ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 880
จ้าวโจ๋วเยว่ก็รีบพูดว่า “พี่หมิง เมื่อครู่ผมได้ดูในแอปพลิเคชันหมดแล้ว มันบอกว่าให้ผมอัปโหลดรูปบัตรประชาชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่บัตรประชาชนผมอยู่ที่หอพัก ไม่ได้พกมาด้วย เดี๋ยวผมกลับไป จะรีบอัปโหลดบัตรประชาชนเป็นอันดับแรกเลย แบบนี้ก็จะกู้เงินออกมาได้แล้ว!”
“ได้” เจี่ยงหมิงพยักหน้า รูดซิปไป แล้วพูดไปว่า “เรื่องนี้นายต้องรีบหน่อยนะ อย่าให้เสียโอกาสไปเด็ดขาด แล้วเดี๋ยวจะช่วยหาช่องทางให้เงินให้นายเพิ่ม”
พอจ้าวโจ๋วเยว่ได้ยินดังนั้น ก็ตื่นเต้น จนฉี่ราดมือตนเอง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็รีบเช็ดกับกางเกงตนเอง จากนั้นก็หันหน้าไปถามเจี่ยงหมิงว่า “พี่หมิงครับ ช่องทางอะไรนะครับ? ชี้แนะน้องคนนี้ด้วยนะพี่!”
เจี่ยงหมิงก็บอกว่า “ง่ายๆ เลย ถ้านายรวบรวมเงิน6แสนมาให้ผม อาทิตย์เดียวผมสามารถหาเงินมาให้นายได้6แสน ถ้านายไปหายืมคนอื่นมาได้1ล้าน ผมก็สามารถหาเงินมาให้นายได้1ล้าน”
“ตอนที่นายยืมมา1ล้านหยวนนั้น ก็สามารถบอกกับเจ้าของเงินได้ ว่าจะให้ดอกเบี้ย2แสน คนอื่นก็น่าจะสนใจ แบบนี้ นายก็จะได้ส่วนต่างของดอกเบี้ย8แสนหยวนแล้ว ไม่ดีใจแย่เลยรึ? ”
พอถึงตอนนั้นไม่ต้องพูดถึงเงินสินสอดแค่3แสนเลย ต่อให้เป็นเถ้าแก่ใหญ่ไปซื้อคอนโด3ห้องนอนก็ยังได้เลย”
พอจ้าวโจ๋วเยว่ได้ยินดังนั้น ก็ตื่นเต้นจนอดใจไม่ได้
แต่ว่า เขาก็ยังไม่รู้ว่า ตนเองจะยืมเงินใครที่ไหน
ตนเองก็เป็นลูกกำพร้า ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แล้วใครจะยอมให้ตนเองยืมเงินมากมายขนาดนี้?
เจี่ยงหมิงเห็นเขากำลังกังวล ก็รู้ว่าเขาคงจะกำลังคิดปัญหานี้อยู่แน่ๆ ก็เลยแกล้งออกความเห็นให้เขาว่า “จริงๆ แล้วนายสามารถไปหาแฟนสาวของนายนะ แล้วบอกเธอว่า นายสามารถไปหาเงินมาได้ ขอเพียงไปลงทุน1ล้าน หนึ่งสัปดาห์ก็ได้ดอกเบี้ยเป็นเงิน2แสน!”
“ให้เธอไปถามแม่ของเธอ ก็คือว่าที่แม่ยายของนายนั่นแหละ ว่าสนใจไหม ถ้าว่าที่แม่ยายของนายสนใจล่ะก็ เธอไม่เพียงจะให้เงินนายมา1ล้าน แถมตอนที่นายได้ดอกเบี้ยมา2แสนนั้น ยังก็ยังคิดว่าลูกเขยแบบนายที่เก่งมาก มีความสามารถดี”
“แบบนี้ นายไม่เพียงจะได้ส่วนต่างของดอกเบี้ยมา8แสน แถมยังได้ใจของว่าที่แม่ยายของนายด้วย ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัวเลย!”
พอจ้าวโจ๋วเยว่ได้ยินดังนั้น ก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีก
เขามักจะถูกว่าที่แม่ยายดูถูกบ่อยๆ แต่ตอนนี้มีโอกาสยืดอกอย่างมั่นใจเสียที!
จากนั้นเขาก็รีบพูดว่า “พี่หมิงวางใจได้เลย คืนนี้พอผมกลับไป ก็จะโทรไปหาแฟนผมแล้วบอกเรื่องทั้งหมด”
เจี่ยงหมิงพยักหน้า ก็รูดซิปกางเกง มื้อก็ไม่ล้าง แล้วพูดกับจ้าวโจ๋วเยว่ว่า “เดี๋ยวผมจะไปที่เคาน์เตอร์หน่อย นายกลับไปก่อนเลย”
จ้าวโจ๋วเยว่ก็ไม่ได้ล้างมือ แล้วก็รีบตามเข้ามา พร้อมถามอย่างเป็นห่วง “พี่หมิงจะไปที่เคาน์เตอร์ทำไมครับ? เงินค่าอาหารก็จ่ายไปแล้วไม่ใช่หรือครับ? ”
เจี่ยงหมิงก็พูดดอย่างหัวเสียหน่อยๆ ว่า “ผมมีธุระนิดหน่อย นายกลับไปเถอะ ไม่ต้องตามผมแล้ว”
จ้าวโจ๋วเยว่ก็รีบหยักหน้า แล้วพูดอย่างเคารพว่า “ได้ครับ พี่หมิง งั้นเดี๋ยวผมกลับไปก่อน บอกตามตรง แชมเปญมันอร่อยมาก ผมยังดื่มไม่สะใจเลย ฮ่าๆ ”
เจี่ยงหมิงก็หัวเราะสั้นๆ ในใจก็คิดว่า ไอ้กระจอกนี่มันกระจอกจริงๆ แถมยังเป็นไอ้กระจอกที่ไม่รู้จักพอเสียด้วยนะ
แต่ว่าตนเองชอบไอ้กระจอกที่ไม่มีสมองแบบนี้ พอไปหลอกมัน ก็หลอกง่ายดี
จากนั้น เขาก็ออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็เดินร้องเพลงมาที่เคาน์เตอร์
พอมาถึงเคาน์เตอร์ ก็ควักเอานามบัตรตนเองออกมา แล้วยื่นให้พนักงาน จากนั้นก็แกล้งพูดว่า “โต๊ะหมายเลข03 โต๊ะที่จ่าย2แสนนั่นน่ะ ออกบิลมาให้ผมด้วย บนหัวกระดาษ ก็ออกบิลเป็นชื่อบริษัทตามนามบัตรนี้เลย”
พนักงานก็รีบพูดว่า “ขอโทษด้วยนะครับคุณผู้ชาย บิลของโต๊ะคุณนั้น เมื่อครู่มีคุณผู้ชายท่านหนึ่งมาออกบิลไปแล้วครับ”
“อะไรนะ?!” เจี่ยงหมิงก็รู้สึกจะเป็นลม แล้วพูดว่า “ใครมาออกบิลไป? ”
พนักงานก็ตอบว่า “คุณผู้ชายแซ่ เย่ มาออกบิลไปครับ ชื่อว่า เย่เฉิน น่าจะมากับคุณผู้ชายนะครับ? ”
“เวรแล้ว!”
เจี่ยงหมิงได้ยินดังนั้น ก็แทบจะกระอักเลือด!
บิลถูกเย่เฉินแย่งไปแล้ว งั้นตนเองก็ไม่มีวิธีไปเบิกเงินแล้วน่ะสิ!
งั้นก็แสดงว่า อาหารมื้อนี้ ตนเองไม่เพียงจะไม่ได้เงิน แถมยังต้องเสียเงินไปแสนหนึ่งงั้นหรือนี่?!
พอคิดถึงจุดนี้ เขาก็กัดฟันพูดในลำคอว่า “ไอ้สารเลวเย่เฉินนี่อีกแล้ว!”
————