ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 870
เย่เฉินกับเซียวชูหรันก็นั่งลงด้านขวาของป้าหลี่ ตามที่ป้าหลี่บอก ส่วนคนอื่นๆ ก็นั่งถัดไปเรื่อยๆ
พอนั่งลง ป้าหลี่ก็มองเด็กๆ ทุกคน แล้วก็พูดอย่างพอใจว่า “เด็กๆ ขอบคุณพวกเธอมากนะที่ยังไม่ลืมป้า แล้วก็ยังมาเยี่ยมป้า!”
ทุกคนก็รีบพูดว่า “ป้าหลี่ ป้าพูดอะไรกันครับ พวกเราสมควรทำแบบนี้อยู่แล้วนะครับ”
ป้าหลี่ก็ถาม “หลายปีมานี้ พวกเธอสบายดีกันนะ? ”
ทุกคนก็ยิ้มพูดว่า “ขอบคุณป้าหลี่ที่เป็นห่วง พวกเราสบายดี”
ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาหลายปี ทุกคนก็มีเส้นทางชีวิตเป็นของตนเอง แต่โดยรวมแล้ว ส่วนมากพวกเราก็เป็นแค่คนธรรมดา ต่อให้เมื่อก่อนมีความอุดมการณ์กว้างไกลเพียงใด หลังจากเข้าไปในสังคมแล้ว ก็มักจะถูกความเป็นจริงโจมตีจนต้องพ่ายแพ้ไป ในชีวิตที่ธรรมดาๆ สุดท้ายแล้วก็กลับมาสู่สามัญ
แต่ละคนก็เปลี่ยนไปมาก มีคนไม่น้อยที่ตอนพูดเรื่องของตนเอง ถึงแม้จะจำแกล้งทำเป็นสบายๆ แต่ทุกคนแค่ฟังก็รู้ว่าเป็นอย่างไร ชีวิตของแต่ละคนก็ไม่ค่อยเป็นดั่งฝันเท่าไรนัก
พวกเขาไม่มีใครคอยหนุนหลัง ไม่มีใครช่วยเหลือ ในสังคมนี้ ได้แต่อาศัยตนเองต่อสู้ไปทีละนิด สามารถเป็นอย่างคนอื่นได้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว อยากจะเป็นคนที่อยู่เหนือคน ก็ไม่ต่างอะไรกับฝันลมๆ แล้งๆ
ในตอนนี้ มีคนถามเจี่ยงหมิงว่า “เจี่ยงหมิง ได้ยินมาว่าคุณทำงานเป็นผู้อำนวยการของบริษัทในจินหลิงที่เข้าตลาดหุ้นงั้นหรือ? ”
เจี่ยงหมิงก็ยิ้มอย่างได้ใจ แล้วพูดว่า “ใช่ ผมทำตำแหน่งผู้อำนวยการมาได้ครึ่งปีแล้วล่ะ!”
พอพูดออกไป คนที่โต๊ะหลายคนก็อึ้ง แล้วพูดว่า “คุณพระ ตำแหน่งผู้อำนวยการบริษัทในตลาดหุ้น เงินเดือนแต่ละปีไม่หลานแสนเลยหรือ? เจี่ยงหมิงก็เก่งไม่เบาเลยนะ ถึงว่าสามารถออกรถเบนซ์ออกมาขับได้!”
เจี่ยงหมิงก็พูดเย่อหยิ่งว่า “ไม่เท่าไรหรอก จะว่าไปแล้ว แต่ละปีผมได้ค่าตอบแทนหลายแสน ก็แค่มีใช้ไปวันๆ เท่านั้น!”
พูดถึงจุดนี้ เขาก็แกล้งถอนหายใจพูดว่า “แต่ว่า เงินเดือนก็ไม่มากอะไร แค่พอกินอิ่ม ที่มีได้ก็เพราะค่าคอมมิสชั่นและเงินโบนัสทั้งนั้นแหละ”
พูดไป เจี่ยงหมิงก็ต่อว่า “ผมบอกตามตรง ตอนนี้ผมกำลังรับผิดชอบโครงการหนึ่งของบริษัท รอโครงการนี้แน่นอนแล้ว อย่างน้อยผมก็จะได้ส่วนแบ่งโบนัสกว่าล้านหยวน!”
พอได้ยินดังนั้น ทุกคนก็อึ้งไปตามกัน แล้วรีบพูดว่า “เจี่ยงหมิง อ่อไม่สิ ผู้อำนวยการเจี่ยง คุณทำงานบริษัทอะไรหรือ ทำไมถึงมีสวัสดิการดีอย่างนี้ แม้แต่เงินโบนัสก็ยังได้เป็นล้านแบบนี้?!”
เจี่ยงหมิงพูดอย่างได้ใจว่า “บอกไปเดี๋ยวพวกคุณจะตกใจเปล่าๆ ก็คือหวังซื่อกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงในจินหลิงนี่แหละ พวกสิ้นเหอกรุ๊ปก็เป็นบริษัทภายใต้การดูแลของตระกูลหวัง กำไรต่อโครงการหนึ่ง จะต้องเอาจำนวนหลักสิบล้านมาคำนวณกัน ที่ผมได้ ถือว่าน้อย!”
เย่เฉินก็ขมวดคิ้ว หวังซื่อกรุ๊ป ก็เป็นกิจการของตระกูลหวังเจิ้งกางน่ะสิ
หรือว่าเจี่ยงหมิงกำลังทำงานให้กับตระกูลหวัง
นี่มันก็น่าตลกสิ้นดี
ในตอนนี้ เจี่ยงหมิงเห็นเย่เฉินเงียบไปไม่พูดจา ก็แกล้งพูดขึ้นมาว่า “เย่เฉิน ตอนนี้นายกำลังทำงานอะไรล่ะ? หลังจากแต่งงานเข้าตระกูลผู้หญิงไป นายคงไม่เกาะเมียกินอยู่อย่างเดียวหรอกนะ? ”
พอพูดคำนี้ออกไป พวกคนที่ชอบประจบเขา ก็หัวเราะกันออกมา
ต่อให้เย่เฉินวางท่าดีแค่ไหน ก็ถูกเจี่ยงหมิงมาท้าทายหลายครั้งหลายครา น่ารำคาญมาก ก็เลยพูดไปนิ่งๆ ว่า “ใช่สิ ทุกๆ วันก็ซักผ้าทำกับข้าว เก็บของในบ้าน ชีวิตสบายมากเลย ไม่มีเวลาออกไปหางานทำเลย”
เย่เฉินก็พูดความจริง แต่พอเข้ามาในหูของเจี่ยงหมิง ราวกับเป็นเรื่องตลกเสียอย่างนั้น
เขาหัวเราะลั่น แล้วประชดว่า “ผมว่านะเย่เฉิน ทุกคนก็รู้ดี นายจะยังคอยรักษาหน้าอยู่ทำไม? ผมไม่เชื่อหรอกว่าแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลผู้หญิงไป จะมีชีวิตที่สบายได้!”
พูดไป เขาก็ตั้งใจพูดว่า “เอ่อนี่ อย่างน้อยพวกเราก็โตมาด้วยกัน บอกตามตรง พอดีว่าผมอยากจะรับสมัครผู้ช่วย นายมาเป็นผู้ช่วยผมพร้อมกับเจิ้งเสียงไหม? ”
——