ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 595
บทที่ 595
เซียวฉางควนถูกซุนโหย่วฉายประชดแดกดันเช่นนี้ ใบหน้าก็เก็บอาการไม่อยู่
แต่ทว่า เขาจำคำตักเตือนของสวี่เหวินหย่วนได้ ที่สำคัญตอนนี้ก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้ได้มาซึ่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ แต่ไม่ใช่มาหัวเสียกับซุนโหย่วฉาย
ดังนั้น เขาก็พยายามอดกลั้นความโกรธ และไม่พูดจา แล้วก็ตามซุนโหย่วฉายไปกับทุกคน แล้วก็มาถึงห้องทองคำของชั้นบน
พอเข้าประตู ทุกคนก็ถูกความสวยงามหรูหราของห้องทองคำ สะกดสายตาแล้วฮือฮาชื่นชมกันไม่ขาดปาก
กรรมการผู้จัดการคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “วันนี้พวกเราได้อาศัยใบบุญของโหย่วฉายจริงๆ เลย ถึงได้มีโอกาสได้เห็นห้องทองคำที่หรูหราของเทียนเซียงฝู่!”
แล้วก็มีคนพูดสนับสนุนขึ้นมาว่า “ใช่ๆ !ก่อนหน้านี้ไม่นาน เพื่อนผมคนหนึ่ง มีทรัพย์สินหลายสิบล้าน ด้วยความอยากจะจองห้องนี้ เลยวิ่งเต้นอยู่หลายช่องทาง สุดท้ายก็จองไม่ได้ ได้แต่เสียดายแล้วก็จองห้องระดับเงิน”
พอได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็สงสัย แล้วก็มีคนอดถามกับซุนโหย่วฉายไม่ได้ว่า “โหย่วฉาย คุณจองห้องทองคำนี้ได้อย่างไร มีคนช่วยเหลืองั้นหรือ? ”
ซุนโหย่วฉายก็พูดด้วยใบหน้าหยิ่งยโสว่า” ผมจองห้องทองคำนี้ จะต้องให้คนอื่นมาช่วยทำไมกัน พูดง่ายๆ ก็คือ ผมพูดแค่คำเดียวก็จองได้แล้ว”
พูดจบ เขาก็อธิบายให้ทุกคนฟังว่า “ผมจะบอกกับทุกท่านตรงๆ เลยนะ ผมเป็นลูกค้าประจำของเทียนเซียงฝู่ มาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ แล้วผมก็เป็นเพื่อนของท่านหงห้า ดังนั้นห้องอาหารระดับเพชรลงมา ขอเพียงผมต้องการ เทียนเซียงฝู่ก็จะจัดการเปิดให้ผม!”
คนในเหตุการณ์ได้ยินดังนั้น ก็อึ้งไปตามๆ กัน!
ประธานเพ๋ยก็พูดอย่างไม่กล้าเชื่อ กล่าวว่า “โหย่วฉาย คุณเป็นเพื่อนกับมาเฟียใต้ดินท่านหงห้างั้นหรือ? ”
“แน่นอนครับ!”
ซุนโหย่วฉายพูดอย่างได้ใจว่า “ถ้าผมไม่สนิทกับเขา ก็คงไม่ได้หน้ามาขนาดนี้ ที่สามารถสั่งจองห้องทองคำได้ง่ายๆ จริงไหม? ”
ถึงแม้ซุนโหย่วฉายจะพูดเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริง เขารู้จักท่านหงห้า แต่ท่านหงห้าไม่รู้จักเขา
ที่เขาสามารถจองห้องทองคำมาได้ ไม่ใช่เพราะว่ารู้จักกับท่านหงห้า แต่เพราะจ่ายเงินที่มีราคาสูงกว่าราคาห้องทองคำเดิม ก็เลยลัดคิวคนอื่นมาได้ก่อน
ตอนนี้อ้างท่านหงห้าออกมาพูดโม้ ก็เป็นแค่การอาศัยอำนาจหน้าตาของคนอื่น เพื่อโอ้อวดให้ตนเองดูมีหน้าตาในสังคม
แต่ทว่า คนในงานมีหรือจะสงสัยกับความจริงเท็จ เพราะถึงอย่างไรก็เข้ามานั่งในห้องทองคำแล้ว ดังนั้นทุกคนก็เลยคิดว่าคำพูดของ
ซุนโหย่วฉายนั้น เป็นความจริง ก็เลยมีทีท่าเคารพซุนโหย่วฉายขึ้นมาทันที
ในตอนนี้ ซุนโหย่วฉายได้รับการเชิดชูของทุกคน ก็ยิ่งโอหัง หันไปมองหน้าเซียวฉางควน แล้วแดกดันว่า “เซียวฉางควน คุณไม่เห็น
หรือว่าท่านประธานกับกรรมการทุท่านได้นั่งลงแล้ว? ช่างไม่รู้หน้าที่เอาเสียเลย ยังไม่รีบไปยกน้ำชามาเสิร์ฟอีก? ”
เซียวฉางควนก็หน้าเสียมาก แล้วพูดว่า “ซุนโหย่วฉาย คุณหมายความว่าอย่างไร? ”
ซุนโหย่วฉายก็พูดแนวดูถูกว่า “ผมจะหมายความเช่นไรได้เล่า? คุณก็ไม่ดูเอาเอง คนที่นั่งในนี้ มีใครบ้างที่ตำแหน่งฐานะไม่สูงกว่าคุณ?
คุณก็แค่ไอ้แก่กระจอก ยังไม่ไปรีบเอาน้ำเอาท่ายกมาเสิร์ฟอีก หรือจะให้พวกเราจัดการให้คุณ? ”
เซียวฉางควนก็หน้าเสียไปใหญ่ พูดอย่างโมโหว่า “คุณบอกว่าตำแหน่งฐานะผมไม่เท่าท่านประธานและคณะกรรมการคนอื่น จุดนี้ผมยอมรับ แล้วคุณล่ะตำแหน่งอะไร ในใจคุณก็รู้ดีไม่ใช่หรือ? ทุกคนล้วนเป็นสมาชิกธรรมดาของสมาคม คุณจะมาเสแสร้งกับผมที่นี่ทำไมกัน? ยังจะบอกให้ยกชามาให้คุณอีก ฝันไปเถอะ!”
สวี่เหวินหย่วนทางด้านข้าง ก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ซุนโหย่วฉาย คุณพูดเช่นนี้ มันจะดูเกินไปหน่อยละมั้ง? ”
ซุนโหย่วฉายก็หัวเราะลั่น แล้วพูดว่า “ผมพูดเกินไปตรงไหน? ใครให้เซียวฉางควน ไอ้แก่กระจอกนี่มันเป็นเศษสวะล่ะ? ถ้ามันสามารถจองห้องทองคำได้ ผมก็จะสลับมารับใช้มันเอง แต่ปัญหาก็คือมันไม่มีปัญญาจองห้องทองคำ!”
พูดจบ เขาก็มองเซียวฉางควนนิ่งๆ แล้วพูดว่า “คุณคิดว่าผมให้คุณมาที่ห้องทองคำนี้ เพื่อจะให้คุณมากินฟรีดื่มฟรีง้นหรือ? จะบอกให้เอาบุญนะ สำหรับคนอย่างคุณ ให้มายกชาให้ ก็ถือว่าไว้หน้ามากพอแล้ว อย่าทำเป็นไว้หน้าแล้วไม่เอา!”