ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 871
คนชื่อจิ้งเสียงที่เจี่ยงหมิงพูดถึง ก็คือหนึ่งในลูกน้องที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเขา
เย่เฉินก็ถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมล่ะ เจิ้งเสียงอยู่บริษัทเดียวกับนายหรือ? ”
“ใช่” เจี่ยงหมิงก็ยิ้มพูดว่า “เจิ้งเสียงเป็นหนึ่งในผู้ช่วยของผมเอง”
พูดไปดังนั้น เขาก็พูดกับเย่เฉินอีกว่า “นายมาช่วยงานผมเถอะ ไม่ต้องการประสบการณ์ทำงานอะไรหรอก มาช่วยงานทั่วไป ยกน้ำยกท่ามาเสิร์ฟก็พอ เพราะถึงอย่างไร งานที่ต้องไปบริการคนอื่นแบบนี้ นายถนัดนัก เงินนเดือนก็เดือนละ3000หยวน เป็นไง? ”
ยกน้ำยกท่ามาเสิร์ฟงั้นรึ?
เงินเดือนแค่3000หยวน?
เย่เฉินก็ยิ้มพูดว่า “เงินเดือนสูงขนาดนี้ ผมจะเหมาะกับงานนี้หรือ ไม่ไปดีกว่า”
เจี่ยงหมิงพยักหน้า แล้วพูดอย่างได้ใจว่า “ไม่ได้โม้นะ มาอยู่กับผม ต้องมีสักวันที่สามารถทำเงินได้เยอะ อย่างเช่นเจิ้งเสียง ถ้าไม่ได้ผม เขาก็อดตายไปแล้ว”
พูดไป เขาก็พูดอย่างโอ้อวดว่า “เป็นไง สนใจล่ะสิ ถ้านายสนใจล่ะก็ ก็บอกผมได้เลย ผมพูดเพียงคำเดียว วันพรุ่งนี้คุณก็เข้ามาเริ่มงานได้เลย!”
พอเจิ้งเสียงได้ยินดังนั้น ก็ทำหน้าไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านอะไร
พอได้ยิน “คำเชิญ” ของเจี่ยงหมิง เย่เฉินกลับส่ายหัว แล้วพูดว่า “ขอบใจนายมาก แต่ว่าผมชอบเกาะผู้หญิงกินเสียจนชินแล้ว ดังนั้นก็ไม่เอาดีกว่า”
ใบหน้าเจี่ยงหมิงก็ไม่พอใจเล็กน้อย แล้วก็พูดอย่างเก็บอารมณ์โมโหว่า “เย่เฉิน นายนี่มันไม่สนใจความหวังดีของคนอื่นเลยหรือไง ไอ้เราก็อุตส่าห์หวังดีจะหางานให้ แล้วนายมาทำแบบนี้หรือ? ”
ในตอนนี้ ป้าหลี่เห็นดังนั้น ก็รีบพูดว่า “เอาเถอะๆ พวกนายสองคนไม่ต้องต่อปากต่อคำกันแล้ว เป็นงานเลี้ยงนัดพบกันอยู่ดีๆ พวกนายสองคนมาทะเลาะกัน ป้าว่าก็ไม่ต้องกินข้าวกันละ พวกนายสองคนจะได้ไม่ต้องหักหน้าเป็นศัตรูกัน!”
เจี่ยงหมิงก็พูดด้วยสีหน้าน้อยใจ “ป้าหลี่ครับ แต่ผมหวังดีกับเย่เฉินจริงๆ นะครับ ปกติแล้วผมจะไม่พาใครรวยหรอกครับ ถ้าเขายอมลดทิฐิลงหน่อย แล้วมาทำงานกับผม ผมก็จะพาเขาหาเงิน”
พูดไป เจี่ยงหมิงก็มองทุกคน แล้วตั้งใจพูดว่า “ทุกคน ตั้งแต่เด็กจนโต ผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาหลอกลวงทุกคน บอกทุกคนตามตรง ตอนนี้ผมทำงานเป็นผู้อำนวยการด้านเงินลงทุนของบริษัทแห่งหนึ่ง บริษัทกองทุนของพวกเรา ก็เป็นบริษัทในเครือของหวังซื่อกรุ๊ป”
“คำว่า กองทุน ทุกคนคงจะเคยได้ยินนะ หาเงินได้ง่ายสุด บางครั้งลงทุนไปหนึ่งแสน วันที่สองก็เพิ่มขึ้นมาเป็นแสนกว่า หนึ่งเดือนก็กลายเป็น2แสนกว่า พวกข้อมูลเงินลงทุนพวกนี้ ผมมีข้อมูลภายในเยอะมาก แต่ปกติจะไม่เผยแพร่ออกไป และไม่พาใครมาทำด้วย แต่ผมสงสารเย่เฉินจริงๆ ที่ต้องแต่งงานเข้าตระกูลผู้หญิงไปอย่างนั้น ก็เลยชี้ทางสว่างเขา”
ทุกคนได้ยินดังนั้น ก็มีคนถามว่า “พี่หมิง พี่ทำงานด้านเงินลงทุนจริงๆ หรือ? แล้วพี่ก็จะเปิดเผยข้อมูลให้เราใช่ไหม? ”
เจี่ยงหมิงเห็นทุกคนหลงกล ก็รีบพยักหน้า แล้วพูดว่า “บอกตามตรง ว่าในมือผมนั้น มีข้อมูลภายในจำนวนมาก ผมก็ได้เงินมาจากข้อมูลพวกนี้แหละ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมก็คงไม่มีเงินซื้อรถเบนซ์หรอก”
พูดไป เจี่ยงก็พูดอีกว่า “เอ่อแล้วก็ จริงๆ แล้วผมไม่ได้มีรถแค่คันเดียวนะ ผมยังมีอีกคัน คันนั้นค่อนข้างเรียบง่าย ทุกคนคงจะไม่เคยได้ยิน”
ก็มีคนรีบถามขึ้นมาว่า “รถยี่ห้ออะไร? ไหนลองว่ามา”
เจี่ยงหมิงก็ยิ้มพูดว่า “Volkswagen Phaeton”
พูดจบ เขาก็ควักกระเป๋า เอากุญแจรถของหม่าจงเหลียง แล้ววางลงที่โต๊ะ ยิ้มพูดว่า “ดูสิด้านบนมีสัญลักษณ์Volkswagenอยู่ แล้วก็มีคำว่าPhaeton เป็นภาษาอังกฤษ แต่คนที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ พอเห็นสัญลักษณ์นี้แล้ว ก็จะคิดว่ามันเป็นรถราคาถูก หรือไม่ก็มองว่ามันเป็นรถยี่ห้อ Passat ผมก็เลยเลือกซื้อรถยี่ห้อนี้ เพราะมันดูเรียบง่ายดี”
จริงๆ แล้วตอนที่พูดประโยคนี้ ในใจเจี่ยงหมิงก็กำลังเจ็บปวด
——-