ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 450
บทที่ 450
คุณท่านซ่งก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “พวกตระกูลใหญ่มักจะเชื่อในฮวงจุ้ย โจวอี้แปดทิศ นี่ถึงจะเป็นวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษชาวจีนเรา
สืบทอดไว้ให้ ส่วนพวกเศษสวะของเอเชียอาคเนพวกนั้น บอกตามตรง อาไม่สนใจพวกนั้นเลย”
อู๋ตงไห่พูด “เช่นนี้ ก็หาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย สถานการณ์เช่นนี้ อยากจะหาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลัง ก็คงจะไม่ง่ายเลย”
พูดจบ อู๋ตงไห่ก็กำหมัดพูดว่า “คุณอาซ่งครับ ผมและเสี่ยวซินว่าจะอยู่ในเมืองจินหลิงสักหลายวันหน่อย เพื่อสืบหาเบาะแสที่เกี่ยวข้อง ไม่ทราบว่าคุณอาซ่งจะสะดวกจัดการให้พวกผมอยู่พักที่บ้านคุณอาสักหลายวันหน่อยได้ไหมครับ?”
คุณอาซ่งก็ยิ้มพูดว่า “ซ่งอู๋สองตระกูลก็นับว่ามีไมตรีต่อกัน เรื่องเล็กแค่นี้จะเกรงใจกันอีกหรือ? ในเมื่อพวกแกมาแล้ว อาก็จะทำหน้าที่
เจ้าบ้านอย่างเต็มที่ เดี๋ยวอา จะให้คนรับใช้ไปจัดการเก็บกวาดห้องพักให้ พวกแกก็พักกันตามสบายเลย”
คฤหาสน์ตระกูลซ่ง เป็นจวนใหญ่ ชั้นหนึ่งมี10กว่าห้อง ทั้งคฤหาสน์ เพียงห้องรับแขกก็มีตั้ง8ห้อง จะจัดการให้สองพ่อลูกตระกูลอู๋เข้าพักนั้น มันเป็นเรื่องเล็ก
อู๋ตงไห่ได้ยินดังนั้น ก็ดีใจจนเผยสีหน้า แล้วรีบพูดขอบคุณว่า “ขอบคุณมากครับคุณอาซ่ง!”
พูดจบ อู๋ตงไห่ก็ลากอู๋ซินที่เงียบมาโดยตลอดเข้ามาหาตนเอง แล้วยิ้มพูดว่า “คุณอาซ่งครับ ยังไม่ได้แนะนำให้อารู้จักเลย คนนี้คือลูกชายผมครับ ชื่อ อู๋ซิน และก็เป็นผู้สืบทอดกิจการตระกูลอู๋ในอนาคตครับ”
อู๋ซินรีบโค้งคำนับพูดว่า “ผมอู๋ซิน สวัสดีคุณปู่ซ่งครับ!”
คุณท่านซ่งก็ยิ้มพยักหน้า แล้วพูดว่า “ลูกหลานคนโตตระกูลอู๋ ช่างมีความสามารถเก่งกาจจริงๆ !”
อู๋ตงไห่ก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “คุณอาซ่งกล่าวเกินไปแล้วครับ จริงๆ แล้วหลายชายหลานสาวของคุณอา ก็เป็นยอดคนเหมือนกัน!”
พูดจบ เขาก็พูดอย่างใจจริงใจว่า “โดยเฉพาะหวั่นถิง ไม่ได้เจอเธอหลายปี เมื่อวานเธอมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ผมแทบจะจำไม่ได้! ตอนนี้สวยขึ้นเยอะเลย ดูโตขึ้นมาก”
คุณท่านซ่งก็ยิ้มพูดว่า “หวั่นถิงแค่ดูเหมือนจะโตแล้ว แต่จริงๆ ในใจก็ยังเป็นดังสาวคนหนึ่งอยู่”
อู๋ตงไห่พยักหน้า แล้วแกล้งถามว่า “คุณอาซ่งครับ อายุของหวั่นถิงก็น่าถึงช่วงอายุแต่งงานแล้ว ไม่ทราบว่าคุณอาได้หาคู่ที่เหมาะสมให้เธอหรือยัง”
คุณท่านซ่งก็นึกถึงเย่เฉิน แต่เสียดาย ตอนนี้เย่เฉินยังเป็นลูกเขยของตระกูลเซียว เป็นสามีของเซียวชูหรัน ยังไม่มีพัฒนาการอะไรกับหลานสาวตนเอง ดังนั้นเขาก็เลยบอกไปว่า “อายังไม่ได้หาคู่ให้หวั่นถิง เธอยังอายุไม่มากนัก เรื่องนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน”
อู๋ตงไห่ก็รีบพูดว่า “คุณอาซ่งครับ จริงๆ แล้วเรื่องนี้ควรจะรีบร้อนนะครับ เวลามันผ่านไปไวมาก ปีนี้ไม่รีบ ปีหน้าไม่รีบ ปีถัดไปก็จะรู้สึกว่ามันสายไปแล้ว พอถึงตอนนั้นจะมาหาคู่ กว่าจะคุยกัน กว่าจะเข้ากันได้ กว่าจะคุยเรื่องแต่งงาน พอแต่งงาน ก็ตั้งท้องอีก10เดือน พอเด็กคลอดออกมา แม่ก็ใกล้จะอายุ30พอดี”
คุณท่านซ่งก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดว่า “ที่แกพูดมาก็มีเหตุผล อาจะจำไว้ เดี๋ยวจะกลับไปลองคุยกับเธอดู โน้มน้าวให้เธอรีบวางแผนเสีย”
จริงๆ แล้วที่คุณท่านซ่งคิดนั้น จะกลับไปคุยหว่านล้อมหวั่นถิง ให้หวั่นถิงรีบลงมือเข้าหาเย่เฉิน ไม่ต้องยื้อเวลาต่อไปอีกแล้ว
แต่ว่า อู๋ตงไห่กลับคิดว่า ตนเองนั้นได้เปิดทางสะดวกแล้ว พูดเรื่องสำคัญได้แล้ว
ดังนั้น เขาก็พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “คุณอาซ่งครับ ผมเห็นว่าหวั่นถิงและอู๋ซิน อายุห่างกันไม่มาก ถึงช่วงที่จะต้องแต่งงานแล้ว และอีกอย่างสองตระกูลเราก็เหมาะสมกันดี คุณอาซ่งคิดเห็นอย่างไรครับ เป็นดองกับตระกูลอู๋เราดีไหมครับ?”
พูดจบ อู๋ตงไห่ก็ยิ้มหน้าบาน มองคุณท่านซ่งอย่างคิดว่าสำเร็จแน่นอน
เขาคิดว่า พอคุณท่านซ่งได้ยินดังนั้น จะต้องรีบตอบรับโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน
อู๋ซินที่อยู่ด้านข้าง ก็จ้องมองคุณท่านซ่งอย่างไม่ละสายตา รอคอยว่าคุณท่านซ่งจะตอบรับมา
แต่ว่า ไม่คิดเลยว่า พอคุณท่านซ่งได้ยินดังนั้น ก็พูดออกมาแค่สองพยางค์ว่า “ไม่ได้!”
พูดจบ ก็เสริมด้วยสี่พยางค์ว่า “ไม่ได้เด็ดขาด!”