ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 856
ต่อมา เขาก็เลยรีบหัวเราะฮิๆให้หลี่เสี่ยวเฟิน: “โธ่เอ๋ย เสี่ยวเฟินเธออย่าเข้าใจผิดนะ ฉันก็แค่ล้อเล่นกับเย่เฉินเฉยๆ พวกเราสองคนเธอก็ไม่ใช่ไม่รู้ เมื่อก่อนเราก็ล้อเล่นกันแบบนี้ประจำ แต่ความจริงแล้วความสัมพันธ์ของเราสองคนดีมากเลยนะ!”
หลี่เสี่ยวเฟินร้องฮื้อออกมา หันไปทางอื่นและไม่สนใจเขา
ขณะเดียวกัน มีหญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้าที่อ่อนโยน และผมที่ขาวปนดำได้เดินออกมาจากหน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อเห็นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “ อ้าว พวกเธอไม่ได้ไปที่ร้านอาหารหรือ? ทำไมยังยืนอยู่ที่หน้าประตู?”
ทุกคนได้รีบหันไปมอง และตกใจเมื่อรู้ว่า คนที่พูดก็คือป้าหลี่ที่หายป่วย
ขณะนี้ใบหน้าของป้าหลี่ปรากฏรอยยิ้มที่จริงใจ เธอมองไปหาทุกคน ใจของป้าก็รู้สึกอุ่นใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเย่เฉิน ป้าหลี่ไม่เพียงรู้สึกอุ่นใจ ยังรู้สึกขอบคุณเขาด้วย
ขณะเดียวกัน ทุกคนก็ใช่สายตาที่กระตือรือร้นและตื่นเต้นมองไปหาป้าหลี่
เย่เฉินมีความรู้จากตำราเก้าเสวียนเทียนค่อยช่วย เขาเลยสามารถมองและรู้ว่า ตอนนี้ป้าหลี่ได้หายป่วยอย่างสิ้นเชิงแล้ว และสภาพร่างกายก็แข็งแรงดี
ตอนนี้ใจของเขารู้สึกชื่นใจอย่างไร้ที่สิ้นสุด และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถ้าตอนนั้นตัวเองได้ตำราเก้าเสวียนเทียนเร็วหน่อยป้าหลี่อาจจะไม่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไต เพียงแค่ยาย้อนอายุวัฒนะเม็ดเดียวก็สามารถรักษาโรคทั้งหมดของป้าให้หายได้แล้ว แถมยังทำให้ป้าหลี่อ่อนวัยขึ้นหลายปีหรือหลายสิบปีเลยนะ
และป้าหลี่ก็เหมือนกัน สำหรับเธอแล้ว เด็กทุกคนที่อยู่ตรงหน้า ก็เหมือนลูกแท้ๆของเธอ เธอรักและห่วงใยมาก ป้าหลี่ยังใช้เวลาของชีวิตทั้งหมด มอบให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ถึงจะไม่เคยคิดว่าจะให้เด็กเหล่านี้ตอบแทนบุญคุณ และกตัญญูกับเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนได้มาเยี่ยมเธอ เธอก็ได้พยักหน้าไม่หยุด รู้สึกชื่นใจอย่างมาก
เพื่อนๆ ที่เคยอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ตรงเข้าไปถามถ่ายเรื่องความเป็นอยู่และสุขภาพของป้าหลี่
ในนี้ก็มีคนถามด้วยความห่วงใยจากใจ บางคนก็ถามเพราะต้องทำตามคนอื่น
ถึงจะเป็นแบบนี้ ก็ทำให้ใจของป้าหลี่รู้สึกขอบคุณมาก เพราะเด็กเหล่านี้ยังจำเธอได้ แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว
ขณะนี้ เย่เฉินได้เดินเข้ามาและพูดว่า: “ป้าหลี่ ยินดีด้วยนะครับที่ป้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว! ”
เซียวซูหรันที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยิ้มหวานและพูดไปประโยคหนึ่งว่า: “ป้าหลี่ ยินดีด้วยนะคะ ที่ป้าหายป่วยแล้ว!”
เมื่อป้าหลี่เห็นเย่เฉินและเซียวซูหรันแล้ว ใบหน้าที่อ่อนโยน ก็ได้ปรากฏรอยยิ้มที่ดีใจออกมาแล้วพูดว่า: “เย่เฉิน ซูหรัน เด็กดี ไม่ได้เจอกันหลายเดือนเลยนะ ฉันคิดถึงพวกเธอมาก! พวกเธอสบายดีใช่มั้ย?”
ความจริงแล้ว เด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีไม่น้อยเลยนะ ที่สำคัญเธอปฏิบัติกับเด็กทุกคนที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ของตัวเอง แต่ถ้าจะบอกว่าเธอรักและห่วงใยใครมากที่สุด คนนั้นเป็นใครไม่ได้นอกจากเย่เฉิน
ตอนที่เย่เฉินยังอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาเป็นเด็กที่เชื่อฟัง รู้จักคิดและอ่อนโยนมากที่สุดแล้ว
ที่สำคัญ เด็กคนอื่นที่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงจะเคยกลับมาเยี่ยมที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บางครั้งก็มีการบริจาคเงินไม่สถานเลี้ยงเด็กบ้าง แต่ไม่มีใครเหมือนเย่เฉิน ที่ทำทุกอย่างเพื่อช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
โดยเฉพาะตอนที่เธอป่วย ค่ารักษาที่มหาศาล ถึงขั้นที่ครอบครัวของเธอเองก็ทำได้แค่มองแต่ทำอะไรไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนั้น จะเป็นเย่เฉินที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาช่วยเธอ
ถ้าไม่มีเขา เธอคงตายไปนานแล้ว
ที่สำคัญที่เธอสามารถไปรักษาที่โรงพยาบาลเซี๋ยเหอ ก็เป็นเพราะเย่เฉินช่วยเธอเปิดรับบริจาคเงิน ในส่วนลึกในใจของป้าหลี่ก็เลยมีความขอบคุณที่มีต่อเย่เฉิน
ความรู้สึกในใจของของเธอที่มีต่อเซียวซูหรันก็เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เซียวซูหรันช่วยเย่เฉินรับบริจาคเงิน เธอคงไม่ได้อยู่ถึงตอนนี้แน่เลย
ดังนั้น ป้าหลี่ที่มองเซียวซูหรัน ก็เหมือนมองลูกสะใภ้ของตัวเองแล้วพูดชื่นชมว่า: “ซูหรัน เธอสวยกว่าเดิมนะ ช่วงนี้เย่เฉินไม่ได้สร้างปัญหาให้เธอใช่มั้ย? พวกเธอสองคนเป็นคู่ที่ป้าชอบที่สุด พวกเธอต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันนะ และใช้ชีวิตด้วยกันดีๆ อย่าให้คนอื่นมาว่าได้นะ”