ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 444
บทที่ 444
ยาวิเศษเช่นนี้ ถ้าเอาออกมาขาย ไม่ต้องพูดถึงร้อยล้านเลย ต่อให้เป็นพันล้าน พวกเศรษฐีแก่ๆ ทั้งหลายก็ต้องแย่งกันมาซื้อแน่
คนเราแก่ตัวไป เงินที่หามาได้จะมีประโยชน์อะไร? ถ้าเงินสามารถซื้อความเยาว์วัยได้ พวกเศรษฐีพันล้านหมื่นล้าน ก็คงยอมจ่ายทั้งครึ่งของเงินที่มี หรือเกือบทั้งหมด เพื่อแลกกับชีวิตอีก10ปีหรือ20ปี!
เวลามันช่างแพงเสียนี่กระไร!
ซือเทียนฉีในตอนนี้ ก็ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลอาบ!
ถึงขนาดร้องไห้โฮน้ำมูกไหลออกมา!
เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งวีแชทไปหาเย่เฉิน บอกว่า “อาจารย์เย่ครับ ยาวิเศษของคุณ ผมได้กินไปแล้ว ขอบคุณ คุณอย่างมากที่มอบให้ผม ผมยอมรับใช้คุณทุกอย่าง อย่างไม่ปฏิเสธเลย!”
เย่เฉินก็ตอบกลับมาเฉยๆ ว่า “มีสรรพคุณดีก็ดีเลย แต่ว่าคุณต้องจำไว้ ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนอกจากเสี่ยวจาว”
ทำยาอายุวัฒนะออกมาเช่นนี้ จะต้องใช้โสมม่วงอายุ300ปีมาทำ ถือว่าล้ำค่ามาก
เรียกเฉินเสี่ยวจาว หลานสาวที่กำลังบดยาอยู่ห้องข้างๆ มา พอเฉินเสี่ยวจาวเห็นซือเทียนฉี ก็พูดอย่างตกใจว่า “คุณตา …….คุณตาเป็นอะไรไปคะเนี่ย? ทำไมรู้สึกว่าเยาว์วัยกว่าเมื่อก่อน!เหมือนกับในความทรงจำของหนูตอนอายุ10กว่าขวบเลยค่ะ!”
ซือเทียนฉีก็กล่าวชมอยางตื่นเต้นว่า “โชคดีที่ได้ยาวิเศษของอาจารย์เย่ที่ให้มา! อาจารย์เย่บอกว่าสามารถทำให้หนุ่มขึ้น10ปี อายุยืน10ปี ไม่คิดเลยว่าจะมีสรรพคุณที่อัศจรรย์เช่นนี้!”
เฉินเสี่ยวจาวก็อึ้งไป แล้วพูดว่า “คุณตาคะ ทำไมยาวิเศษนี้ถึงได้มีสรรพคุณอัศจรรย์อย่างนี้ล่ะคะ? มันดูเกินความคิดมากเลยค่ะ!”
ซือเทียนฉีก็พูดตัวสั่นๆ ว่า “ตาบอกแล้วไง ว่าอาจารย์เย่เป็นมังกรแท้ในโลกมนุษย์ ไม่ใช่พวกเราจะเข้าใจได้ง่ายๆ ตาอายุปูนนี้ ก็ไม่คิดว่า วาสนาที่ดีที่สุดในชีวิต ก็คือการได้พบกับอาจารย์เย่…….”
พูดไปดังนั้น ซือเทียนฉีก็รีบหยิบกล่องเล็กๆ ที่ใส่ยาวิเศษออกมาจากกระเป๋า
ในกล่องนั้น ยังมียาวิเศษเหลืออีกครึ่งเม็ด
นี่คือยาที่อาจารย์เย่ทำขึ้นครั้งก่อน สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเส้นประสาท และสามารถเสริมความแข็งแรงให้สุขภาพ
ครึ่งเม็ด เป็นยาครึ่งเม็ดที่เหลือจากการช่วยรักษาเซียวฉางควน พ่อตาของเย่เฉิน
ส่วนเม็ดเต็มๆ ก็คือยาที่เย่เฉินปฏิเสธการรักษาให้กับเซียวอี้เชียน แล้วเอามาให้กับตนเอง
ซือเทียนฉีก็คิด ว่าตนเองอายุขนาดนี้แล้ว ยาเม็ดครึ่งนี้ ก็จะเก็บไว้ที่ตัวตลอดเวลา เพื่อใช้เวลาคับขัน
แต่ว่า วันนี้ได้มีวาสนาเช่นนี้ เขาก็เลยเตรียมการ เอายาหนึ่งเม็ดเต็มนี้ ให้กับเฉินเสี่ยวจาว หลานสาวตนเอง
ดังนั้น ซือเทียนฉีก็เลยหยิบเอายาเม็ดนั้นออกมา แล้วพูดว่า “เสี่ยวจาว นี่คือยาที่อาจารย์เย่ให้ไว้ครั้งก่อน เดิมทีตาจะเอาไว้ใช้เอง…….”
พอพูดถึงจุดนี้ ซือเทียนฉีก็มองเฉินเสี่ยวจาว แล้วพูดอย่างจริงใจว่า “เสี่ยวจาวเอ้ย แกก็อยู่โทษตาว่าเห็นแก่ตัวเลยนะ เพราะตาอายุมากแล้ว คนอายุเยอะมักจะกลัวตาย ไม่อยากรีบจากพวกแกไป………..”
เฉินเสี่ยวจาวก็รีบพูดขึ้นว่า “คุณตาคะ อย่าพูดแบบนี้นะคะ เสี่ยวจาวไม่เคยคิดว่าคุณตาเห็นแก่ตัวเลย”
ซือเทียนฉีก็ยิ้มๆ พูดว่า “จริงแล้วในใจตารู้ดี ตานั้นเห็นแก่ตัว”
พูดไป ซือเทียนฉีก็เอายาเม็ดนั้นยื่นให้เฉินเสี่ยวจาว แล้วพูดอย่างตั้งใจว่า “เสี่ยวจาว ตาได้พระคุณจากอาจารย์เย่มากมาย ตาแก่ขนาดนี้แล้ว ยังได้มีวาสนาดีๆ เช่นนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องดีมากในชีวิตแล้ว ดังนั้นพระคุณนี้ของอาจารย์เย่ ตาไม่อาจจะเก็บมันไว้คนเดียว ยาเม็ดนี้ ตาให้แกก็แล้วกัน แกก็เก็บไว้กับตัวตลอดเวลาแล้วกัน เอาไว้ใช้ยามจำเป็น”
เฉินเสี่ยวจาวก็รีบโบกมือปฏิเสธพูดว่า “คุณตาคะ ยานี้คุณตาเก็บไว้เถอะค่ะ เสี่ยวจาวไม่เอาหรอก!”
ซือเทียนฉีก็ตั้งใจพูดตอบไปว่า “เสี่ยวจาว ฟังตานะ เอายานี้ไว้ ตาคนเดียว ไม่อาจจะรับบุญคุณนี้ได้คนเดียว แกก็ถือว่าได้ช่วยแบ่งเบาภาระตาก็แล้วกัน”
พูดจบ เขาก็พูดจากใจว่า “เสี่ยวจาวเอ้ย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกต้องดูแลอาจารย์เย่ให้ดี ต่อให้อนาคตตาเสียชีวิตไปแล้ว แกก็ต้องดูแลต่อไป ไม่เพียงตอบแทนพระคุณของอาจารย์เย่ และเพื่อเป็นการสร้างชีวิตของตนเองให้ดีอีกทางหนึ่งด้วย!”