ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 660
บทที่ 660
อู๋ซินรู้ว่าปู่รักและเอ็นดูตนเองมาตั้งแต่เด็ก เมื่อได้ยินเช่นนี้ น้ำตาของเขาก็ไหลทันที แต่เขาก็ยังเข้มแข็งพอที่จะเช็ดน้ำตาและกล่าวว่า “คุณปู่ไม่ต้องห่วงผม ผมสามารถทนได้ ว่าแต่คุณปู่ ต้องดูแลร่างกายให้ดี ๆ นะครับ!”
เหมือนกับคุณท่านซ่ง คุณท่านอู๋ ก็เป็นหน้าตาเป็นตาของตระกูลอู๋เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เส้นสายของคุณท่านอู๋ในเจียงหนานนั้นมีมาก ผู้คนมากมายในวงการธุรกิจ การเมือง และแม้แต่คนจำพวกสีเทาก็ให้เกียรติเขา ไม่ใช่แค่เพราะคุณสมบัติที่สูงส่งของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม หลายคนเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา
หากคุณท่านอู๋เสียชีวิตแล้ว คนเหล่านี้จะไม่ให้เกียรติตระกูลอู๋เหมือนที่ผ่านมาแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นอิทธิพลของตระกูลอู๋จะลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้คุณท่านอู่ยังถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างฉลาด เมื่อตนเองอายุมากแล้วเขาไม่ได้กุมอำนาจ แต่ส่งต่ออำนาจและธุรกิจให้อู๋ตงไห่ตั้งนานแล้ว และถอยออกไปอยู่เบื้องหลัง วิธีนี้ ก็จะไม่มีปัญหาในการยึดครองอำนาจของตระกูลอู๋เป็นเวลานาน และทำให้ลูกหลานรังเกียจ
เพราะฉะนั้น คนของตระกูลอู๋หวังว่า คุณท่านอู๋จะมีร่างกายที่แข็งแรงและอายุยืน
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของคุณท่านอู๋คงที่แล้ว ทุกคนรีบอำลาด้วยความเคารพ
เมื่อออกห้องผู้ป่วยเฝ้าระวัง อู๋ตงไห่ได้มอบหมายงานให้อู๋ตงเจียง โดยกล่าวว่า “ตงเจียง คุณไปบอกทุกคนในครอบครัว รวมทั้งคนรับใช้ และคนขับรถ ห้ามทุกคนมีติ๊กต็อกในโทรศัพท์ มิฉะนั้นถ้าตรวจพบ พี่จะเล่นงานมันอย่างหนัก!”
“ได้ครับพี่!” อู๋ตงเจียงรีบพยักหน้า หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “พี่ ขาของพี่กับเสี่ยวซินต้องรีบรักษาแล้ว หมอมารออยู่แล้ว!”
ขาของอู่ตงไห่และอู๋ซินยังไม่ได้รับการรักษา ตอนนี้แพทย์ประจำครอบครัวกำลังรอรักษาพวกเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม หลังจากการตรวจของแพทย์ พบว่าหัวเข่าของพ่อลูกตระกูลอู๋แตกเป็นเสี่ยง ๆแล้ว ไม่สามารถฟื้นตัวได้อีก
เขาจึงพูดกับทั้งสองคนว่า “ประธานอู๋ คุณชายใหญ่ ตอนนี้สภาพหัวเข่าไม่ค่อยดีนัก ผมคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดคือสั่งข้อเข่าเทียม แล้วทำการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนใหม่”
อู๋ตงไห่รีบถาม “ข้อเข่าเทียมจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน? ”
หมอกล่าวว่า “เนื่องจากว่าไม่ใช่ของตัวเอง ก็จะรู้สึกอึดอัดไม่มากก็น้อย แต่อย่างน้อยก็จะไม่เป็นง่อย สามารถงอได้ สามารถยืนได้ และสามารถเดินได้ แต่ไม่สามารถวิ่งได้ อย่างมากที่สุดก็กะโผลกกะเผลกนิดหน่อย”
ท่าทางของอู๋ตงไห่ราบเรียบ
ผลลัพธ์นี้สอดคล้องกับสิ่งที่เขาคิดไว้ ขอแค่ไม่ได้เป็นคนพิการขาด้วนก็ดีแล้ว
อู๋ซินรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เขาร้องไห้และกล่าวว่า “พ่อ ผมอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น ผมไม่อยากเป็นคนง่อย!”
อู๋ตงไห่ตบบ่า แล้วอย่างจริงจังว่า “ลูก ลูกอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง มันยากที่หัวเข่าของลูกจะฟื้นกลับสู่สภาพเดิม นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน แต่มันเป็นปัญหาของระดับทางการแพทย์ ลูกไม่ยอมแล้วมันก็ไม่มีวิธีใด? ลูกควรทำใจอย่าไปคิดมาก มุ่งเน้นไปที่การแก้แค้น”
“แก้แค้น…….” อู๋ซินโพล่งออกมา “ใช่! ผมจะต้องแก้แค้น! ผมจะต้องสับร่างของเย่เฉินออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น! แล้วผมก็จะแย่งซ่งหวั่นถิงมาแต่งงานกับผม! แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจ ผมก็จะใช้ปืนบังคับเธอ ผมก็จะแต่งงานกับเธอให้ได้!”
อู๋ตงไห่พยักหน้าด้วยใบหน้าเย็นชาและกล่าวว่า “พ่อได้คิดไว้แล้ว เย่เฉินผู้นี้มีความสามารถไม่ธรรมดา และได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซ่งและผู้คนมากมายในเมืองจินหลิง หากต้องการฆ่าเขา ใจร้อนไม่ได้ ต้องวางแผนก่อนแล้วค่อยลงมือ!”
อู๋ซินรีบถาม “พ่อ พ่อมีวิธีที่ดีอะไรมั้ย?”
อู๋ตงไห่กล่าวว่า “ปัญหาก่อนหน้านี้ของเราคือเราประเมินศัตรูต่ำเกินไป ผลีผลามเกินไป รีบลงมือโดยไม่รู้จักคู่ต่อสู้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเสียเปรียบ ครั้งนี้ พวกเราต้องสืบจากข้างนอกให้เข้าใจ สืบให้ชัดเจนว่าคนที่ชื่อเย่เฉินมีความสามารถอะไร? มีความสามารถขนาดไหน และมีศัตรูจำนวนเท่าใด จากนั้นสืบว่าเขามีจุดอ่อนอะไรบ้าง แล้วพวกเรากำหนดเป้าหมาย ลงมือให้ถูกวิธี จนทำให้เขาไม่สามารถต่อต้านได้!”