ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 70 คุณเลือกเอาเองเถอะ
บทที่ 70 คุณเลือกเอาเองเถอะ
เท้าของต่งรั่งหลินเจ็บมาก ภายในใจของเธอสิ้นหวัง น้ำตาไหลรินลงมาไม่หยุด
มองดูใบหน้างดงามของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา ชายหนุ่มมีความคิดชั่วร้าย กลืนน้ำลายลง แล้วพูด:“เอาตัวเธอขึ้นรถ!ฉันจะดื่มด่ำมีความสุขบนรถก่อนหนึ่งครั้ง!”
คนที่อยู่รอบๆร้องตะโกน:“คุณชายเวย คุณชายจะให้พวกผมมีความสุขกับสาวสวยคนนี้ด้วยหรอครับ?”
ชายหนุ่มพูดเสียงเย็นยะเยือก:“รอให้กูดื่มด่ำพอแล้ว กูจะให้พวกมึงได้เสพสุข!”
พูดจบ ยื่นมือจะลากตัวเธอไปที่รถ
ในเวลานี้เอง เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นด้านนอก!
“อ๊า!”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องหลายเสียงดังขึ้น
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองด้วยความโมโห พูดเสียงเหี้ยม:“เป็นอะไรไป?”
เขาเงยหน้าขึ้น รู้สึกเหมือนมีลมอะไรบางอย่างปะทะมาตรงหน้า!
ยังไม่ทันได้หลบ ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้า ตรงหน้ามองเห็นดาว จมูก “ครืด” หัก เลือดกำเดาไหลออกมา
ราวกับถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบหัว ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด เดินเซถอยหลัง
ตอนที่เขากำลังจะล้มลง เห็นเพื่อนหลายคนที่อยู่ด้านหลัง ล้มลงกับพื้นราวกับสุนัขที่ตายไปแล้ว ไม่ขยับแม้แต่น้อย
ต่งรั่งหลินเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัวและตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง
เห็นคนสวมหน้ากากสีดำ ยืนอยู่ตรงหน้าตน แววตาเย็นยะเยือกราวกับมีดดาบ
ภายในใจของต่งรั่งหลินทั้งตกใจและดีใจ อุทานในใจ เขาคือใคร? เขาคือคนที่มาช่วยตนหรือ? ถูกต้อง ต้องมาช่วยตนอย่างแน่นอน!
ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเลือด ล้มลงกับพื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
คนๆนี้ลงมือเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาก็ล้มคนไปสี่คน เหลือคนสวมหน้ากากอีกไม่กี่คน นิ่งชะงักหลายวินาทีกว่าจะดึงสติกลับมา ร้องตะโกนพุ่งไปที่เขา พร้อมกับร้องเรียกพวกของตน
“คุณ คุณเป็นใคร” ต่งรั่งหลินนั่งอยู่บนพื้น เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า
คนๆนี้ไม่ตอบ อุ้มเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นวิ่งไปยังตรอกซอยลึก
ต่งรั่งหลินหายใจหอบหืด หัวใจของเธอเต้นแรง ยังคงไม่หายตกใจ
ด้านหลังยังมีเสียงเหี้ยมเกรียมของชายรูปร่างกำยำ รวมถึงเสียงแตรของมอเตอร์ไซต์ เห็นได้ชัดว่ากำลังไล่ตามมา
เสียงของลมผ่านหน้าเธอไป เท้าของต่งรั่งหลินเสียเลือดไปมาก ร่วมกับความตกใจและหวาดกลัว จำทำได้เพียงกอดคนที่มาช่วยเอาไว้แน่นๆ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกว่ากลิ่นของผู้ชายคนนี้ เหมือนจะคุ้นเคยมาก
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ผู้ชายลึกลับที่อุ้มตนเอาไว้ คือสามีของเพื่อนสนิทตนเอง เย่เฉิน
เย่เฉินขับรถผ่านมา คิดไม่ถึงว่าจะเห็นต่งรั่งหลินถูกล้อมเอาไว้พอดี
เขากลัวจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับต่งรั่งหลิน ดังนั้นจึงสวมแมสแล้วมาช่วยต่งรั่งหลิน
ตั้งแต่ได้รับเรกิจากก้อนหินสีขาวนั้นจนร่างกายเปลี่ยนแปลง ฝีมือของเย่เฉินดีขึ้นมา ความเร็วของเขาก็เร็วกว่าเดิมมาก
ร่วมกับที่แห่งนี้มีตรอกซอยมากมาย เย่เฉินจึงสลัดพวกมันทิ้งอย่างรวดเร็ว
เย่เฉินอุ้มต่งรั่งหลินเอาไว้ วิ่งไปไกลในครั้งเดียว มาถึงสวนสาธารณะที่อยู่ไกลออกไปแล้วจึงหยุดลง
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว ในสวนสาธารณะมีต้นไม้มากมาย ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามตามมา ก็สามารถซ่อนตัวได้
เขาวางต่งรั่งหลินเอาไว้ที่พื้น เห็นกางเกงของเธอที่เปื้อนเลือด ขมวดคิ้วเป็นปมทันที
ถึงแม้ต่งรั่งหลินจะเสียเลือดมาก แต่เธอก็ยังคงมีสติ กล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าซีดขาว:“ขอบคุณคุณที่ช่วยฉันเอาไว้นะคะ ไม่ทราบว่า……คุณคือใครกันแน่?”
เย่เฉินชำเลืองมองเธอ ทว่าไม่ได้พูดอะไร
เธอดูถูกตนอยู่แล้ว ต่อให้ตนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา แล้วจะมีความหมายอะไร? มีแต่จะเพิ่มเรื่องปวดหัวเท่านั้น
ดังนั้น สู้ปิดบังเอาไว้ยังจะดีเสียกว่า
อีกทั้ง เขาไม่ได้ดูแลต่งรั่งหลินเป็นพิเศษ เพียงเห็นแก่หน้าภรรยาเซียวชูหรัน จึงยื่นมาเข้ามาช่วยเท่านั้น
เมื่อเห็นเย่เฉินไม่พูด ต่งรั่งหลินจึงเข้าใจความหมายของเขา รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่อยากเปิดเผยตัวตน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ถามต่อ
แต่เธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องพึ่งพิงผู้ชาย ในเมื่อเขาช่วยตนเอาไว้ ทว่าไม่รับคำขอบคุณของตน ภายในใจจึงรู้สึกเหมือนติดค้างอะไร
ขณะที่ต่งรั่งหลินกำลังจะถาม กลับได้ยินเสียงแหบแห้งเย็นยะเยือกดังขึ้นที่ข้างหู
“ถอดกางเกง”
ต่งรั่งหลินเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ มองดูคนที่สวมหน้ากากจ้องตนอย่างพิจารณา เธอโมโหขึ้นมาทันที
คิดว่าตนหนีรอดจากปากเสือ ทว่าคิดไม่ถึงกลับเข้ามาในรังหมาป่า
ที่นี่เป็นป่าและอยู่ห่างไกล อีกทั้งเขายังมีฝีมือที่เยี่ยมยอด ต่อให้เธอร้องตะโกนสุดเสียง ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากมือจอมมารได้
ภายในใจของต่งรั่งหลินสิ้นหวัง กัดฟันพูดเสียงเหี้ยม:“คุณอย่าคิดจะแตะต้องตัวฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยให้ใครข่มเหงได้! ถ้าคุณคิดจะทำอะไรฉัน ฉันยอมตาย!”
เย่เฉินชะงัก พยายามข่มเสียงเอาไว้ ชี้ไปที่เท้าของเธอแล้วพูด:“เท้าของคุณได้รับบาดเจ็บ บาดแผลอยู่ใกล้กับเส้นเลือดใหญ่ ถ้ารักษาไม่ทันเวลา อาจจะพิการได้ ตอนนี้ถ้าไม่ห้ามเลือดแล้วส่งคุณไปโรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลต้องไม่ทันการแน่ คุณพูดมาสิว่าจะทำยังไง?”
ต่งรั่งหลินมองดูเขาด้วยความตกตะลึง แก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
เธอคิดว่าเขาจะทำไม่ดีไม่ร้ายกับตน ทว่าคิดไม่ถึง……
เมื่อเห็นต่งรั่งหลินจ้องมองตนแล้วพูดไม่ออก เย่เฉินถอนหายใจในใจ
ต่งรั่งหลินเอ่ยถาม:“คุณ……คุณสามารถช่วยฉันห้ามเลือดได้หรอคะ?”
เย่เฉินพยักหน้า พูด:“ผมเคยเรียนแพทย์แผนจีนมาก่อน สามารถใช้วิธีกดชีพจร ช่วยคุณห้ามเลือดและบรรเทาบาดแผล ถึงเวลานั้นคุณก็มีเวลาไปโรงพยาบาล แล้วเข้ารับการรักษาต่อ”
“ขอบ……ขอบคุณค่ะ” หน้าของต่งรั่งหลินแดงระเรื่อ เสียงของเธอเบาราวกับยุง
เธออดไม่ได้ที่จะมองแผลของตน ภายในใจย้อนแย้งมาก
แผลนี้พอดิบพอดี อยู่ตรงด้านบนขาอ่อน ตรงถอดกางเกง
แต่ถ้าเธอถอดกางเกง เท่ากับให้อีกฝ่ายเห็นทุกอย่างไม่ใช่หรอ?
การอบรมสั่งสอนของตระกูลต่งเข้มงวด ปกติต่งรั่งหลินก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับผู้ชายคนนี้ จึงอย่าพูดถึงว่าจะให้ผู้ชายแตะต้องร่างกายตนเอง
อีกทั้งตระกูลต่งมีหมอประจำตระกูล เป็นหมอตะวันตกจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียง เธอไม่เชื่อว่าการกดชีพจร จะทำให้หยุดเลือดได้
ต่งรั่งหลินครุ่นคิด พูดปฏิเสธ:“ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ แต่ว่า คุณรีบส่งฉันไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ ฉันคิดว่าฉันยังไหว”
เย่เฉินขมวดคิ้วเป็นปม จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ต่งรั่งหลินต้องคิดว่าตนเองไม่ได้บาดเจ็บถึงตาย ดังนั้นจึงอยากไปโรงพยาบาล
แต่เธอจะรู้ได้ยังไง ที่ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันไม่ร้ายแรง เป็นเพราะเมื่อกี้ตอนที่ตนอุ้มเธอ ได้ถ่ายพลังเข้าไปในตัวเธอ
ไม่อย่างนั้น เธอจะทนถึงตอนนี้ได้ยังไง ตายเพราะเสียเลือดมากไปนานแล้ว
ต่งรั่งหลินเห็นเย่เฉินไม่พูด คิดว่าตนเองน่าจะไม่บาดเจ็บร้ายแรงเท่าไหร่ อยากจะลุกขึ้นยืน
ทว่าเพียงแค่เธอขยับ บาดแผลก็ฉีกขาด เลือดร้อนพลุ่งพล่านออกมา
ตัวของต่งรั่งหลินอ่อนยวบ นั่งลงบนพื้นด้วยความวิงเวียน สีหน้าซีดขาว
เย่เฉินขมวดคิ้ว เอ่ยพูด:“เมื่อกี้ผมบอกแล้ว ถ้าคุณเคลื่อนไหวไปมั่ว ขาของคุณต้องพิการแน่ ต่อให้คุณไปโรงพยาบาล ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ยิ่งไปกว่านั้นคุณเสียเลือดมาก มีความเป็นไปได้สูงว่าจะตายก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง รักษาหรือไม่รักษา คุณเลือกเอาเองเถอะ!