ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 92 อยากตาย
บทที่92 อยากตาย
“ประธานหลี่ ผมจัดการเขาเอง!”
หลี่ไท่กลายเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา ถูกคำพูดของไว่จิ้งไห่ ทำให้โมโห พูดจบ “แกหมายความว่าไง?”
กัวหมิงที่อยู่ข้างๆ เดินมาด้านหน้า “ถ้ายังกล้าขวางทาง อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
เห็นกัวหมิงลงมือ ทุกคนเริ่มส่งเสียงดัง
“อาจารย์กัว ให้นักพรตเต๋าเมืองกางนี้ ลิ้มลองความเก่งกาจอาจารย์ภาคใต้ของเรา”
“คนนอกพื้นที่ อยากจะรวบรวมซวนซวนเข้าด้วยกัน ฝันไปเถอะ
“จัดการมัน ภาคใต้ไม่ใช่ใครคิดจะทำอะไรก็ได้”
วีจิ้งไห่ยิ้ม แล้วกล่าว “ถ้าคุณไม่พอใจ ลองดูได้นะ!”
กัวหมิงโมโหจนควบคุมไม่อยู่ ต่อยไปที่วีจิ้งไห่ หมัดนี้ใช้พลังมหาศาล ให้ได้ชัดว่ากัวหมิงก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน
“อย่างแก?” ทุกคนรู้สึกตาลาย วีจิ้งไห่ได้ไปอยู่ตรงหน้าของกัวหมิง ยื่นมือตบไป “เพี่ยะ” แล้วติดยันต์ไว้บนหัวของเขา
“ปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างรวดเร็ว” ซ่งหวั่นถิงกล่าวอย่างตกใจ
ราวกับกัวหมิงถูกสตาฟไว้อย่างนั้น ร่างกายแข็งทื่อ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ขยับไปมา แสดงออกถึงความหวาดผวา
วีจิ้งไห่สงบนิ่ง ยิ้มเบาๆ
“หมอบ!”
“ตูม!”
กัวหมิงเหมือนได้ยินคำสั่ง แล้วตัวก็หมอบลงทันใด
“อาจารย์กัว!”หลี่ไท่หลายสูดหายใจลึกๆ ร้อนรน
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ล้วนรู้สึกตะลึง
เมื่อเป็นแบบนี้ กัวหมิงไม่มีแม้แต่ทางที่จะต่อต้านได้เลย ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
กัวหมิงหมอบลงกับพื้น โมโหสุดขีด แต่ร่างกายก็ไม่ทำตาม และด่าในใจว่า “ไอ้ไม้แก่! นี่มันวิชาอะไรกัน”
“คนไร้ความสามารถอย่างแก ยังมีหน้ามาท้าทายฉันอีก?” อาจารย์วีดูแคลนอย่างประชดประชัน จากนั้นก็กล่าวทันใดว่า “เห่าให้ฉันฟัง!”
กัวหมิงตกใจ อยากหลับตาทันใด
แต่ปากของเขาไม่ทำตาม แม้แต่เสียงก็ควบคุมไม่ได้ ออกจากปากดัง “ฮ่อง ฮ่อง” หลี่ไท่หลายหน้าถอดสี ร่างเกือบจะล้ม
กัวหมิงอายุมากกว่าหกสิบปี แต่ตอนนี้หมอบลงกับพื้นเหมือนหมาต่อหน้าอาจารย์วี ในปากก็ร้องเสียงเหมือนหมา
ความจริงมันน่าตลก แต่ในใจกัลบเงียบงัน
ทุกคนมองอย่างตะลึง และผวาในเวลาเดียวกัน
วีจิ้งไห่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ก็ชนะอาจารย์ได้ถึงสองคน นี่ยอดเยี่ยม?
“วิชาหุ่นเชิด นี่คือเซียงซีวิชาหุ่นเชิดที่หายไปนานแล้ว!” เป่าฟู่กุ้ยพึมพำ สีหน้าตะลึง
เมื่อเขาพูดจบ ในงานก็มีเสียงดังขึ้น
วิชาหุ่นเชิดแยกมาจากเซียงซี ความจริงเอาไว้เชิดศพ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
ไม่คาดคิดว่าตอนนี้พวกเขาจะเห็นกับตา นี่พิสูจน์ได้ว่าวิชาของวีจิ้งไห่ เก่งเกินกว่าจะคาดเดาได้ เป็นคนที่เทียบไม่ได้เลยจริงๆ!
กัวหมิงยังคงหมอบอยู่กับพื้น ด้วยสีหน้าแดงก่ำ แต่เขาควบคุมอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ถึงขั้นอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด
วีจิ้งไห่โบกมือ ร่างของกัวหมิงอ่อนลง เป็นอัมพาตอยู่กับพื้น อับอายอย่างที่สุด
“ไง อาจารย์กัว นับถือไหม?” หวังเจิ่งกางหัวเราะเสียงดัง
กัวหมิงกัดฟัน บนเหงือกเต็มไปด้วยไรเลือด กล่าวอย่างขมขื่นว่า “นับ……นับถือ……”
เห็นกัวหมิงก้มหัวยอมแพ้ คนในงานก็เงียบลง ไม่มีใครกล้าพูด
และต่ามา วีจิ้งไห่ได้หันไปมองเย่เฉิน แล้วกล่าว “วันนั้นที่เย่งวงศ์ย่อยหอยมือเสือของฉัน วันนี้เห็นวิชาของฉันแล้ว ยังกล้ายโสโอหังอีกไหม?”
เย่เฉินยักไหล่ แล้วกล่าว “แค่สองอย่างนี้ ถือเป็นวิชาหรอ?”
ซ่งหวั่นถิงร้อนรนช่วยเย่เฉิน แล้วกล่าวเบาๆว่า “ตอนนี้รีบอ่อนน้อมไว้เถอะ วีจิ้งไห่นี่มีความสามารถอยู่นะ อย่าทำเพื่อศักดิ์ศรี แล้วต้องแลกกับชีวิต”
วีจิ้งไห่ดูแคลน แล้วกล่าว “เด็กน้อยไร้เดียงสา ฉันถามแกนะ แกกล้าประลองกับฉันไหม! ถ้าแกแพ้ เอาวงศ์ย่อยหอยมือเสือคืนให้ฉัน แล้วคุกเข่าขอโทษ!”
เย่เฉินยิ้ม แล้วกล่าว “ประลอง? แกเป็นใคร ที่จะมาประลองกับผม?”
สีหน้าทุกคนเปลี่ยน เด็กนี่กล้าพูดท้าทายขนาดนี้! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรอ?
งานเลี้ยงที่เงียบงัน เงียบสงบ
ซ่งหวั่นถิงก็ตะลึงจนต้องยืนขึ้น เมื่อพูดออกมา เรื่องนี้ก็ออกมาไม่ดีแล้ว……
วีจิ้งไห่โมโหอย่างมากแต่ก็ยังยิ้มออกมา แล้วเดินไปที่เย่เฉิน กล่าว “ฉันเจอคนมาเยอะ แต่ไม่เคยเจอแบบแก รนหาที่ตาย”
เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าว “ใครอยู่ใครตาย ยังไม่แน่เลยนะ”
วีจิ้งไห่แสดงความอาฆาตออกมา ด้วยสายตาเยือกเย็น พร้อมจะลงมือ
แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง นอกประตูมีคนกลุ่มหนึ่งบุกรุกเข้ามา อย่างเกรี้ยวกราด
คือฉินเอ้าตง เขาเห็นเย่เฉิน ส่งเสียงมาว่า “เย่เฉิน แกไอ้หลอกลวง แสดงละครตบตาหลอกลุงรองของฉัน! หลอกเอาเงินของตระกูลฉัน ไปประมูลของ โชคดีที่อาจารย์วีเปิดโปงแก! แกรีบเอาทรัพย์สินออกมา มิเช่นนั้นตระกูลฉินของฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่”
เพิ่งจะพูดจบ ฉินกางและฉินเอ้าเสวี่ยนได้เดินเข้ามาด้านใน หลังจากที่ได้ยินเสียงของฉินเอ้าตง อยากจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว เกิดความอึดอัดขึ้น
เย่เฉินดูไปที่เขา ไม่พูดอะไร
เมื่อเขามอง กลับทำให้ฉินกางรู้สึกเยือกเย็น เกิดความหวาดกลัวขึ้นทันใด ยิ้มไปที่เย่เฉินแล้วอธิบาย “อาจารย์เย่ เรื่องมีอยู่ว่า…….”
ฉินกางไม่กล้าปิดบัง เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
เย่เฉินฟังจบ ก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ก็แค่ร้อยกว่าล้านเท่านั้น ถ้าคุณเปลี่ยนใจ สามารถคืนเงินคุณได้ทุกเมื่อ”
“ไอ้หยาอาจารย์เย่ท่านอย่าพูดแบบนี้สิ ผมจะกล้าเอาเงินคืนจากอาจารย์เย่ได้ไงกัน! วันนี้ที่ผมมา คนตระกูลฉินอยากเจอ อาจารย์ทุกท่าน”
ตอนนี้ฉินกางก็เดาไม่ถูก ว่าเย่เฉินจะแน่หรือจะถอย แต่ เขาก็ถือเป็นคนฉลาด ดังนั้นจึงไม่หาเรื่องเย่เฉินในทันที
แม้ปากเขาจะพูดนอบน้อม แต่ในใจกลับลังเล รู้สึกว่า เย่เฉินคนนี้เขาเดาทางไม่ออก ไม่งั้นก็ให้วีจิ้งไห่เป็นหนูทดลองก่อนแล้วกัน
หากเย่เฉินมีพิรุธต่อหน้าวีจิ้งไห่ ตนก็จะไม่เกรงใจเขา ใช้เงินตนไปเท่าไหร่ ต้องจ่ายทั้งต้นและดอกทั้งหมด
เขายิ้มให้กับเย่เฉินแล้วกล่าว “งั้นผมไม่รบกวนการประลองของอาจารย์ทุกท่านแล้ว เรื่องนี้ค่อยว่ากัน ทุกท่านทำเรื่องที่สำคัญไปก่อนแล้วกัน ไม่ต้องสนใจผม”
ฉินเอ้าตงอยากพูด แต่ถูกฉินกางชักตาใส่ จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
วีจิ้งไห่เห็นเหตุการณ์ ก็หัวเราะกับฉินกาง แล้วกล่าว “คุณมาได้เวลาพอดี ฉันรู้ว่าตอนนี้ตระกูลฉินไม่ค่อยสงบ เย่เฉินก็ได้ใช้วิชาที่ตระกูลฉินแล้ว วันนี้ผมจะประลองกับเขา และก็จัดการเรื่องในภายหลังให้กับตระกูลฉินด้วยเลย! เย่เฉิน ถ้าแกไม่กล้าประลองกับฉัน วันนี้แกไม่เพียงต้องตาย จากนั้น ฉันยังต้องล้างบางแกทั้งตระกูลอีกด้วย!”
เย่เฉินขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างดูแคลนว่า “ในเมื่อแกอยากตาย ฉันก็จะจัดให้”