ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 922
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่ารถของเขาเสีย ก็บ่นพึมพำว่าเขาทำเรื่องได้ไม่น่าเชื่อถือ
หลิ่วจ้าวเฉินทำได้เพียงพูดด้วยน้ำเสียงต่ำต้อยว่า “ผู้อาวุโสหลิว รถที่ผมทำนี่ตัวรถมันก็เก่ามากแล้วครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ผมอยู่ห่างจากเมืองซูหางแค่ไม่กี่สิบกิโลเมตร ไม่ไกลเท่าไรครับ รบกวนคุณมารับหน่อยเถอะครับ”
อีกฝ่ายถึงบ่นพึมพำขึ้นว่า “ถ้าไม่เห็นว่าครั้งนี้สินค้ามีมากล่ะก็ ผมจะช่างแม่งให้หมดทั้งกลุ่มเลย”
พูดจบ อีกฝ่ายก็พูดอีกว่า “เอาโลเคชั่นของนายส่งมาในวีแชท ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
……
ในเวลานี้เอง เจ้าสำนักของสำนักขอทานอย่างเซวหนานซานและหลี่ข่ายลี่ภรรยาของเขา เพิ่งจะพาลูกสาวออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลอู๋
ช่วงกลางวันนี้ เป็นวันเกิดพี่สาวของเซวหนานซาน หรือก็คือเซวหย่าฉินภรรยาของอู๋ตงไห่
เมื่อก่อนเซวหย่าฉินต้องจัดงานวันเกิดให้สำหรับเซวหนานซานเป็นพิเศษ แต่ในปีนี้เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์พิเศษของอู๋ฉีลูกชายของเธอ เธอเลือกที่จะอยู่บ้านและเตรียมอาหารกลางวันสุดแสนธรรมดาสักมื้อ
งานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ได้เชิญแขกมาเลย นอกจากคนในครอบครัวแล้ว ก็มีแค่น้องชายกับภรรยาของน้องชาย แล้วก็หลานสาวของบ้านน้องชาย
เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว อู๋ฉียังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ที่จะต้องเติมอาหารเพิ่มทุกหนึ่งชั่วโมง
ดังนั้นในระหว่างงานเลี้ยงนี้ อู๋ฉีหายตัวไปประมาณ20 นาที ทุกคนต่างก็รู้ว่าเขากำลังไปเพิ่มอาหาร แต่ทุกคนบนโต๊ะอาหารค่ำก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป
หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดจบลง ครอบครัวเซวหนานซานทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน
เซวหย่าฉินพี่สาวของเขาพาเขามาถึงที่จอดรถของคฤหาสน์
เมื่อเห็นว่ารอบข้างไม่มีคนอื่นอยู่เซวหนานซานก็ถามพี่สาวขึ้นว่า “พี่ครับ สถานการณ์ของเสี่ยวฉีตอนนี้ยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอครับ?”
“ไม่เลย” เซวหย่าฉินกล่าวด้วยใบหน้าเศร้า “ในช่วงนี้ก็หาผู้เชี่ยวชาญมาดูอีกหลายคนเลยนะ แต่ว่าไม่มีผลอะไรเลย พวกเขาไม่มีวิธีการดีๆเลย”
เซวหนานซานถอนหายใจโดยไม่ตั้งใจ แล้วพูดว่า “พี่ครับ ผมเห็นพี่เขยของผมช่วงนี้เองก็อารมณ์กับความรู้สึกมีปัญหานี่ครับ”
เซวหย่าฉินกล่าวอย่างหดหู่ว่า “ครั้งก่อนที่พี่เขยของนายพาเสี่ยวซินไปยังเมืองจินหลิง ก็มีการขาดทุนครั้งใหญ่ในกำมือของตระกูลเย่ แล้วยังถูกคนนิรนามคนหนึ่งในเมืองจินหลิงทำให้อับอายอีก นายไม่เห็นแขนของเสี่ยวซินที่ยังอยู่ในปูนปลาสเตอร์เหรอ นั่นน่ะก็ได้รับบาดเจ็บมาจากเมืองจินหลิงครั้งนั้น”
เซวหนานซานพูดอย่างโมโหว่า “ไอ้เจ้าเด็กอะไรกันรนหาที่ตายแบบนี้? พี่จะให้ผมพาพี่น้องของสำนักขอทานไปจัดการมันไหมครับ? ตอนนี้อำนาจของสำนักขอทานแข็งแกร่งขึ้นอีก แค่สมาชิกที่สมัครอยู่กับสำนักก็มีมากกว่าหมื่นคนแล้ว ช่วงนี้ผมเตรียมที่จะค่อยๆผนวกขอทานจากบางเมืองรอบข้างทีละคน เมื่อถึงตอนนั้นขอทานของผมอาจจะมีคนมากกว่า50,000 คน!”
เซวหย่าฉินเอ่ยว่า “เรื่องของทางจินหลิงน่ะ พี่เขยของคุณกำลังวางแผนอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก”
พูดอยู่ เธอก็มองไปยังหลี่ข่ายลี่ภรรยาของน้องชาย แล้วพูดกับน้องชายว่า “ช่วงนี้นายต้องดูแลข่ายลี่ดีหน่อยนะ ตั้งครรภ์สองเดือนเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ห้ามให้ครรภ์เป็นอะไรโดยเด็ดขาดเลย”
เซวหนานซานรีบพูดว่า “พี่วางใจเถอะ ผมจะดูแลเธอให้ดีครับ”
เซวหย่าฉินพูดกับหลี่ข่ายลี่ภรรยาของน้องชายขึ้นอีกว่า “ข่ายลี่ เธอเพิ่งจะตั้งครรภ์ เรื่องของสำนักขอทานเธอก็อย่าเพิ่งยื่นมือเข้าไปยุ่งล่ะ อยู่บ้านบำรุงครรภ์ดีๆไปเถอะ อีกสองเดือนไปตรวจบีอัลตราซาวด์ เพื่อดูว่าเป็นชายหรือหญิงซะ”
หลี่ข่ายลี่รีบพยักหน้า แล้วพูดอย่างเคารพว่า “ได้ค่ะพี่ ฉันทราบแล้ว พี่วางใจเถอะ”
เซวหย่าฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และพูดด้วยอารมณ์ว่า “ตระกูลเซวของเรา ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือสมาชิกเจริญรุ่งเรืองไม่มากพอ ให้กำเนิดเด็กแค่สองคนคือฉันกับเซวหนานซาน มีแค่หนานซานเป็นลูกชายแค่คนเดียว เธอกับหนานซานก็มีลูกสาวแค่คนเดียว ต้องรีบกำเนิดลูกชาย แล้วก็จะให้กำเนิดแค่คนเดียวไม่ได้ ทะนุถนอมช่วงวัยรุ่นนี้ไว้ อย่างน้อยก็ต้องมีบุตรสองคนเพื่อสือบทอดตระกูลเซว”
หลี่ข่ายลี่รีบพูดว่า “พี่วางใจเถอะค่ะ ฉันจะต้องมีลูกชายเพื่อสืบทอดตระกูลเซวแน่นอนค่ะ!”
———