ผมไม่อยากทำงานตลอดชีวิตเลยอุทิศเป็นพ่อบ้าน - ตอนที่ 1.1 ไอดอลหิวข้าววว
ผู้ชายหรือผู้หญิงทำงานอยุ่บ้าน – คุณคิดว่าเป็นความคิดที่ล้าหลังไหม
ผมคิดอย่างนั้น เพราะผมรู้จักครอบครัวที่ “แตกหัก” เพราะเรื่องแบบนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีคนไม่เหมาะกับการทำงานในโลกใบนี้
ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็ทำงานได้
ไม่สำคัญว่าชายหรือหญิงที่มีหน้าที่ทำงานบ้าน
ดังนั้นถึงไม่มีใครบ่นถึงความฝันของผมที่อยากเป็นสามีที่ทำงานบ้านเต็มเวลา
◇ ◆ ◇
มีไอดอลดังบางคนในชั้นเรียนของผม
เธอชื่อเรย์ โอโตซากิ ผมบลอนด์แสนสวยลูกครึ่งฝรั่ง และสไตล์ที่เฉียบขาดจากนักเรียนมัธยมปลาย โดยปกติแล้วการแสดงออกทางสีหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปมากจนยากที่จะเข้าใจสิ่งที่เธอคิด แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเธอบนเวทีนั้นน่าดึงดูดใจมากพอที่จะดึงดูดทุกคน
“โอโตซากิซัง! ผมได้ดูรายการเพลงเมื่อวานแล้ว เพลงใหม่สุดยอดมากเลย!”
“ขอบคุณนะ”
“โอโตซากิซัง! ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิค่ะ”
โอโตซากิรายล้อมไปด้วยทุกคนในชั้นเรียนในวันที่
กลุ่มไอดอล “มิลเฟย์สตาร์” เดบิวต์เมื่อสองปีที่แล้ว
พวกเธอเป็นที่รู้จักในนาม มิลสตาร์ และประกอบด้วย คาน่อน มีอา และ โอตาซากิ
แน่นอนว่าไม่มีใครในโรงเรียนนี้ไม่รู้จักเธอ แทนที่จะเป็นการพูดเกินจริงที่จะบอกว่าทุกคนเป็นแฟนคลับ และผม ชิโดะ รินทาโร่ ไม่ใช่แฟนคลับของ มิลสตาร์
ใม่ใช่ว่าผมไม่ได้ชอบพวกเธอ แต่ผมก็ชอบนิดหน่อย แต่ผมไม่คิดว่าจะเรียกตัวเองว่าแฟนคลับได้
เพราะผมไม่ค่อยสนใจไอดอลตั้งแต่แรก
ผมแค่สนใจนิดหน่อยเพราะผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอ
“โอโตซากิซัง ยังคงดังเหมือนเดิมเลย”
ยูกิโอะ อินาบะ เพื่อนสนิทที่นั่งด้านหน้าที่พูดกับผม
สำหรับผู้ชาย เขามีร่างกายที่ผอมบาง และถึงแม้จะเป็นการหยาบคายที่ได้พบเขาครั้งแรก แต่บางครั้งหลายๆคนก็นึกว่าเขาเป็นผู้หญิง
ผมไม่ค่อยสนใจโอโตซากิเท่าไหร่ และรู้สึกเห็นใจที่เธอต้องอยู่ท่ามกลางวงล้อมเพื่อนร่วมชั้นตลอดเวลา
“เพลงใหม่ที่ร้องในรายการเพลงเมื่อวานมีเนื้อหาค่อนดุดัน นายไม่สามารถตำหนิเหล่าแฟนคลับของเธอที่ตื่นเต้นกับเพลงได้หรอกนะ”
“รินทาโร่ นายมักจะพูดว่านายไม่ใช่แฟนคลับ แต่นายฟังเพลงใหม่ของพวกเธอแล้วใช่ไหมละ”
“ผมแค่อยากจะฟังเพลงที่ได้รับความนิยม แต่จะฟังแค่งานนอกเวลางานเท่านั้น”
“อืม … แต่รินทาโร่ที่บอกว่าไม่อยากทำงานก็ยังจะทำงานพาร์ทไทม์ได้ ผมแปลกใจนิดหน่อยนะ”
“ตอนนี้ผมต้องหาเลี้ยงชีพตัวเอง แต่สุดท้ายผมจะหาใครสักคนที่จะเลี้ยงผมได้และผมจะเป็นสามีที่ทำงานบ้านเต็มเวลา”
“มันเป็นเป้าหมายที่สูงสุดของนายเสมอเลยใช่ไหมละ”
ทุกครั้งที่ผมเล่าเรื่องนี้ ยูกิโอะรู้สึกทึ่งทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม “การไม่ทำงาน” เป็นเป้าหมายในชีวิตของผมที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ผมจะไม่เปลี่ยนเป้าหมายนี้
“ว่าแต่ วันนี้นายทำงาน พาร์ทไทม์ หรือเปล่า”
“วันนี้ผมต้องทำหนะ มีเรื่องเร่งด่วนเข้ามา ผมดีใจนะเพราะจะได้ค่าแรงต่อรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นด้วย”
ขณะพูดเช่นแบบนั้น ประตูห้องเรียนก็เปิดออก และอาจารย์ก็เข้ามา
การสนทนาของผมกับยูกิโอะก็ถูกขัดจังหวะ และเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังล้อมโอโตซากิก็กลับไปนั่งที่
ทันทีที่เริ่มเรียน ผมมองไปทางด้านข้างของโอโตซากิ
(ไม่ว่าจะมองมุมไหนเธอก็สวยงามจริงๆนั้นแหละ)
เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้จากการแสดงออกทางสีหน้า แต่ตราบใดที่เธอเป็นไอดอล เธอก็จะต้องผ่านความยากลำบากและปัญหามามากมาย
เธอคงจะมีปัญหามากแน่ๆ — พอคิดอย่างนั้นผมก็หันหน้าไปหากระดานเพื่อเรียน
หลังเลิกเรียนผมก็เดินทางไปที่ทำงานพาร์ทไทม์
ที่ทำงานเป็นห้องในอพาร์ตเมนต์ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีใช้เวลาเดินเพียง 15 นาที
เมื่อผมเปิดประตูหน้า ก็จะเห็นรองเท้าหลายคู่วางอยู่และมีคนอีกหลายคนอยู่ด้วย
เมื่อเดินไปสุดทางเดิน ก็จะมีคนที่ทำงานเป็นผู้ช่วยวาดมังงะ
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ท้ายสุดคือเจ้านายของผม
“ขอบคุณสําหรับการทํางานหนักนะครับ ผมซื้อเครื่องดื่มชูกำลังมาให้” (รินทาโร่)
ขณะที่ผมถือถุงจากร้านสะดวกซื้อไว้ในมือ ทุกคนก็หันมามองทันที บางทีพวกเขาอาจไม่ได้นอนเลย ดวงตาที่แดงก่ำของพวกเขาดูน่ากลัวเล็กน้อย
“รินทาโร่~! ขอบคุณนะ~!” (ฮิมิโกะ)
“อาจารย์ คุณกําลังทําให้ผมกลัวนะ คุณยังไม่หลับไปนานแค่ไหน” (รินทาโร่)
“ไม่ต้องห่วงน่า แค่สองคืนเอง” (ฮิมิโกะ)
“ไม่ห่วงก็บ้าแล้ว!” (รินทาโร่)
ผมถอนหายใจและยื่นเครื่องดื่มชูกำลังให้กับเธอและผู้ช่วยของเธอ
นี่คือที่ทำงานของอาจารย์ ยูซึกิ ฮิมิโกะ นักวาดมังงะที่ประสบความสำเร็จ
ผมได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ช่วยของเธอ และรับผิดชอบการวาดภาพพื้นหลังและการใช้โทนสี ผมจะมาที่นี่ในวันหยุด แต่ถ้าใกล้กำหนดส่งผมมาที่นี่หลังเลิกเรียนเพื่อช่วย
“ฮ่าฮ่า……ช่างเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ขึ้เป็นห่วงจริงๆ นะ” (ฮิมิโกะ)
“เครื่องดื่มชูกำลังเป็นเป็นของช่วยให้หายง่วงชั่วคราว ดังนั้นต้องเข้านอนทันทีถ้าวาดเสร็จนะครับ”
“ไม่ต้องบอกฉันหรอก ฉันคิดอีกว่าสักพักคงสลบไปเอง” (ฮิมิโกะ)
“เดียวก็ได้ตายจริงๆหรอกครับ”. (รินทาโร่)
ตามที่อาจารย์ ฮิมิโกะ กล่าว เธอกับผมเป็นญาติกัน นี่คือเหตุผลที่เธอจ้างผม
และตอนนี้ผมได้เรียนรู้งานนี้ และผมก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในการทํางานนี้
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ” (รินทาโร่)
ผมนั่งลงที่ที่เตรียมไว้ให้และรับต้นฉบับพร้อมภาพวาดลายเส้น ผมวาดพื้นหลัง
ด้วยองค์ประกอบตามที่กำหนด และวางโทนสีในตำแหน่งตามที่กําหนด
มันไม่ใช่งานง่าย แต่เมื่อชินกับมันแล้ว ก็พบว่ามันไม่ยาก
เพลงใหม่ของ มิวสตาร์ ที่กำลังถูกพูดถึงในวันนี้ ผมกำลังฟังขณะทำงานเงียบๆ
“——นี่! ริมทาโร่ ได้เวลากลับบ้านแล้ว” (ฮิมิโกะ)
“อะไรนะ ผมยังทำงานไม่เสร็จเลยนะ” (รินทาโร่)
“ตอนนี้สามทุ่มแล้ว ฉันปล่อยให้เด็กทำงานต่อไม่ได้แล้ว นอกจากนี้เหลือหน้าเดียวเท่านั้น ฉันมั่นใจว่าฉันจะทำมันเสร็จแน่นอน” (ฮิมิโกะ)
“….ผมเข้าใจแล้ว ผมขอโทษด้วย ที่ปล่อยให้อาจารย์ต้องทำที่เหลือ ” (รินทาโร่)
“ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะ รินทาโร่” (ฮิมิโกะ)
อาจารย์ ฮิมิโกะ ยกนิ้วให้ จู่ๆ ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าด้วยความหวัง
ต้นฉบับของเธอมักจะวาดด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยม แต่ความจริงที่ว่าเธอทำงานจนกว่าจะถึงกำหนดส่ง หมายความว่าเธอใช้ความพยายามอย่างมากในการวาดเรื่องราว
งานที่เธอวาดนั้นมีคุณภาพสูงกว่าปกติมาก และทำให้ผมอ้าปากค้างกับความสวยมาหลายครั้งแล้ว
เดิมทีอาจารย์ ฮิมิโกะ เป็นคนที่ชอบศิลปะอยุ่แล้ว และเธอทุ่มสุดตัวอย่างมากกับผลงานของเธอ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอทำงานเสร็จโดยสุดฝีมือ และผมรู้สึกเสียใจกับผู้ช่วยของเธอที่ต้องทำไปด้วยกันกับเธอ ถึงแม้มันจะเป็นงานของพวกเขาก็ตาม
พวกเขาดูเหมือนคนตาย ผมละแปลกใจจริงๆที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่
“ขอบคุณสําหรับการทํางานหนักนะครับทุกคน” (รินทาโร่)
หลังจากที่ผมพูดไปแบบนั้น ซอมบี้หน้าน้ำเงิน– ไม่ใช่สิ ผมหมายถึงผู้ช่วยก็โบกมือให้ บอกตามตรง ผมกลัวนิดหน่อยนะ
ผมออกจากที่ทำงานและมุ่งหน้าไปที่สถานี
บ้านของผมอยู่ห่างจากที่ทำงาน สามสถานี ดังนั้นจะห่างจากโรงเรียนทั้งหมดห้าสถานี
ผมลงจากรถไฟที่สถานีสุดท้ายพร้อมกับกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่เพิ่งเลิกโอที
อาจจะเพราะผมมาค่อนข้างดึกแต่ก็โล่งใจที่ได้เห็นฉากเดิมๆที่หน้าสถานี
อย่างไงก็ตามท่ามกลางเหตุการณ์ทั้งหมดนี้
รถยนต์หรูหราที่เรียกได้ว่าเป็นวัตถุแปลกปลอมก็เข้ามาในสายตาของผม
ผมเดาว่าพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องเงิน น่าอิจฉาจัง ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
ผมกำลังจะเดินทางกลับบ้านตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ผมอดไม่ได้ที่จะหยุดเมื่อเห็นคนออกมาจากรถคันนั้น
เธอมีผมสีบลอนด์และมีสไตล์ที่เหนือชั้นกว่านักเรียนมัธยมปลาย
ดูเหมือนว่าเธอกำลังปลอมตัวอยู่
ด้วยหมวกที่สวมศีรษะและแว่นกันแดดบนใบหน้า แต่เธอก็ต้องเป็นเธออย่างแน่นอน
โอโตซากิ เรย์
หลังจากลงจากรถ โอโตซากิ และคนขับดูเหมือนจะคุยกันได้สักแปปนึง
จากนั้นก็เธอก็เดินออกไป
บางทีอาจเป็นเพราะบริเวณด้านหน้าสถานีมีคนน้อย จึงไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของ โอโตซากิ เลย
หากเป็นกรณีนี้ ผมก็ควรเดินไปโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอจะดีมากกว่า
เธอกับผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลินี้ และเราไม่ใช่เพื่อนกันหรืออะไรทั้งนั้น
นอกจากนี้ ผมก็ไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบต่อเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกี่ยวกับผมและเธอ
ผมเดินผ่านเธอไป ทําเป็นไม่สนใจเธอ
—— จนเมื่อมีบางอย่างผิดปกติกับเธอ
“….!”
ทันใดนั้น ร่างกายของโอโตซากิก็ล้มลง ผมเอื้อมมือไปหาร่างของเธอและพยุงเธอก่อนที่เธอจะร่วงแตะพื้น
ดวงตาของผมได้สบกับดวงตาสีฟ้าของเธอผ่านแว่นกันแดดของเธอ
“ชิโดะคุง?” (เรย์)
“บังเอิญจัง ผมกำลังจะเข้ามาทักเธอเลย ตอนที่จู่ๆเธอก็ล้มลงมันทำให้ผมตกใจ” (รินทาโร่)
เธอยิ้มกว้างและพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ เธอคือสุดยอดสาวสวยในโรงเรียน
ถ้าผมทำให้เธอประทับใจด้วยน้ำเสียงปกติ ผมไม่รู้ว่าถ้าผมทำให้เธอไม่พอใจผมไม่รู้ว่าผมจะโดนอะไรบ้าง ถ้าคุณอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ โอโตซากิ
เธอสามารถทำลายชีวิตคนอื่นที่คุณไม่ชอบได้ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
ใครๆก็คิดว่าผมพูดเกินจริงไปใช่ไหม? แต่ไม่เลยนี่แหละคือความจริง
“เอ่อ” (เรย์)
“เธอดูไม่ค่อยสบายนะ ให้ผมโทรเรียกรถพยาบาลให้ไหม ถ้าเธอไม่สบายใจเวลาอยุ่กับผม ผมสามารถโทรเรียกคนอื่นให้ได้นะ” (รินทาโร่)
“ฉันหิว” (เรย์)
“หิวหรอ?” (รินทาโร่)
ท้องของโอโตซากิร้องเสียงดัง ดูเหมือนว่าหน้าตาที่ไม่สบายทั้งหมดของเธอมาจากความหิวของเธอ
“ผมนึกว่าคุณไม่สบายนะครับ” (รินทาโร่)
“ฮ่าๆ นายพูดตลกจัง” (เรย์)
ผมเอามือออกจากตัวเธอแล้วเธอก็ล้มลงกับพื้น หลังจากที่ผมทำอย่างนั้น
ผมก็อดไม่ได้ที่จะมองดูเธอด้วยความเสียใจ
“เอ่อ..” (รินทาโร่)
อ่า ผมไม่สามารถหลอกเธอได้
แค่ช่วงเวลานี้ ผมเหนื่อยกับการฝืนยิ้ม ผมจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนคนอื่น
ถ้าผมจะได้รับชื่อเสียงที่ไม่ดีจกาการฝืนยิ้ม ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้มันแย่ลงไปอีก
“โอโตซากิซัง คุณบอกว่าหิว ขยับตัวไม่ไหวเลยหรอ? ” (รินทาโร่)
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะถามแบบนั้นนะ ชิโดะคุง…” (เรย์)
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม บอกอาการผมทีสิ” (รินทาโร่)
“ปกติก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่บทเรียนของวันนี้หนักมาก ฉันเหนื่อย และ หิวมาก
ขยับตัวไม่ไหวแล้ว” (เรย์)
“บทเรียน..” (รินทาโร่)
ตามคาดไอดอลชั้นนํา เพื่อให้การแสดงออกมาดีที่สุดต่อหน้าสาธารณชน
เธอต้องฝึกฝนหนักทุกวัน
“ถ้าได้กินข้าวแล้ว คุณจะหายเป็นปกติใช่ไหม?” (รินทาโร่)
“อาจจะนะ” (เรย์)
“งั้นเดียวผมไปหาของกิ….”(รินทาโร่)
ตอนที่ผมกำลังจะพูดว่าไปหาอะไรกินผมก็ปิดปากลง ถึงจะไปที่ร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดก็จะทิ้งเธอไว้ที่นี่ประมาณ 5 นาที นอกจากนี้ถึงแม้ว่าสถานที่นี้คนจะไม่เยอะ
แต่เธอก็เริ่มดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง
เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ผู้คนจะรู้ว่าเธอคือ โอโตซากิ เรย์ และมีโอกาสที่ใครบางคนที่มีเจตนาร้าย
จะพาเธอไปที่ไหนสักแห่ง ในตอนที่ผมไม่อยู่ถึงเราจะไม่สนิทกัน แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
“ผมอาจจะกังวลมากเกินไป แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายใจบอกผมได้นะ” (รินทาโร่)
“อะไร?” (เรย์)
ผมหันหลังให้เธอและนั่งคุกเข่าให้เธอขึ้นหลัง
“ผมจะแบกเธอไว้ที่บนหลัง ขึ้นมาเถอะ” (รินทาโร่)
“นายจะพาฉันไปไหนหรอ” (เรย์)
“ไปที่บ้านผม ฉันจะทํากับข้าวให้กินเอง” (รินทาโร่)
“มันจะไม่เป็นการรบกวนหรอคะ?” (เรย์)
“ถ้าเธอโอเคกับมัน ถ้าเธอไม่อยากไปบ้านผู้ชาย ผมจะทิ้งเธอไว้ที่ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุด ผมต้องใช้เนื้อที่หมดอายุวันนี้ด้วย ดังนั้นผมจะต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน” (รินทาโร่)
“นายอบอุ่นกว่าที่คิดนะ”(เรย์)
“เธอจะเลือกแบบไหนละ?” (รินทาโร่)
….จากนั้น ฉันจะไปบ้านชิโดะคุง
“ฉันค่อนข้างสนใจในอาหารที่ชิโดะคุงทำนะ” (เรย์)
“อย่างนั้นเหรอ แต่ถ้าเธอผิดหวังก็อย่าโทษผมละ โอเคนะ” (รินทาโร่)
โอโตซากิที่แทบจะไม่ขยับตัวเลยเอาได้พิงน้ำหนักมาไว้บนหลังของผม
ส่วนนูนขนาดใหญ่ทั้งสองกระทบหลัง ในเครื่องแบบและผมก็ตัวแข็งทื่อ
แต่ผมยืนขึ้นและพยายามกำจัดความคิดซุกซนในหัว
[ผู้แปล : แหมชอบอะสิ]
แม้ว่าผมจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของเธอ แต่ร่างกายของโอโตซากิก็ค่อนข้างเบา
นี่คือความลึกลับของเรือนร่างผู้หญิงด้วยเหรอ—
“ถ้าอย่างนั้น ไปบัานนายกันเถอะ GO GO ” (เรย์)
“ทําไมทำเหมือนเธอเป็นคนพาผมไปกันได้ละ” (รินทาโร่)
คนรอบข้างคงไม่รู้ว่าเธอคือ โอโตซากิ ผมเลยรีบเดินไปที่บ้านก่อนที่มันจะกลายเป็นข่าวลือแย่ๆออกมาถ้ามีคนเห็น
[ นี่เป็นผลงานแรกที่ผมแปลนะครับ มีคำไหนผิดพลาดไปต้องขออภัย สามารถแนะนำกันมาได้นะครับ ผมจะเอาไปปรับปรุงในตอนต่อไป ]