ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 914
ผู้ขับขี่ที่อยู่ด้านหลังหงุดหงิดกับเรื่องนี้ ลงจากรถมาตรวจสอบดูทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รู้สึกโมโหอยู่บ้าง
ในเวลานี้ มีคนผู้หนึ่งลงมาจากขบวนรถบรรทุก แล้วใช้โทรโข่งอันใหญ่ตะโกนบอกด้านหลัง “ทางเราเพิ่งได้รับแจ้งจากเบื้องบนมา สะพานนี้กลายเป็นสะพานที่อันตรายไปแล้ว เสี่ยงจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ ตอนนี้จำเป็นต้องรีบซ่อมแซมเป็นการด่วน เพื่อชีวิตอันปลอดภัยของทุกท่าน ขอให้ทุกคนใช้ทางอ้อม ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ”
เดิมทีผู้ขับขี่เหล่านี้ยังคิดจะร้องด่าไปถึงแม่อยู่ แต่พอได้ยินประกาศนี้ ก็ระงับความคิดด่าทอลงทันที ความหงุดหงิดในใจก็สลายหายไปดั่งหมอกควัน
รถบรรทุกสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างอยู่ที่นี่มากมายขนาดนี้ พวกเขาจึงไม่นึกสงสัยในคำพูดของอีกฝ่ายเลย
ดังนั้น พวกเขาในตอนนี้ต่างมีโชคนัก โชคดีที่ตนขับตามหลังขบวนรถบรรทุกมาตลอด หากว่าอยู่ด้านหน้าขบวนรถ มิใช่ว่าจะขึ้นไปบนสะพานอันตรายสายนี้แล้วหรอกหรือ?
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงพากันย้อนกลับไปตามทาง อ้อมไปใช้เส้นทางอื่น
พี่ชายของหลิ่วจ้าวเฉินขับรถไปถึงกลางสะพานแล้ว เหลือบด้านหลังผ่านกระจกมองหลังแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยความสงสัย “ทำไมข้างหลังไม่มีรถสักคันเลยล่ะ?”
หลิ่วจ้าวเฉินหันกลับไปมองแวบหนึ่ง “น่าจะถูกรถบรรทุกพวกนั้นขวางละมั้ง รถคันใหญ่วิ่งช้า”
“ก็เป็นไปได้” พี่ชายของหลิ่วจ้าวเฉินกล่าวประโยคหนึ่ง ไม่เก็บมาคิดอีก ขับรถต่อไป
ในตอนที่ใกล้จะมองเห็นปลายสะพานแล้ว จู่ๆ ด้านหน้าก็มีรถบรรทุกหลายคันเคลื่อนเข้ามาจากสองฟาก ปิดตายเส้นทางด้านหน้าไว้ทันที!
พี่ชายของหลิ่วจ้าวเฉินสะดุ้งโหยง รีบเหยียบเบรกทันที โพล่งออกมา “แม่งเอ้ย ไอ้บรรทุกพวกนี้มันบ้าไปแล้วเหรอ?”
ส่วนคือที่เหลือในรถ เนื่องจากไม่ทันได้ตั้งตัว จึงกระเด้งกระดอนไปกันคนละทิศละทาง
หลังจากรถหยุดนิ่งแล้ว หลิ่วจ้าวเฉินก็พบความผิดปกติแล้ว เส้นทางด้านหน้าถูกรถบรรทุกหลายคันปิดตายไว้อย่างสมบูรณ์ ส่วนด้านหลังก็ไม่มีรถเลยสักคัน
กล่าวก็คือ รถไอวีโก้คันนี้ที่ตนนั่งอยู่ ถูกปิดกั้นไว้บนสะพานเส้นนี้อย่างสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกตัวเลยว่าความเดือดร้อนกำลังจะมาถึงตัวเองแล้ว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเปิดประตูลงจากรถไป พุ่งเข้าไปตะโกนใส่รถบรรทุกที่จอดนิ่งอยู่ด้านหน้า “เฮ้ย! นี่พวกเอ็งเล่นบ้าอะไรกัน? รีบหลีกทางไปซะ!”
ชายร่างกำยำคนหนึ่งกระโดดลงมาจากรถบรรทุกคันหนึ่งที่อยู่ในขบวน เอ่ยเสียงเย็น “สะพานนี้ถูกปิดกั้นแล้ว นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป รถและคนหน้าไหนก็ผ่านไปไม่ได้ทั้งนั้น!”
หลิ่วจ้าวเฉินเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “รถคันก่อนหน้านี้ก็ผ่านไปได้หมด มีแค่พวกฉันที่ยังไม่ได้ไป ถ้าแกจะปิดทาง ก็รอให้พวกฉันผ่านไปก่อนแล้วค่อยปิดก็ได้นี่”
เขาไม่รู้เลยว่า เหตุผลที่ต้องปิดกั้นสะพานสายนี้ ก็เพราะจะสกัดพวกเขาไว้บนสะพาน!
ชายร่างกำยำตะคอกเสียงดัง “อย่ามาพล่ามไร้สาระกับฉัน ฉันบอกแล้วไง รถหรือใครหน้าไหนก็ผ่านไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าแกไม่กลัวตาย ก็ลองดูได้!”
พอเอ่ยจบ พลันมีคนสวมหมวกกันน็อคกว่าสามสิบคนลงมาจากด้านหลัง แต่ละคนต่างแข็งแรงนัก ดูโหดเหี้ยมดุดัน
ในกลุ่มของหลิ่วจ้าวเฉิน มีกันทั้งหมดแค่เจ็ดคนเท่านั้น แม่กับพี่สาวของเขาล้วนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีแม้แต่แรงจะเชือดไก่ พ่อเขาเป็นคนแก่คนหนึ่ง ส่วนตัวเขาก็เป็นคนพิการ ในสถานการณ์แบบนี้จะรับมือกับคนกว่าสามสิบคนนี้ไหวได้ยังไง?
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกัดฟัน เอ่ยไปว่า “ได้ ถ้างั้นพวกเราจะย้อนกลับไปทางเดิมแล้วอ้อมไปทางอื่นแทนโอเคไหม?”
พอกล่าวจบ เขาก็ขึ้นไปบนรถอีกครั้ง บอกพี่ชายที่อยู่ข้างๆ “พวกเราหันกลับเถอะ!”
“ได้!” พี่ชายของหลิ่วจ้าวเฉินกลับรถทันที ขับย้อนกลับไป
แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงคือ หลังจากขับย้อนกลับมาทางเดิม ยังขับไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็มองเห็นรถบรรทุกขบวนใหญ่ขับดาหน้าเข้ามาหาแล้ว
รถบรรทุกพวกนี้อยู่ชิดติดกันเนืองแน่น ไม่มีแม้แต่ช่องผ่านจะให้จักรยานสักคันผ่านไป ดาหน้าเข้ามาอย่างดุดัน
พี่ชายของหลิ่วจ้าวเฉินรีบจอดรถทันที ถามอย่างตกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงรู้สึกเหมือนรถบรรทุกพวกนี้จงใจจงหนีบพวกเราไว้ตรงกลางล่ะ? หรือว่าพวกเราถูกจับได้แล้ว?”
“เป็นไปไม่ได้!” หลิ่วจ้าวเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ต่อให้พวกเราโดนจับได้ ที่มาสกัดขวางพวกเราก็น่าจะเป็นพวกตำรวจสิ ไม่ใช่รถบรรทุกที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง!”
พี่ชายของเขาพูดอย่างเป็นกังวลยิ่ง “จ้าวเฉิน ฉันรู้สึกว่าเห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล!”
______