ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 620
บทที่ 620
คนที่หนึ่ง สลัก4ตัวอักษร
คนที่สอง สลัก5ตัวอักษร
คนที่สาม สลัก6ตัวอักษร
คนที่สี่ สลัก7ตัวอักษร
ตนเองเป็นคนที่ห้า ก็ต้องสลัก8ตัวอักษรน่ะสิ?!
หน้าผากจะมีที่ว่างขนาดนั้นหรือ!
จางจื่อโจวก็ร้องไห้ออกเสียงออกมา ทั้งร้องไห้ ทั้งพูดขอร้อง “อจารย์เย่ครับ ปล่อยผมไปเถอะครับ ต่อไปนี้ผมจะคอยรับใช้คุณตลอดเลย จะฟังแต่คำสั่งคุณ เป็นหมารับใช้ของคุณ……”
เย่เฉินก็พูดนิ่งๆ ว่า “เป็นหมารับใช้กู มึงยังไม่มีคุณสมบัติพอ แต่ถ้ามึงยังพูดมากไม่ยอมหยุดอย่างนี้ เดี๋ยวกูจะให้หงห้าเอามึงไปให้หมากินที่ฟาร์มหมา!กูพูดคำไหนคำนั้น ไม่เชื่อมึงก็ลองดู!”
จางจื่อโจวก็ตกใจจนรีบหุบปาก
เขากลัวเย่เฉินจริงๆ !
ในเมื่อเย่เฉินบอกแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่กล้าพูดแพล่มออกมาอีก เพราะกลัวเย่เฉินจะฆ่าตัวเองตาย!
ตอนนี้ หงห้าก็เก็บมีดพกขึ้นจากพื้น แล้วเดินไปยังคนที่ยกมือคนแรก พร้อมถามว่า “อาจารย์เย่ครับ คนแรกจะสลักคำว่าอะไร? ”
เย่เฉินก็คิด แล้วพูดว่า “จะต้องเอาคำที่กระชับถึงจะดี!จะกระชับอย่างไรดีนะ…….”
ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เย่เฉินก็พูดว่า “ได้แล้ว สลักไปว่า หน้าโง่อู๋ซิน!”
คนนั้นก็แทบจะร้องไห้
ถ้าหน้าผากตนเอง สลักคำว่า หน้าโง่อู๋ซินลง ลงไป คุณชายจะต้องเอามีดกรีดตนเองทั้งเป็นแน่ๆ
แต่ว่า ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ ถ้าพูดมากแม้แต่คำเดียว ก็อาจจะทำให้เย่เฉินโมโห แล้วก็จะถูกส่งไปเป็นอาหารเลี้ยงหมา!
“ดีครับ” หงห้าก็ตอบรับอย่างสะใจ แล้วหยิบมีดพกขึ้น แล้วก็สลักลงไปบนหน้าขายคนนี้อย่างลึกๆ ว่า “อู๋ซินหน้าโง่”
ใบหน้าคนของคนนั้นเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าและหน้าผากมีตัวอักษร4ตัวใหญ่ๆ ให้อีก4คนเห็นแล้วก็ยิ่งใจเสีย
หลังจากสลักเสร็จ หงห้าก็ลากคนที่สองที่ยกมือขึ้น ออกมา แล้วถามเย่เฉินว่า “อาจารย์เย่ครับ คนนี้สลักว่าอะไร? ”
เย่เฉินก็คิด แล้วยิ้มพูดว่า “คนนี้สลัก5ตัว ก็สลักไปว่า อู๋ซินชอบกินขี้ แล้วกัน”
ท่านหงห้าก็พยักหน้า แล้วก็รีบแสดงฝีมือสลักตัวอักษรอันสวยงามของตนเองลงไปบนหนังมนุษย์
ตอนนี้ จางจื่อโจวพบว่า คนหลังๆ จะต้องถูกสลักตัวอักษรมากขึ้นจริงๆ เขาก็เลยรีบพูดว่า “ท่านห้าครับ!ผมคนที่สามๆ !ใครก็อย่าคิดมาแย่งผม!”
หงห้าส่งเสียง ถุย แล้วถามว่า “ไหนล่ะความโอหังของมึง? ตอนนี้ละมาทำยอมไปหมาจนตรอกรึไง? มันจะต่างอะไรกับหมาแย่งข้าวกันกินวะ ห้ะ? ”
จางจื่อโจวก็รีบขอร้องว่า “ท่านห้าครับ คุณก็คิดเสียว่าผมเป็นหมาก็แล้วกัน สลักให้ผมก่อนเถอะ!”
เย่เฉินขมวดคิ้ว แล้วก็ขึ้นหน้าไปเตะจางจื่อโจวป้าบหนึ่ง แล้วพูดว่า “มึงนี่มันไม่ใจเลยว่ะ พวกมัน4คนต่างก็เป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับมึง พอเจอปัญหามึงก็เอาเปรียบพวกมันรึไง? ”
จางจื่อโจวถูกเตะจนกระเด็นไปไกล แล้วร้องไห้พูดว่า “อาจารย์เย่ครับ ผมก็เป็นแค่ลูกพี่ที่ขี้ขลาดตาขาว อาจารย์เย่ก็เมตตาด้วยเถอะ ให้ท่านห้าสลักให้ผมเถอะ……”
เย่เฉินก็พูดเสียงนิ่งว่า “มึงอย่ามาพูดมากกับกู มึงคนสุดท้าย!ถ้ายังพูดมากอีก กูจะสลักหนังสือ ฎีกาออกศึก ทั้งหน้ามึงเลย!”
หงห้าก็ยิ้มพูดว่า “อาจารย์เย่ครับ ฎีกาออกศึก มันยาวมากเลยนะครับ ใบหน้าเดียวสลักไม่หมด!”
พูดไป หงห้าก็ท่องไป เอานิ้วมานับจำนวนไป แล้วพูดไปว่า “ปฐมกษัตริย์บุกเบิกราชวงศ์แต่สิ้นพระชนม์ก่อนเห็นความรุ่งโรจน์ ปัจจุบันแผ่นดินแบ่งเป็นสาม เมืองอี้โจวอ่อนแอ….ไอ้หยา แค่นี้ก็ทั้งหน้าทั้งหัวแล้ว…”
เย่เฉินก็โบกมืออย่างไม่สนใจ แล้วพูดว่า “ใบหน้าสลักไม่พอ ก็ยังมีลำคอ ลำคอไม่พอ ก็ยังมีร่างกาย อย่างมากก็แค่สลักไปทั้งตัว จะสลักส่วนไหนก็สลักไป ให้มันได้ดูฎีกาออกศึกบ่อยๆ ท่องฎีกาออกศึกบ่อยๆ ถือว่าจะได้รู้ความจงรักภักดีของจูกัดเหลียงบ้าง!”
จางจื่อโจวก็ตกใจจนตัวสั่น แล้วก็รีบร้องไห้ร้องขอว่า “อาจารย์เย่ครับ ผมผิดไปแล้วอาจารย์เย่ ผมไม่พูดมากแล้วครับ อาจารย์พูดถูก ผมเป็นคนสุดท้ายเองครับ!ผมจะไม่ปากมากอีกแม้แต่คำเดียวแล้ว จะอยู่เฉยๆ แล้วครับ!”
————