ผมไม่อยากทำงานตลอดชีวิตเลยอุทิศเป็นพ่อบ้าน - ตอนที่ 3.1 พบพวกเธอครั้งแรก
Househusband-wannabe Boy and Idol Girl Ep 3.1
“ที่นี่เหรอ……..” (รินทาโร่)
ผมมองขึ้นไปที่ตึกระฟ้าที่สูงตระหง่านอยู่ทางด้านหน้า
นี่คืออาคารของ บริษัท แฟนตาซี ที่เรย์ทำงานอยู่ ผมไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อนเลยผมรู้สึกประหม่าเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าไปข้างใน
จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นะถ้าผมเข้าไปด้านใน
ผมหายใจออกลึกๆ แล้วก้าวเข้าไปในอาคาร
“ขอโทษนะครับ” (รินทาโร่)
“มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ”
“ผมชื่อ รินทาโร่ ผมมีนัดกับ โอโตซากิ แห่ง มิลสตาร์ ตอนเที่ยง รบกวนช่วยติดต่อเธอให้หน่อยได้ไหมครับ” (รินทาโร่)
“……รอสักครู่นะคะ.”
พนักงานต้อนรับบอกให้ผมรอที่นี่สักครู่หลังจากที่ผมบอกชื่อโอโตซากิกับเธอไป
จู่ๆ ถ้ามีคนมาถามแล้วเอ่ยชื่อเรย์ มันจะทำให้เธอมองมาที่ผมอย่างสงสัยแน่นอน
แต่มันช่วยไม่ได้หรอกจากนั้นประมาณสองนาที ทันทีที่ลิฟต์ลงมาที่ชั้น 1 เรย์ก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดที่สบายๆสำหรับซ้อมเต้น
“ขอโทษที่ให้รอนะ ข้างในมันซับซ้อน ฉันจะนำทางให้เองค่ะ” (เรย์)
“โอ้ววว.” (รินทาโร่)
“หืม มีอะไรเหรอคะ?” (เรย์)
“เปล่าครับ….. ผมแค่คิดว่าบรรยากาศของเรย์มันต่างไปจากปกติน่ะ” (รินทาโร่)
“อย่างนั้นหรอค่ะ” (เรย์)
ผมของเธอมัดเป็นหางม้า ทำให้เธอดูสปอร์ตนิดๆ เธอสวมเสื้อกล้ามแขนกุดสีดำและกางเกงขาสั้นสีขาวอยู่ข้างใต้ เผยให้เห็นต้นขาที่ไร้มลทินของเรย์ [ผู้แปล : ขาวอะดิ]
“นี่ ส่งอาหารกลางวันพวกนี้แล้วผมกลับเลยไม่ได้หรอ?” (รินทาโร่)
“ไม่ได้เด็ดขาดคะ พวกเธอรอที่จะพบรินทาโร่คุงอยู่นะคะ” (เรย์)
“หืม…… ทำไมผมต้องไปหาพวกเธอด้วย” (รินทาโร่)
“ทางนี้ๆ” ผมตามคำพูดของเธอไปขึ้นลิฟต์โดยที่มือของเธอดึงแขนผมเข้าไป เราขึ้นไปประมาณสิบชั้นและมาถึงทางเดินยาว ทางเดินเรียงรายไปด้วยห้องต่างๆ หลายห้อง
“ที่นี่เป็นสตูดิโอทั้งหมดเลยใช่ไหม” (รินทาโร่)
“ใช่ค่ะ มีสตูดิโอเยอะมากในออฟฟิศ เพราะเรามีศิลปินเพลงหลายวงในสังกัดค่ะ” (เรย์)
“มันต้องใช้เงินเยอะมากแน่ๆ…….” (รินทาโร่)
“อาคารนี้เพิ่งสร้างเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วเองค่ะ” (เรย์) [ผู้แปล : จะบอกทำไมฟะ]
เรย์เดินไปสุดของทางเดินมีประตูแข็งแรงสำหรับห้องเก็บเสียง หรือมากกว่านั้น และดูเหมือนว่าประตูทุกบานทั้งหมดจะเก็บเสียงได้
“เข้ามาได้เลยค่ะ” (เรย์)
เรย์ค่อยๆ เปิดประตูที่ดูหนักอึ้งและพาผมเข้าไปในสตูดิโออัดเสียง
เมื่อเข้าไปข้างใน สามารถมองเห็นกระจกและลำโพงขนาดใหญ่ที่ติดอยู่เต็มผนัง
จากนั้นที่ผนังสตูดิโอ —– ผมเห็นพวกเธอกำลังคุยกันอยู่
เมื่อพวกเธอสังเกตเห็นผม พวกเธอก็หันมามองผมด้วยความสงสัย
“ยินดีต้อนรับค่ะ เรย์ คนนี้คือ “รินทาโร่” คุงที่เธอชอบพูดถึงอยู่หรือเปล่า”
“ใช่แล้วค่ะ เขาเอาอาหารกลางวันมาให้พวกเรา” (เรย์)
“เอ่อ.. ฉันขอโทษนะ ที่ฉันขออะไรที่เห็นแก่ตัวไป”
คนที่เกาหัวตอนที่ขอโทษคือคาน่อน คนที่พูดได้ว่าเป็นหน้าเป็นตามให้ มิวสตาร์ เธอมีผมที่ถักเปียสีแดงที่เป็นเอกลักษ์ของเธอ และแม้ว่าผมจะรู้ว่าเธออายุเท่ากับผม
แต่เธอค่อนข้างดูเป็นโลลิเมื่อเปรียบเทียบกับสมาชิกคนอื่นที่ยืนอยู่ในวงเดียวกัน
“ฉันขอโทษที่ทำให้ลำลากใจนะคะ รินทาโร่คุง แต่ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเรย์อาศัยอยู่กับผู้ชายแบบไหน ฉันหวังว่านายจะไม่รู้สึกแย่นะคะ”
มีอา เป็นสมาชิกคนที่สามของ มิลสตาร์
เธอเป็นสาวงามที่เท่ ——– และถูกวางตลาดว่าเป็นผู้หญิงที่เหมือนเจ้าชายมากกว่า
บางครั้งเธอถูกเรียกว่าเจ้าชาย ใบหน้าของเธอสวยมากกว่าน่ารัก ถ้าเธอแต่งตัวเป็นผู้ชาย เธอคงทำให้ผู้ชายอิจฉาความหล่อของเธอ
แต่นั่นเป็นเพียงแค่หน้าตา ร่างกายของเธอก็เหมือนกับของเรย์
“ไม่หรอกครับ ผมไม่เคยคิดเลยว่า ไอดอล วง มิลสตาร์ จะต้องการกินอาหารที่ผมทำ ผมค่อนข้างดีใจนะ เพราะงั้นไม่ต้องกังวลอะไรหรอกครับ” ” (รินทาโร่)
“”……””
“……ฮะ?” (รินทาโร่)
ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรและใช้เสียงที่สุภาพ แต่ทั้งสองคนกลับมีสีหน้างุนงง
ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า ด้วยความสับสนและกังวล ผมเหลือบมองเรย์
“อ่า ฉันบอกเรื่องรินทาโร่ให้พวกเธอฟังเยอะเลย เหมือนกับว่านายชอบพูกแย่นิดหน่อยและเป็นหมาป่าในคราบชุดแกะล่ะค่ะ” (เรย์)
“เธอควรบอกผมก่อนนะ!” (รินทาโร่)
สองคนนี้รู้แล้วว่าเวลาปกติผมเป็นแบบไหน
ผมงี่เง่าจริงๆ แม้ว่าผมจะพยายามทำตัวให้เป็นคนดี
“อุ๊ย…..ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาา! นายนี่ตลกอย่างที่คิดไว้เลย รินทาโร่!” (คาน่อน)
“เธอคุ้นเคยกับการเรียกผมมากเกินไปแล้วนะ เราไม่ใช่แม้แต่เพื่อนกันด้วยซ้ำนะ” (รินทาโร่)
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าเป็นแฟนกันคงกระโดดโลดเต้นแน่ๆฮ่าๆ” (คาน่อน)
“ผมไม่ใช่แฟนเธอ!!” (รินทาโร่)
“หึหึ! ไม่ใช่แค่นายโกหกเรื่องนิสัย แต่แม้แต่คำพูดนายด้วยหรอ!?” (คาน่อน)
“อ่า เพียงเพราะเธอเป็นไอดอลชื่อดัง อย่าคิดว่าทุกคน จะเป็นแฟนคลับของเธอนะ” (รินทาโร่)
“อะไรนะ? ฉันหมายถึง เรย์บอกแค่ชื่อนายเท่านั้นเอง! และฉันไม่รู้อะไรเลยนอกจากชื่อนาย!”
“……ก็จริงนะ” (รินทาโร่)
ผมยังรู้จักแค่ คาน่อน และ มีอา ที่เป็นชื่อในวงการเท่านั้น เรย์ เป็นคนเดียวที่รู้ชื่อจริงของพวกเธอ
“เห็นไหม มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ” (คาน่อน)
“เธออาจจะพูดถูก แต่นิสัยของเธอมันโครตจะน่ารำคาญเลย” (รินทาโร่)
“นายปฏิบัติกับคนดังอย่างนี้ได้ยังไง!? นายคิดว่าตัวเองดีมากใช่ไหม!?” (คาน่อน)
“นี่! รู้มั้ย ผมเป็นคนทำกล่องข้าวนี้มา ผมมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้กับกล่องข้าวกล่องนี้” (รินทาโร่)
ผมเขย่ากล่องข้าวที่เอามา จากนั้นก็มีเสียงก้องดังมาจากท้องของเธอ และดวงตาของเธอเริ่มว่ายตามองราวกับว่าดวงตาของเธอจับจ้องไปที่กล่องอาหารกลางวัน
“หืม.. ดูเหมือนเธอจะหิวมากนะ ถ้าเธอยังอยากจะกินจริงๆผมกินให้ได้นะ” (รินทาโร่)
“นายมันใจร้าย!” (คาน่อน)
“พูดในสิ่งที่เธอต้องการสิ! ―――― เพราะผมมีสัญญากับเรย์ ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้กล่องข้าวนี้กับเธอ” (รินทาโร่)
“นายเป็นอะไรของนายเนี่ย
” (คาน่อน)
อื้ม… ผมเดาว่า คาน่อน เป็นประเภทที่น่าสนใจมากกว่าที่ผมคิด
ผมวางกล่องอาหารกลางวันที่ห่อไว้ข้างหน้าเธอแล้วเปิดออกเพื่อแสดงให้เธอเห็นข้างใน ทันใดนั้น สีหน้าของ คาน่อน ที่เคยหงุดหงิดมาจนถึงตอนนี้ก็เปลี่ยนไป ขณะเดียวกัน มีอา ที่อยู่ข้างๆ เธอก็เปล่งเสียงชื่นชมออกมา
“ดูเหมือนทักษะการทำอาหารของนายดีกว่าที่ฉันเคยได้ยินมานะ นายทำอาหารที่ประณีตซับซ้อนเพื่อพวกเราหรอ” (มีอา)
“ผมแค่เผื่อไว้น่ะ ผมไม่ต้องการให้เรย์คิดว่าอาหารที่ผมทำตอนปกติไม่ได้อร่อยมากขนาดนั้น ผมก็เลยพยายามทำให้มันดีกว่าปกติสักหน่อย” (รินทาโร่)
นอกจากสเต็กแฮมเบอร์เกอร์ตุ๋น ไก่ทอด และเนื้อสัตว์อื่นๆ แล้ว กล่องอาหารกลางวันยังมีสลัดมันฝรั่งและหน่อไม้ฝรั่งห่อเบคอนด้วย แน่นอนว่าสเต็กแฮมเบอร์เกอร์ตุ๋นนั้นทำมาจากเนื้อสับ และไก่ทอดก็ทำจากไก่ที่หมักไว้ค้างคืนในซอสที่ทำจากซีอิ๊วและกระเทียม
ผมไม่สามารถทำให้เรย์อับอายขายหน้าได้ และผมทำอาหารออกมาจริงจังมาก
“อะไรกัน……โกหกกันใช่มั้ย! แฮมเบอร์เกอร์นี้นายทำเองด้วยเหรอ?” (คาน่อน)
“แน่นอน ผมจะไม่ได้ใช้อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแช่แข็ง ในการทำข้าวกล่องให้เรย์ และผมจะไม่ลดคุณภาพเพียงเพราะผมต้องทำให้มากขึ้นให้พวกเธอด้วยหรอกนะ” (รินทาโร่)
“ฮ่าๆ จะยังไงก็เถอะ… ฉันยอมแพ้แล้ว” (คาน่อน)
ผมก็หยิบกล่องข้าวกล่องหนึ่งในสามกล่องที่ผมทำไว้มอบให้เรย์
“เอาล่ะ เธอก็เหมือนกัน ———— เกิดอะไรขึ้น?” (รินทาโร่)
“…… ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ” (เรย์)
เรย์มองที่กล่องข้าว แต่ดูไม่ค่อยมีความสุขเลย
ผมถามเธอว่าเธอไม่ชอบอาหารที่อยู่ในข้าวกล่องหรอ แต่เธอก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบกลับมา
“ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ” (เรย์)
“แล้วมีอะไร?” (รินทาโร่)
“นี่ถึงจะเป็นครั้งแรกที่พวกเธอสองคนได้พบกัน แต่ดูเหมือนนายกับคาน่อนจะเข้ากันได้ดีเลยนะคะ” (เรย์) [ผู้แปล : น้องแค่หึง]
ผมกับคาน่อนเข้ากันไดดี? ผมสงสัยว่าตาของเธอคงเสียแล้วล่ะ
“นี่.. เรย์อิจฉาที่ฉันกับรินทาโร่สนิทกันหรอ!” (คาน่อน)
“นั่นสินะ และฉันก็คงอิจฉาที่จู่ๆ รินทาโร่ สนิทกับ คาน่อน ได้ง่ายๆ” (เรย์)
“……เรย์นี่เธอคิดแบบนี้จริงๆหรอ” (คาน่อน)
ตอนแรกคาน่อนทำหน้าล้อเลียนเรย์ แต่ตอนนี้เธอมีสีหน้าที่ตกตะลึงไป
ผมรู้จัก เรย์ มาสักพักแล้ว และเธอเป็นก็พูดตรงๆ เรย์ เป็นคนที่ซื่อสัตว์ในระดับที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย และเธอก็ไม่กลัวที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมา ผมเคยคิดว่าความหึงหวงเป็นสิ่งที่พูดออกมายาก แต่ดูเหมือนเธอจะพูดออกมาได้ง่ายๆ
“ฉันดีใจนะที่ได้มีเพื่อนเพิ่มขึ้นนะ รินทาโร่คุง” (มีอา)
“พวกเธอ……นี่ไม่ประมาทกันเกินไปหน่อยหรอ? ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดา อย่ามาเรียกผมว่าเพื่อนนะ….” (รินทาโร่)
“หืม นายไม่ชอบให้ใครเรียกว่าเพื่อนเหรอ?” (มีอา)
“เปล่าหรอกไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบ…….แต่ทำไมเธอไม่ลองเรียกว่า ‘คนรู้จัก’ บ้างล่ะ” (รินทาโร่)
“ถ้าเธอไม่ชอบแล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ จริงสิ เราอาจจะยังอยู่ในระดับคนรู้จัก แต่สุดท้ายก็จะเป็นเพื่อนที่ลึกซึ้งกันอยู่ดี ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดอะไรสักหน่อย” (มีอา)
“นั่นก็จริงนะ———เอ๊ะ คำว่า “เพื่อนที่ลึกซึ้ง” หมายความว่ายังไง?” (รินทาโร่)
“ที่ลึกซึ้ง ฉันจะให้นายตีความเอาเองเลยจ้า” (มีอา)
“…… ผมคิดว่าคงไม่เข้ากับเธอมากนักหรอก” (รินทาโร่)
“ฉันคิดว่าฉันชอบความจริงใจของนายมากนะ ยินดีที่ได้รู้จักน้ารินทาโร่คุง” (มีอา)
“ผมจะตั้งตารอละกัน……” (รินทาโร่)
ราวกับว่าพอใจกับคำตอบของผมบ้าง มีอายิ้มอย่างมีความสุข
ผมรู้สึกเหมือนได้สบตาคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก เธอรับมือได้ลำบากกว่าเรย์เสียอีก ผมจะไม่พูดว่าเธอฉลาดแกมโกง———แต่ดูเหมือนว่าเธอจะตรงข้ามกับผมโดยสิ้นเชิง
“ฉันประเมินทักษะการสื่อสารของรินทาโร่คุงผิดไป ไม่คิดว่านายจะเข้ากันได้เร็วขนาดนี้” (เรย์)
“ห๊ะ? นี่เธอเห็นเป็นอย่างนั้นจริงๆหรอ ตาของเธอคงเสียแล้วแน่ๆ” (รินทาโร่)
เมื่อผมมาที่นี่ผมก็เข้าใจดี
รวมถึงเรย์ ทั้งสามแห่ง มิวสตาร์ อาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างจากผม
ไม่ใช่ว่าเราเข้ากันไม่ได้ แต่ถ้าเธอถามว่าอยากเข้าไปเกี่ยวข้องไหมก็คงไม่อยาก