ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 782
บทที่ 782
เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “ลองแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือดู ถ้าหากคนเขาตอบตกลงที่จะช่วย ความสามารถของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเราอีก เส้นสายของพวกเขาก็กว้างขวางกว่าเรา บางทีพวกเขาอาจจะสามารถช่วยพวกเราไปสอบถามข้อมูลว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
เซียวชูหรันถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดอย่างซาบซึ้งใจว่า : “เย่เฉิน ขอบคุณคุณมากจริงๆนะคะ!””
เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “ยัยทึ่ม ผมเป็นสามีของคุณนะ คุณจะมาเกรงใจผมอะไรกันละ?”
พูดแล้ว ก็รีบตบที่ไหล่ของเธอเบาๆ พูดว่า : “ไปกันเถอะ เราลงไปทานข้าวกันก่อนนะ ทานข้าวเสร็จแล้วผมจะออกไปหาเพื่อน ลองดูว่าคนเขาจะยอมช่วยเหลือหรือเปล่า ถ้าพวกเขาไม่ยินยอมล่ะก็ งั้นผมก็จะวิงวอนขอร้องให้พวกเขาช่วย แต่ว่าผมรับประกันกับคุณได้เลย แม่จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”
เซียวชูหรันพยักหน้าอย่างแรง รู้สึกสบายใจไม่น้อยเลย
ก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกว่าเรื่องที่แม่หายสาบสูญไปนี้ ทั้งครอบครัวมีเพียงเธอคนเดียวที่ใส่ใจอยู่ ตอนนี้เมื่อเห็นเย่เฉินยืนหยัดที่จะลุกยืนขึ้นสู้พร้อมกับตัวเอง แถมยินยอมที่จะช่วยเหลือ ในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะมากแล้ว
ในเวลานี้เย่เฉินรู้สึกรักเซียวชูหรันอย่างสุดซึ้ง มองออกว่า การสูญหายไปของหม่าหลันทำให้เธอว้าวุ่นใจมาโดยตลอด ถ้าหากยังไม่ทำให้หม่าหลันรีบกลับบ้านมาอีก หม่าหลันอยู่ในสถานกักขังก็ยังไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่อะไร เกรงว่าภรรยาของตัวเองคงจะรับไม่ไหวแล้ว
ดังนั้นเขาก็ได้ตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้จะไปดำเนินการ ตัวเองคิดแผนการนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว วันมะรืนนี้ก็น่าจะทำให้หม่าหลันกลับมาได้แล้ว
เมื่อปลอบใจเซียวชูหรันแล้ว เย่เฉินก็พาเธอลงมาที่ชั้นล่าง
ห้องอาหารที่ชั้นล่าง เซียวฉางควนได้จัดการโต๊ะอาหารกับหานเหม่ยฉิงไว้เรียบร้อยแล้ว
และพอลที่อยู่อีกฝั่งนึงก็เปิดเหล้าหมาวถายเก่าแก่ที่ล้ำค่าในนั้นหนึ่งขวด เมื่อเห็นเย่เฉินและเซียวชูหรันเดินลงมา ก็ยิ้มพร้อมถามเย่เฉินว่า : “คุณเย่ ดื่มสักสองแก้วไหมครับ?”
เย่เฉินยิ้มเบาๆ พูดว่า : “ได้สิ งั้นก็ดื่มเป็นเพื่อนพวกคุณสักสองแก้ว”
เซียวชูหรันที่อยู่ข้างๆพูดเตือนด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำว่า : “เดี๋ยวคุณทานข้าวเสร็จไม่ใช่ว่าจะไปหาเพื่อนเหรอ?ไม่งั้นก็อย่าดื่มเลยนะ ดื่มเหล้าแล้วก็ขับรถไปไม่ได้แล้ว”
เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “ไม่เป็นไรนะ พอผมดื่มเสร็จก็เรียกรถไปส่งนะ คุณพอลมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ไม่เป็นเพื่อนเขาดื่มสักสองแก้วดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่านะ”
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว เซียวชูหรันก็พยักหน้า พูดว่า : “ค่ะ ขอแค่คุณไม่ขับรถไปก็พอ”
ในเวลานี้ เซียวฉางควนยกหม้อซุปเนื้อซีหู เดินออกมาจากในห้องครัว เมื่อเห็นเซียวชูหรัน ก็ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ไอ้หยาชูหรัน เดี๋ยวลองชิมฝีมือของคุณน้าหานดูนะ เมื่อกี้พ่อแอบชิมไปสองคำ สามารถพูดกับลูกได้เพียงสามคำ แบบนี้ว่า สุดยอดมาก ”
เดิมทีเซียวชูหรันในตอนนี้ก็ไม่มีความอยากอาหารอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอาหารมื้อนี้ก็ทำขึ้นโดยคู่ปรับเรื่องรักของแม่ในตอนนั้น เพราะงั้นเธอก็ยิ่งไม่มีความอยากจะกินเลย
แต่ว่าเพื่อเห็นแก่หน้า เธอก็ทำได้เพียงนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
ในเวลานี้หานเหม่ยฉิงก็ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้ว และก็หยิบถ้วยตะเกียบเดินออกมาจากในห้องครัว เมื่อเห็นเย่เฉินและเซียวชูหรันต่างก็เดินลงมาแล้ว ก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า : “ขอโทษนะคะ ที่ทำให้พวกคุณรอนาน ในที่สุดก็ได้ทานข้าวกันแล้ว”
พูดจบ เธอก็ถามเย่เฉินและเซียวชูหรันอย่างห่วงใยว่า : “พวกคุณคงจะหิวกันแล้วใช่ไหม?มา รีบทานอาหารกันดีกว่า!”
บนโต๊ะอาหาร ล้วนเป็นอาหารบ้านๆทั่วไปที่มีรสชาติซูหางที่หานเหม่ยฉิงเป็นคนทำทั้งหมด
มีปลาเปรี้ยวหวานซีหู มีกุ้งอบน้ำมัน มีหมูสามชั้นราดน้ำแดง และซุปเต้าหู้ต้มกับหัวปลา บะหมี่ปลาไหลกุ้งทอด เป็นต้น
อาหารเหล่านี้ผัดได้สวยงามมากเลยจริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับร้านอาหารใหญ่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย
หานเหม่ยฉิงพูดด้วยความเสียดายนิดหน่อยว่า: “เดิมทีมีกุ้งผัดชาหลงจิ่งที่ฉันถนัดด้วย แต่เมื่อกี้อยู่ในครัวยุ่งมากเกินไป ดังนั้นไม่ทันได้ระวัง ไหม้หมดเลย ไว้ครั้งหน้าจะทำให้พวกคุณลองทานกันนะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องกุ้งผัดชาหลงจิ่ง หานเหม่ยฉิงก็คิดถึงในห้องครัว ฉากที่จู่ๆเซียวฉางควนโอบกอดตัวเอง บนใบหน้าที่งดงามอย่างไม่อาจเทียบเคียงได้จู่ ๆก็ปรากฏสีแดงระเรื่อๆขึ้นมาทั้งสองฝั่งทันที……