ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 749
ภาษาจีนของพอลก็ดีจริงๆ ถ้าหลับตาฟังล่ะก็ ฟังแทบไม่ออกเลยว่าเป็นชาวต่างชาติ เย่เฉินก็อึ้งอย่างมาก ก็เลยเช็คแฮนด์ทักทายไปด้วย ชื่นชมไปด้วยว่า “ภาษาจีนของคุณพอลไม่มีที่ติจริงๆ เลยนะครับ”
พอลก็ยิ้มอย่างถ่อมตัว แล้วพูดว่า “คุณเย่ชมกันเกินไปแล้วครับ!”
เซียวฉางควนที่อยู่ข้างๆ ก็รีบพูดขึ้นว่า “เอ่อเหม่ยฉิง ผมจองห้องอาหารที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงไว้แล้ว พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ต้อนรับคุณกับลูกชายคุณเสียหน่อย!”
หายเหม่ยฉิงก็ยิ้มพูดว่า “ต้องขอบคุณพ่อตาลูกเขยคู่นี้มากๆ เลยนะ มาตั้งไกลเพื่อมารับพวกเรา ยังเลี้ยงข้าวพวกเราอีก……..”
“ไม่เป็นไรๆ !” เซียวฉางควนก็ยิ้มๆ แล้วอดทนรอพูดไม่ได้ว่า “พอดีว่าพวกเราขับรถมาพอดีเลย พวกเราก็ไปกันเลยเถอะ”
“ได้เลย” หายเหม่ยฉิงพยักหน้า จากนั้นก็พูดกับพอลว่า “ลูกแม่ ไปบอกคนขับรถที่สิ ว่าพวกเราจะไม่นั่งรถของบริษัทแล้ว เดี๋ยวจะนั่งรถของคุณอาเซียว”
พอลก็ยิ้มพูดว่า “ได้ครับแม่ เดี๋ยวผมโทรหาคนขับรถเลย ให้เขาเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่โรงแรมก่อน”
“จ่ะ!”
พอลก็พูดกับเซียวฉางควนและเย่เฉินอย่างเคารพว่า “คุณเซียว คุณเย่ครับ เดี๋ยวรอผมสักครู่นะครับ ผมขอโทรศัพท์ครู่เดียว ขอโทษทีนะครับ!”
เซียวฉางควนก็รีบพูดว่า “ไอ้หยา พอลช่างเป็นเด็กดีจริงๆ มีมารยาทดีมาก ไม่ต้องเกรงใจกับอาแบบนี้ก็ได้”
พอลก็ยิ้มพูดว่า “ไม่ได้ครับ ต้องเกรงใจ”
พูดจบ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็โทรออกไป
เซียวฉางควนก็ถามหายเหม่ยฉิงอย่างสงสัยว่า “เหม่ยฉิง คุณกลับประเทศมากับลูกชาย ยังจ้างคนขับรถในประเทศจีนด้วยหรือ? ”
หายเหม่ยฉิงก็พยักหน้า “หลังจากที่พ่อของพอลเขาเสียไป ฉันก็อยากกลับประเทศตลอดเวลา แต่พ่อของตาพอลเขาทิ้งบริษัทไว้ให้ พอลเขาบอกว่าไม่อาจจะทิ้งบริษัทน้ำพักน้ำแรงของพ่อเขาไปได้ ดังนั้น ครึ่งปีก่อน ก็ได้ค่อยๆ ย้ายงานมาไว้ที่ในประเทศแล้ว”
เซียวฉางควนก็ถามอย่างสงสัยว่า “พวกคุณย้ายธุรกิจมาในประเทศแล้วอย่างนั้นหรือ? ”
“ใช่” หานเหม่ยฉิงพูดว่า “แต่ว่าเรื่องนี้ ฉันก็ไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเท่าไรนัก ให้พอลเขาเป็นคนจัดการดูแลเอง”
เซียวฉางควนก็พยักหน้าเบาๆ ในใจก็รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยไปเหมือนกัน
หานเหม่ยฉิงกับลูกชายกลับมาตั้งรกรากที่ในประเทศ แถมยังย้ายกิจการมาด้วย ธุรกิจที่คุ้มค่าแก่การย้ายฐานกิจการแบบนี้ เกรงว่าจะเป็นธุรกิจที่ไม่เล็กเลยทีเดียว ดูเหมือนว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของหานเหม่ยฉิงคงจะมั่นคงไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเทียบกันแล้ว ตนเองก็เริ่มอับอายเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรเสีย ตอนนี้ตระกูลเซียวก็ได้ล้มละลายไปแล้ว ตนเองก็ไม่มีรายรับอะไรเลย จนสามารถพูดได้ว่าไม่มีเงินติดตัวสักหยวนเดียว ที่พอมีก็คือคฤหาสน์ที่Tomson Riviera แต่ว่าก็เป็นของเย่เฉิน
พอคิดถึงจุดนี้ ในใจเซียวฉางควนก็ค่อนข้างกลุ้มๆ
สถานการณ์ของเขาตอนนี้ หานเหม่ยฉิงจะดูถูกตนเองไหมนะ?
อยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว คนวัยกลางคนส่วนใหญ่ อย่างน้อยก็มีงาน มีกิจการเป็นของตนเอง แต่ว่าตอนนี้ตนเองไม่มีอะไรเลย มันน่าอับอายมาก!
เย่เฉินมองสีหน้าของพ่อตาตนเองออก ว่าเขากำลังกลุ้มใจ ในใจเขาคงจะคิดว่าหานเหม่ยฉิงดีเกินไป ตนเองไม่เหมาะสมกับเธอ แต่เย่เฉินก็ไม่ได้ไปเปิดโปงความคิด
ในตอนนี้ พอลก็โทรศัพท์เสร็จแล้ว ก็ยิ้มพูดว่า “แม่ครับ คุณอาเซียวครับ แล้วก็พี่เย่เฉิน ผมได้บอกกับทางบริษัทเรียบร้อยแล้วครับ พวกเราไปกันเถอะครับ”
“โอเค” เย่เฉินยิ้มพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
ทั้ง4คนออกไปจากสนามบินพร้อมกัน หน้าประตูมีรถยี่ห้อPhantom Familyใหม่เอี่ยม มาจอดตรงหน้าพวกเขาทั้ง4 มีชาวต่างชาติเดินลงมาจากรถ แล้วก็พูดภาษาอังกฤษกับพอลอย่างเคารพว่า “สวัสดีครับ ผู้จัดการใหญ่!”
พอลก็พยักหน้าเบาๆ
แล้วคนขับรถชาวต่างชาติคนนี้ก็พูดกับหานเหม่ยฉิงว่า “สวัสดีครับท่านประธาน”
หานเหม่ยฉิงก็พยักหน้ายิ้ม พูดว่า “ไมค์ นายช่วยเอากระเป๋าเดินทางของพวกเราไปส่งที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงหน่อย แล้วให้พนักงานต้อนรับแยกกระเป๋าไปเก็บไว้ในห้องของฉันกับพอลด้วยเลย”