขี้ทั้งนั้น เขาเป็นบุคคลที่มีความสามารถที่หาได้ยากบนโลก มีบุคลิกลักษณะที่ไม่ธรรมดา มากลันไปด้วยพรสวรรค์ ที่ได้รับการยอมรับจาก
ทั่วทั้งเย่นจิง ถึงขั้นกับทั่วทั้งหัวเชี่ยเลย ! ”
พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าท่าทางของเขาดูขรึม ถอนหายใจพร้อมพูดกล่าว : “ฉันเหรอ? ฉันจะถือว่าเป็นอะไรล่ะ? ฉันก็แค่ลูกชายคนโตของ
ตระกูลซู แต่ว่าไม่ว่าจะด้านไหนๆก็สู้เขาไม่ได้เลย แม้แต่ผู้หญิงอันเป็นที่รักก็รักเขาอยู่สมอ แม้ว่าเขาจะตายไปแล้วฉันก็ยังคงอยู่ในเงาของเขา
ตลอดเวลา เงานี้ห่อหุ้มฉันอยู่ตลอดจนกระทั่งตอนนี้ ! ถึงตอนนี้เลย! ”
ตู่ไหชิงที่อยู่ข้างๆได้ฟังคำพูดนี้ หันใดนั้นก็มีสีหน้าที่รู้สึกผิดเล็กน้อยแล้ว
ซูโสว่เต้าพูดพร้อมร้องไห้อย่างไม่หยุดหย่อน : “หลายปีมากนี้ แม้ว่าปากของฉันจะไม่เคยยอมรับว่าเย่ฉางอิงดีกว่าฉัน แต่ว่าในใจของฉัน
ก็รู้ดีอย่างมาก ฉันรู้ดีว่าซูโสว่ต้าคนนี้ เมื่อเทียบก้บเย่ฉางอิง!ยังแย่กว่าขาอีกมาก!ด้วยความสามารถของฉัน ฉันจะสามารถฆ่าเขาได้
อย่างไร? ! ”
“ตอนที่เขามีชีวิตอยู่ ฉันเกลียดเขาเข้ากระดูกดำจริงๆ แต่คุณลองคิดดูนะ ถ้าหากฉันฆ่าเขาได้ ทำไมฉันถึงไม่ฆ่าเขาตอนที่เขารุ่งโรจน์
เรืองรอง ? ทำไมฉันถึงไม่ฆ่าเขาตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งสูงสุดล่ะ?ทำไมฉันต้องรอให้ขาเกษียณถึงค่อยลงมือกับเขา?’
ย่เฉินเห็นเขาตึงเครียด พูดคำเหล่านี้ก็เหมือนเป็นการพูดคุยและระบายออกมา ในใจก็ตระหนักได้ เมื่อมองแบบนี้ ซูโสว่เต้าน่าจะไม่ใช่
ฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาจริงๆ
ไม่เพียงแค่สีหน้าท่าทางของซูโสว่เต้าที่มองไม่ออกถึงเบาะแสใดๆแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเพราะว่าคำพูดของเขามันสมเหตุสมผลจริงๆ
เย่เฉินคิดในใจ : “เขาจะต้องเกลียดพ่อของฉันแน่นอน”
“เพราะงั่น ถ้าหากเขามีความสามารถนั่น จะต้องลงมือตอนที่พอรุ่งโรจน์เรืองรอง ปีดบังอำพรางอย่างมิดชิดไปตั้งนานแล้ว”
“ไม่มีทางรอให้พ่อของฉันเกษิยณแล้วค่อยลงมือหรอก”
“นี่ ตรรกะไม่สอดคล้องกันเลย! ”
“อีกอย่าง คนเขาล้วนแต่พูดว่าพ่อเป็นบุคคลที่มีพรสรรค์ แต่คนอย่างซูโสว่เต้ากลับว่าแม้แต่คำว่าบุคคลที่มีพรสวรรค์ก็อาจจะแตะต้องได้
เลย ถ้าหากพ่อตายในเงื้อมมือของคนที่กระจอกเช่นนี้จริงๆ งั้นก็ถือว่าเป็นการหลบลูดูหมิ่นพ่อครั้งใหญ่แล้ว”
แต่ว่า แม้ว่าเยี่เฉินจะวินิจฉัยว่าซูโสว่เต้าไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าพอแม่ แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยซูโสว่เต้าเช่นเคย
ไม่ใช่เป็นเพราะสาเหตุอิ่น เป็นเพราะพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่คำๆนี้
คำนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้พ่อแม่ถึงแก่ความตายก็ตาม แต่ซูโสว่เต้าก็เป็ตรูกับพ่อแม่มาตลอดปี นี่ก็เป็นความผิดและบาปที่ไม่มีข้อ
แก้ตัว!
เพราะงั้น เพียงเพื่อคำนี้ ก็จำเป็นจะต้องให้ซูโสว่เต้าชดใช้เพราะเหตุผลนี้!
ดังนั้น เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : “การตายของพ่อแม่ฉันเกี่ยวข้องกับแกหรือไม่นั้น ตอนนี้ก็ไม่ได้สำคัญแล้ว เพราะว่าเหมือน
อย่างที่แกเองพูด ชีวิตของแก ไม่ใช่นำมาประกอบพิธีเช่นไหว้พอแม่ของฉัน แต่นำมาแลกเปลี่ยนกับชีวิตของลูกสาวทั้งสองคน! แม้ว่าการตาย
ของพ่อแม่ฉันจะไม่เกี่ยวข้องกับแกจริงๆ วันนี้ในเมื่อซูจือหยูและชูรั่วหลียืนอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยดีแล้ว แกก็ต้องตาย !
เมื่อซูโสว่เต้าได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นคนทั้งคนก็เศร้าโศกเลย
“ใช่”
“เย่เฉินพูดถูก”
“เรื่องทอดทิ้งพ่อแม่ของเขาจะไม่พูดถึง เมื่อกี้ฉันพูดกับปากตัวเองแล้ว ยินยอมที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง เพื่อแลกกับชีวิตของลูกสาวทั้ง
สอง ฉันได้ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนของฉันผิดหวังมากแล้ว ตอนนี้จะให้เธอผิดหวังอีกไม่ได้แล้ว…”
แต่ว่า…
คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของซูโสว่เต้าก็ยิ่งจะเจ็บปวดและส้บสน
เขาไม่อยากตาย
ไม่อยากตายอย่างมาก
อีกทางหนึ่งก็ไม่อยากให้ลูกสาวทั้งสองคนของตัวเองผิดหวังอีก ส่วนอีกทางหนึ่งก็ไม่อยากตายไปแบบนี้จริงๆ เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
เลยทันที
เย่เฉินเห็นเขากัมหน้าลงไป ไม่พูดไม่จา หันใดนั้นเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ย : “ทำไม ตอนนี้คุณเสียใจภายหลังแล้ว? ”
“ฉัน…ฉันเปล่านะ…” ซูโสว่เต้าโพล่งพูดออกมา
เย่เฉินย้อนถาม : “งั้นแกคิดว่าอยากจะตายยังไง? แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันช่วยแก? ”
“ฉัน…” ซูโสว่เต้าพูดไม่ออกเลยทันที ร่างกายสั่นสะท้านอย่างมาก