ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2632
บทที่ 2632
ถ้าแบบนี้อย่างเร็วสุดก็ถึงคาบสมุทรซานตงในพรุ่งนี้บ่าย
แต่ถ้าคืนนี้ไปจินหลิงก่อนและคุยเรื่องร่วมงานกับคุณชายเย่ ไม่ว่าการร่วมงานจะเป็นยังไง พรุ่งนี้เช้าก็สามารถออกเดินทางไปคาบสมุทร
ซานตงจากจินหลิงได้
จินหลิงใกล้กับคาบสมุทรซานตงมาก นั่งรถฟความเร็วสูงใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า
เพราะฉะนั้น แผนนี้นอกจากจะไม่กระทบตารางเดิมของตัวเองแล้ว ยังช่วยให้เร็วขึ้นอีกด้วย
เธอจึงรับปากโดยไม่ลังเล และพูดอย่างมีมารยาท “ด้านฉันไม่มีปัญหาค่ะ คงต้องรบกวนคุณให้ช่วยจัดตารางด้วย”
เฉินจี่อข่ายเอ่ยยิ้มๆ “เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยครับ คุณเหอช่วยบอกที่อยู่อย่างละเอียดมาให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมให้เฮลิคอปเตอร์ไป
ก่อน”
“ได้ค่ะ!”
หลังจากเหออิงซิ่วบอกที่อยู่ของตระกูลเหอกับเฉินอข่ายอย่างละเอียดแล้ว ทั้งสองก็บอกลาและวางสายไป
วางสายปุ๊บ เหอหงเชิ่งก็พูดขึ้นอย่างข่มความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ “นี่เหมือนเราง่วงนอนก็มีคนยื่นหมอนให้เลยนะ กำลังจะหาโอกาสดูว่าพอจะ
เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเย่หรือตระกูลกู้ได้มั้ย ปรากฏว่าตระกูลเย่ก็โทรมา”
เหออิงซิ่วพยักหน้า แต่ก็คิดไม่ตก เธอพูดอย่างฉงน “พ่อคะ หนูไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมตระกูลเย่ถึงเป็นฝ่ายติดต่อเรามาคะ”
เหอหงเซิ่งตอบโดยไม่ต้องคิด “ก็เพราะอยากจะสู้รบปรบมือกับตระกูลซูน่ะสิ ถึงได้คิดจะมาดึงเราเข้าพวก”
เหออิงซิ่วส่ายหัว “ในความทรงจำของหนู จริงๆแล้วตระกูลเย่ไม่ได้ต้องการอะไรมากในด้านตระกูลบูโดนะคะ”
เหอหงเซิ่งโบกมือ “เมื่อก่อนไม่มีไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ไม่มีนี่ ไม่แน่นะพวกเขาอาจจะอยากดึงตระกูลบูโดเข้าพวกในตอนนี้เพื่อยก
ระดับความแข็งแกร่งของตัวเองก็ได้”
“ไม่น่าใช่นะคะ” เหออิงซิ่วพูดอย่างจริงจัง “หลังจากเกิดเรื่องกับตระกูลซู ตระกูลใหญ่ต่างๆเพลามือลงเยอะแล้วค่ะ เมื่อก่อนอาจจะตุกติก
ลับหลั่งผ่านตระกูลบูโดได้บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแล้วนะคะ และตระกูลเย่ก็ไม่น่าจะอยากดิ้งเราเข้าพวกในเวลานี้”
พูดเสร็จ เหออิงซิ่วก็กล่าวอีกว่า “อีกอย่าง หนูยังมีอีกเรื่องที่คิดไม่ตก”
เหอหงเซิ่งรีบถาม “เรื่องอะไรล่ะ?”
เหออิงซิ่วกล่าว “ผู้จัดการทั่วไปเฉินโทรให้หนูไปพบคุณชายของพวกเขาที่จินหลิง แต่ตระกูลเย่อยู่ที่เย่นจิงไม่ใช่หรอคะ ต่อให้พวกเขามี
การกระจายอำนาจในจินหลิง แต่ด้วยน้ำหนักของจินหลิง เมืองชั้นสองแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้คุณชายเย่มานั่งดูแลมั้งคะ?”
เหอหงเซิ่งขมวดคิ้วและถามเธอ “ลูกคิดว่านี่เป็นการหลอกลวงหรอ”
เหออิงซิ่วส่ายหัว “ไม่ถึงขั้นหลอกลวงหรอกค่ะ แค่รู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ค่อยมีเหตุมีผลเท่าไหร่ อีกอย่างต่อให้ตระกูลเย่ต้องการคุยกับ
เราก็ไม่น่าจะติดต่อหนูนะคะ ตั้งแต่ที่หนูเสียแขนข้างหนึ่งไปก็แทบไม่ได้ออกไปไหนเลย มีคนจำนวนมากไม่ว่าหนูเป็นใครด้วยซ้ำ พวกเขาติดต่อ
หนูโดยตรงแบบนี้ได้ยังไง และยังเจาะจงพูดชื่อเลยว่าคุณชายเย่ของพวกเขาต้องการร่วมงานกับหนู”
เหอหงเซิ่งก็คลางแคลงใจ เขาพึมพำกับตัวเอง “ฟังแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผลจริงๆ หรือจะโทรกลับไปเพื่อถามให้ชัดดี?”
เหออิงซิ้วไตร่ตรองก่อนจะเอ่ย “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไปดูหน่อยดีกว่า คิดแล้วก็ไม่น่าใช่กับดักอะไร และหนูก็คิดไม่ออกจริงๆว่าจะมีใคร
วางแผนทำร้ายหนู”
พูดเสร็จเธอกล่าวขึ้นอีก “หลังจากที่หนูไปถึงคืนนี้ หนูจะคุยกับคุณชายของพวกเขาก่อน และพยายามคุยให้ได้ข้อสรุป แบบนี้หนูจะได้
นั่งรถไฟความเร็วสูงเที่ยวแรกของพรุ่งนี้เช้าไปคาบสมุทรซานตง คำนวณเวลาดูแล้วเร็วกว่าหนูออกเดินทางจากที่นี่ไปคาบสมุทรซานตงซะอีก”
“อืม!” เหอหงเซิ่งพยักหน้าและเอ่ย “ถึงตอนนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นติดต่อพ่อมาทันทีเลยนะ!”