ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 338
บทที่ 338
เมื่อได้ยินเย่เฉินด่าตนว่างอแต่ยืดไม่ได้ ก็กัดฟันกรอดๆ!
“นายอย่าหยิ่งยโสไปหน่อยเลย!”เซียวอี้เฉียนกัดฟันแล้วด่าทอว่า “ฉันจะฟื้นคืนในอีกไม่ช้า นายวางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันจะไม่มีวันให้อภัยนายเด็ดขาด!”
ซือเทียนฉีตำหนิด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เซียวอี้เฉียน ฉันเตือนนายหลายครั้งแล้วนะ คุยกับท่านอาจารย์เย่ต้องเคารพเกรงใจ ห้ามทำให้ขุ่นเคือง หากยังหาเรื่องท่านอาจารย์เย่อีกล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ!”
เมื่อเห็นซือเทียนฉีพูดแทนเย่เฉิน สมองเซียวอี้เฉียนก็รู้สึกเจ็บปวดไปหมด
แม่แท้ๆของตนก็พยายามพูดโน้มน้าว ให้พยายามทำให้ความสัมพันธ์กับซือเทียนฉีนั้นดีขึ้นแล้วเชิญซือเทียนฉีไปงานวันครบรอบแปดสิบสี่ปีของเย่นจิง
แต่ซือเทียนฉีดื้อรั้นเสียจริง
อยู่กับเย่เฉินทั้งวัน เขาตอนนี้นั้นเป็นอะไร?
อย่างไรก็ตามเซียวอี้เฉียนไม่กล้าฝ่าฝืนซือเทียนฉี ได้แต่พูดอย่างโกรธๆว่า “ลุงซือ ท่านต้องลืมตา ปีนี้นักต้มตุ๋นมันมีมากมาย ผู้สูงอายุจำนวนมากถูกหลอกลวงโดยคนโกงเหล่านั้น ด้วยแรงจูงใจที่ซ่อนเร้น บางทีก็ให้ท่านซื้อของปลอมมา ตามติดตูดท่านราวกับเป็นพ่อทูนหัว บางทีก็เอาของปลอมๆห่วยไปหลอกขายคนแก่ว่าเป็นยาครอบจักรวาล คุณน่ะ แก่และฉลาด อย่าเป็นคนฉลาดที่พลาดพลั้ง!”
เว่ยฉางหมิงที่อยู่ด้านข้างยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “ไอ้คนไร้ประโยชน์ขี้โกหกแบบนี้ ก็อยู่ได้แค่ในจินหลิง กระโดดโลดเต้นไม่ได้กี่วันหรอก หากได้มาอยู่ในสถานที่ใหญ่ๆ เขาไม่ตกใจตายเลยงั้นเหรอ?ก็แค่สถานที่เล็กๆไม่เคยเห็นของจริงบนโลก ก็เลยถูกหลอกและบีบบังคับแบบนี้!”
เย่เฉินยิ้มและกล่าว่า “ครั้งก่อนห้องน้ำที่คลับเฮาส์ฮุยหวงยังไม่ใหญ่พอเหรอ? ปากนายยังเหม็นเหมือนเดิมเลยนะ ห้องน้ำที่นิทรรศการนี้ดีมากเลย มีโถฉี่ผู้ชายยี่สิบสามสิบกว่าโถแหน่ะ นายอยากจะเพลิดเพลินกับมันอีกไหมล่ะ?”
การแสดงออกทางสีหน้าของเว่ยฉางหมิงนั้นดูไม่ได้ มีความกลัวอยู่ระดับที่เจ็ด จึงพูดออกไปว่า “นาย…นายอย่าคิดว่าหลอกลุงวีได้ แล้วจะมาทำตัวไร้ศีลธรรมในจินหลิงได้นะ!”
ฉินกางที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็ได้ยินเว่ยฉางหมิงกำลังพูดถึงเย่เฉิน จึงรีบพูดด้วยใใบหน้าที่เย็นชาว่า “เว่ยฉางหมิง นายเป็นอะไร ทำไมถึงกล้าพูดกับท่านอาจารย์เย่แบบนี้?”
ตระกูลฉินเป็นหนึ่งในตระกูลที่จัดหาวัสดุยาให้กับตระกูลเว่ย ก่อนหน้านี้ติดต่อกันหลายครั้ง แต่เขาไม่คาดคิดว่า เว่ยฉางหมิงจะดูหมิ่นเย่เฉินขนาดนี้!ก่อนหน้านี้เว่ยฉางหมิงไม่เห็นเขา แต่ขณะนี้เขามองไปที่ฉินกางด้วยสายตาที่เหยียดหยามและพูดว่า “ฉินกาง ตระกูลเราทั้งสองเป็นพันธมิตรกันมาตั้งกี่ปี ทำไมต้องพูดแทนไอคนไร้ประโยชน์นี่ด้วย?”
ฉินกางตะคอกว่า “ความสามารถของท่านอาจารย์เย่ ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างนายจะเข้าใจได้หากนายดูถูกท่านอาจารย์เย่ ก็เท่ากับว่านายดูถูกตระกูลฉินด้วย จากนี้ไปเราตระกูลฉิน จะตัดขาดความร่วมมือทั้งหมดจากตระกูลเว่ย ยาทั้งหลายจะไม่ถูกส่งไปที่ตระกูลเว่ยอีก!”
สีหน้าของเว่ยฉางหมิงนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากสูญเสียซัพพลายเออร์ของตระกูลฉิน พวกเขาเองก็จะเจอปัญหาเช่นกัน
แต่เสียอะไรก็ไม่ยอมเสียหน้า เขากัดฟันแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “สูญเสียซัพพลายเออร์ของตระกูลฉินของคุณ ตระกูลเว่ยของเราก็ยังคงสุขสบายดี แต่ตระกูลฉินของคุณ ถ้าตัดขาดกับเรา เกรงว่าอนาคตคงจะลำบากน่าดูเลยใช่ไหม?”
ใบหน้าของฉินกางยังคงปกติและกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “วัสดุยาของตระกูลฉินเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ แม้ว่าจะไม่ได้ร่วมมือกับนาย ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเรา กลับกันตระกูลเว่ย หากไม่ได้รับวัสดุยาจากตระกูลฉิน ฉันก็อยากจจะเห็นคุณภาพยาของนายเหมือนกันว่าจะรับประกันได้ไหม!”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังของเว่ยฉางหมิง ได้กล่าวขอโทษฉินกาง “ท่านฉิน โปรดอย่าใส่ใจ เมื่อกี้พี่ชายของผมล้อเล่นน่ะครับ เราทั้งสองตระกูลก็เป็นพันธมิตรกันมาตั้งนาน หากยุติการร่วมมือกัน ผมว่ามันคงไม่ดีกันทั้งสองฝ่าย… ”
ยังไม่ทันพูดจบ เว่ยฉางหมิงก็หันกลับมา เตะไปที่ร่างกายของเขาแล้วพูโอย่างเย็นชาว่า “เว่ยเลี่ยง!นายมีสิทธิ์พูดที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?ฉันจะทำอะไรต้องให้นายสอนรึไง?เจียมตัวไว้ นายมันก็แค่ลูกนอกสมรส ถ้ายังจะมาพูดกับฉันอีกล่ะก็ ไสหัวกลับไปที่ภูเขาฉางป๋ายเลยไป!”