ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 52 แกตายอย่างน่าอนาถแน่
บทที่ 52 แกตายอย่างน่าอนาถแน่
โรงพยาบาลชุมชน
หวังเต้าคุนนอนอยู่บนเตียงในแผนกฉุกเฉิน
เขาได้รับบาดเจ็บทุกที่ ขาขวาของเขาถูกเข้าเฝือกไว้ด้วย ดูน่าสงสารมาก
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะเห็นใจ เป็นผู้ชายแท้ แต่ให้ผู้หญิงสวมเขา สุดท้ายไม่ใช่แค่หัวใจของเขาที่แตกสลาย แต่ร่างกายของเขาก็ถูกทุบตีเช่นนี้
เมื่อหวังเต้าคุนเห็นเขาเข้ามา น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาที่บวมเปล่งดั่งไข่ของเขา
“เย่เฉิน…” หวังเต้าคุนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ทันทีที่เขาเปิดปาก
เย่เฉินเดินไปด้านหน้าและพูดเบา ๆ “พอแล้ว แค่ผู้หญิงเลวคนหนึ่ง มันไม่คุ้มกับความเศร้าของนายหรอก”
หวังเต้าคุนร้องไห้และพูดว่า “ฉันเทียวไล้เทียวขื่อเธอมาสามปี ในช่วงหลายปีที่ผ่านเพื่อเธอแล้ว ฉันยอมที่จะละทิ้งศักดิ์ศรี ฉันกลายเป็นหมาขี้ประจบโดยสมบูรณ์ เดิมทีคิดว่าในที่สุดฉันก็มีทุกอย่าง แต่ฉันก็ไม่ได้คาดว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่เหลืออะไร … ”
หวังเต้าคุนร้องไห้จนแทบหายใจไม่ออกและพูดว่า “ยัยบ้านั่นไม่เพียงแต่อยากเลิกกับฉัน แต่ยังอยากให้ฉันออกจากบ้านด้วย! เงินส่วนใหญ่ที่ฉันหามาได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาถูกเธอผลาญไป เงินมัดจำหนึ่งแสนก็ลงทุนในโรงแรม แต่เธอไม่อยากจ่ายคืนให้ฉันด้วยซ้ำ ฉันตาบอดขนาดกับหลงรักผู้หญิงจิตใจอำมหิตแบบนี้ได้ยังไง”
เย่เฉินเกลี้ยกล่อมเขา “เต้าคุณ ผู้ชายสามารถล้มลงได้ เขาก็สามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง! แล้วภาพวาดที่ฉันให้คุณล่ะ ภาพวาดนั้นขายได้อย่างน้อย 200,000 หยวน เพียงพอที่จะให้คุณเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กได้”
หวังเต้าคุนพยักหน้าและพูดว่า “ภาพวาดอยู่ในอ้อมแขนของฉัน ยังโชคดีที่นายเตือนฉันว่าให้ฉันเอาภาพวาดไป ไม่อย่างนั้นเธอก็ต้องเอาภาพนั้นไปด้วยแน่ๆ!”
เย่เฉินกล่าวว่า “ภาพวาดยังอยู่ก็ดีแล้ว นายนอนลงและสงบสติอารมณ์ซะ ฉันจะไปซื้อผลไม้ให้นาย และจ่ายค่ารักษาในโรงพยาบาลให้”
หวังเต้าคุนน้ำตาไหล “เย่เฉินเพื่อนรัก ขอบคุณมาก ๆ …ไม่ต้องกังวลฉันจะคืนเงินให้นายในอนาคตนี้แน่ ๆ !”
เย่เฉินกล่าวเบา ๆ “โอเค เราต่างเป็นเพื่อนกันอย่าพูดอะไรมากเลย”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็ออกจากห้องพักไป
เมื่อครู่รีบไปเลยไม่ได้สนใจเรื่องของเยี่ยม เมื่อเห็นหวังเต้าคุนน่าสงสาร เย่เฉินก็ทนไม่ได้เขาจึงไปซื้อผลไม้มาไว้ให้และรูดบัตรของเขาเพื่อจ่ายค่ารักษาล่วงหน้าหนึ่งแสนหยวน
เมื่อกลับไปที่ห้องพัก เย่เฉินก็เห็นว่าประตูของห้องเปิดอยู่
เมื่อเขาเดินไปด้านหน้า ก็เจอกับหลิวลี่ลี่ยืนอยู่หน้าเตียงของหวังเต้าคุนโดยมีจ้าวตงที่หลิวลี่ลี่โอบเอวอยู่
เมื่อเห็นทั้งสองคนเข้ามาหวังเต้าคุนก็ถามเสียงดัง “พวกเธอมาทำอะไรที่นี่? มาหัวเราะเยาะฉันรึไง?”
หลิวลี่ลี่ยิ้มเย้ยหยัน “ใครเขาอยากเห็นหน้าโง่ๆอย่างคุณกัน!”
หลังจากพูดจบก็ไม่ลืมที่จะถ่มน้ำลายลงบนพื้นแล้วพูดว่า “ฉันมาที่นี่ เพื่อมาเอาภาพวาดจากคุณ! คุณซ่อนมันไว้ที่ไหน?”
หวังเต้าคุนพูดอย่างโกรธ “ หลิวลี่ลี่ ภาพวาดนั้นเพื่อนรักฉันให้ฉันมา เธอจะเอามันไปได้ยังไง”
“ให้คุณ?” หลิวลี่ลี่ตะคอกอย่างเย็นชา “แม่งฉิบแกช่วยกระจ่างหน่อย ทำไมเย่เฉินถึงให้ภาพวาดนั้น? ก็เพราะว่าเป็นของขวัญเปิดร้านอาหารไง! และก็ร้านอาหารนั่นเป็นของใคร? ก็เป็นของพ่อฉันยังไงล่ะ!”
หวังเต้าคุนไม่เคยคิดเลยว่าหลิวลี่ลี่จะไร้ยางอายขนาดนี้ และน้ำเสียงโกรธของเขาก็สั่นสะท้าน “หลิวลี่ลี่อย่าให้มันมากเกินไป! ร้านอาหารของบ้านคุณ แต่ยังมีเงิน 100,000 หยวนที่ฉันลงทุนไป และคุณก็ต้องคืน 100,000 หยวนนั้นให้ฉันด้วย ส่วนภาพวาดนั้นเพื่อนที่แสนดีของฉันมอบมันให้ฉันได้ยินไหม? เขาให้ฉัน!”
หลิวลี่ลี่พูดอย่างดูถูก “อย่าพูดเรื่องไร้สาระกับฉัน ร้านอาหารไม่มีส่วนแบ่งของคุณด้วย ฉันจะไม่ให้เงินคุณสักแดงเดียว ภาพวาดนั่นเป็นของร้านอาหาร ถ้าคุณไม่เอามันมาให้ฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้ ว่าคุณขโมยภาพวาดนั้นจากร้านอาหารของฉัน! ”
จ้าวตงที่อยู่ด้านข้างยังหัวเราะเยาะ “ไอ้หนุ่ม ฉันแนะนำให้นะคุณจะได้รู้จักอะไรมากยิ่งขึ้น เครือจ้าวตงของฉันในจินหลิง เป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถยุ่งด้วยได้ ถ้าคุณไม่ส่งภาพวาดนั่นให้ฉัน ฉันก็แค่โทรไปที่สถานีตำรวจ คุณก็จะถูกจับทันที! ค่าคดีสองแสน มันก็เพียงพอให้คุณติดคุกเป็นเวลาสิบปี!”
น้ำตาของหวังเต้าคุนยังคงหลั่งไหล ถามหลิวลี่ลี่ทั้งน้ำตา “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันทำทั้งหมดก็เพื่อคุณและมอบทุกอย่างที่สามารถให้คุณได้แม้ว่าคุณจะไม่เห็นคุณค่า แต่คุณจำเป็นต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลิวลี่ลี่พูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “เห็นคุณค่า? คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน? ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะ ฉันไม่เคยชอบคุณเลย คุณไม่คู่ควรกับฉัน! มีเพียงพี่ตงคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรให้ฉันชอบ!”
จ้าวตงยิ้มอยู่ข้าง ๆ เธอและพูดว่า “ฉันลืมบอกคุณไปว่าลี่ลี่กับฉันอยู่บนเตียงด้วยกัน คุณไม่รู้เหรอกว่าลี่ลี่ครวญครางดังแค่ไหน เพดานบ้านของฉันแทบจะถล่มด้วยซ้ำเพราะเสียงครางของเธอ!”
หลิวลี่ลี่พูดอย่างเขิน ๆ “แหมพี่ตงล่ะก็ ทำไมพูดถึงเรื่องนี้ละคะ คนเขาก็เขินเป็นนะคะ … ”
“อายเหรอ?” จ้าวตงหัวเราะและพูดว่า “ทำไมเราไม่ปิดประตูและแสดงให้เจ้าขยะนี่ได้เห็นไปเลยล่ะ ให้มันเห็นไปเลยถ้าเธอทำยังไงให้ฉันบ้าง?”
“ว้าย ไม่เอานะ มันน่าอายเกินไปนะ!”
หวังเต้าคุนทนต่อไปไม่ไหวอีกต่อไปเขาหยิบหมอนขึ้นมาแล้วปาออกไปพร้อมก่นด่าว่า “หญิงโฉดชายชั่ว ไสหัวออกไปซะ!”
จ้าวตงคว้าหมอนไว้และพูดอย่างเย็นชา “ฉันขอเตือนแกไว้ ถ้าแกยังไม่ส่งภาพวาดคืนมา ฉันจะหักขาอีกข้างของแกและจับแกเข้าคุก!”
หลังจากฟังเรื่องนี้ข้างนอกเย่เฉินก็เดินเข้าไปในห้องพักและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ถ้ากล้าแตะต้องเพื่อนฉันล่ะก็ แกตายแน่!”
จ้าวตงหันกลับมามองที่เย่เฉินและถามว่า “คุณเป็นใคร?”
หลิวลี่ลี่ตอบกลับ “คนนี้คือเย่เฉิน คนที่ส่งภาพวาดมา”
จ้าวตงหัวเราะเสียงดัง “โอ้ ฉันก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้ขยะแมงดาเกาะผู้หญิงกิน! ในจินหลิงไม่มีใครรู้จักมันสักคน! ไม่เป็นที่สนใจสักนิด!”
ตอนที่จ้าวตงพูดก็มองไปที่เย่เฉินอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันจะให้เวลาแกสามวินาทีในการออกไป ฉันจะทำเหมือนแกไม่เคยมาที่นี่มาก่อน และไม่เอาเรื่องแก!”
เย่เฉินพูดอย่างเหยียดหยาม “ปล่อยฉันออกไปเหรอ แกเป็นใคร?”
จ้าวตงกัดฟันและพูดว่า “เด็กน้อย แกแกล้งทำเป็นกล้าต่อหน้าฉันจ้าวตงคนนี้งั้นเหรอ?”
เย่เฉินพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่สนหรอกว่าแกจะเป็นใคร วันนี้แกทำให้ฉันไม่สบายใจมาก ฉันจะให้โอกาสแก คุกเข่ากับพื้นและก้มหัวให้เพื่อนของฉันสามครั้ง และให้เพื่อนของฉันหักขาข้างหนึ่งของแกซะ มิฉะนั้นแกไม่ตายดีแน่!”
ได้ยินอย่างนั้นจ้าวตงก็ดูเหมือนจะหัวเราะ จากนั้นการแสดงออกของเขาก็ค่อย ๆ แข็งขึ้นและเขาพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่ม แกกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ให้ฉันจ้าวตงคุกเข่าเนี่ยนะ? นี่แกเบื่อกับการมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?”
หลิวลี่ลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “เย่เฉิน แกเป็นไอ้โง่มาจากไหนกัน? มาล้อเล่นกับพี่ตง แกกลัวว่าจะมีอายุยืนยาวงั้นเหรอ?”
เย่เฉินพูดอย่างเย็นชา “ยัยกะหรี่อย่ามาพูดกับฉัน ปากของแก ฉันยังคิดว่ามันน่าสะอิดสะเอียน!”
“แก…” หลิวลี่ลี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟและพูดกับจ้าวตง “พี่ตง! มันกล้าด่าฉัน! ให้คนมาฆ่ามันเลยค่ะ! ฉันจะฉีกปากเน่า ๆ ของมัน!”
จ้าวตงกัดฟันและพูดว่า “แกไม่รู้อะไรซะแล้ว! ฉันจะโทรเรียกคนมาฆ่าแก แกรอไว้ได้เลย!”
เย่เฉินได้ยินก็หัวเราะทันที “ดี ถ้าแกไม่ฆ่าฉันล่ะก็ แกและหญิงแพศยานี่ต้องตายอย่างอนาถแน่!”