ผมไม่อยากทำงานตลอดชีวิตเลยอุทิศเป็นพ่อบ้าน - ตอนที่ 4.3 กินอาหาร
แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่เราก็ปรุงอาหารทั้งสามอย่าง ประกอบด้วย แฮมเบิร์ก ซุปไข่ สลัด และข้าวที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะหน้าตาแบบไหนพอพวกมันปรุงสุกแล้วก็สมบูรณ์แบบแล้ว
“กินกันเถอะ!”
พวกเราทุกคนต่างประสานมือกัน แล้วพูด ‘จะทานแล้วนะ’ครับ/คะ
อื้ม——– อันนี้อร่อยดีนะ
แฮมเบิร์กที่ถูกปรุงสุกอย่างดี และซุปมีรสชาติที่อ่อนโยนซึ่งทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนสลัดนั้น ผักกาดจะค่อนขนาเไม่เท่ากัน แต่…… มันก็คือสลัดนั้นแหละ ผมก็เลยไม่ว่าอะไร
“อร่อยนะ โดยเฉพาะสเต็กแฮมเบอร์เกอร์!” (ริวจิ)
“อร่อยมาก! อย่างที่คาดหวังไว้เลยนิไคโดะ!” (โฮโนกะ)
พอได้รับคำชมจากโดโมโตะและโนกิ นิไคโดะก็เกาแก้มด้วยความเขินอาย
“ไม่หรอก…กว่าครึ่งชิโดะคุงเป็นคนทำ……” (อาซึสะ)
“อ่า ใช่แล้ว! ชิโดะนายนี่สุดยอดไปเลย!” (ริวจิ)
มันค่อนข้างอึดอัดใจกับคำชม แต่ผมก็ไม่รู้สึกแย่กับการได้รับคำชมจากโดโมโตะ ที่เป็นคนตรงๆไม่พูดโกหก และยิ่งกว่านั้นเค้าไม่ได้ใช้คำเยินยอด้วย
“ถึงผมจะทำพลาดไปบ้าง แต่ดีใจนะที่สามารถช่วยได้” (รินทาโร่)
พอผมยกชามด้วยมือซ้ายที่บาดเจ็บ ความเจ็บปวดค่อยๆแสดงออกมา ผมยายามไม่แสดงอาการออกมา เพื่อจะไม่ทำลายบรรยากาศที่กำลังสนุกสนาน
คำพูดของพวกเขาเหมือนนักเรียนมัธยมปลายทั่วไป พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรมชลรม เพลงโปรด การสอบ เพื่อนคนอื่น และครอบครัว
เจ็บแค่ที่นิ้วใช่มั้ย?
ผมถามกับตัวเอง ทั้งที่กำลังยิ้มอยู่
มันเจ็บแค่ที่นิ้ว มันเจ็บแค่ที่นิ้วเท่านั้น
ผมบอกกับตัวเองและยิ้มให้มากขึ้น
เมื่อผมดูที่นิ้ว ก็เห็นว่าผ้าพันแผลมีเลือดซึมออกมา
ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
ผมไม่สามารถมีสมาธิกับคาบเรียนตอนบ่ายและจำไม่ได้ว่าสอนอะไรบ้าง แต่ผมก็เลคเชอร์ไว้แล้ว ผมละอยากชมตังเองจริงๆที่เลคเชอร์ได้สมบูรร์แบบขนาดนี้ในสภาพนี้
“นิ้วของรินทาโร่คุงโอเคไหม” (เรย์)
“หืม? ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่นานเดี๋ยวก็หายแล้ว” (รินทาโร่)
เรย์ที่มากินข้าวเย็นที่บ้านผมตามปกติ มองมาที่หลังผมอย่างกังวลใจในตอนที่กำลังล้างจานเพราะมันจะทำให้น้ำเข้าไปในแผลได้ แต่ต้องขอบคุณการที่เลือดหยุดไหลแล้ว จึงไม่แย่ขนาดนั้น
หลังจากที่ฉันล้างจานเสร็จ ผมกลับไปที่โต๊ะ และด้วยเหตุผลบางอย่าง เรย์ก็เริ่มกระสับกระส่าย
เธอกำลังดูโทรศัพท์แล้วมองไปรอบๆห้อง เธอกระสับกระส่ายผิดปกติ
ผมรู้เลยว่าเธอต้องการอะไร
“……อยากถามอะไรเหรอ” (รินทาโร่)
“เอ๊ะ…. รู้ได้ยังไง?” (เรย์)
“มันเกี่ยวกับคาบคหกรรมใช่ไหม ……ที่ผมประมาทจนมีดบาด” (รินทาโร่)
“อืม ฉันไม่เคยเห็นรินทาโร่คุงโดนมีดบาดมาก่อนเลย” (เรย์)
“ไม่หรอกเมื่อก่อนตอนที่หัดทำอาหารเคยโดนมีดบาดอาทิตย์ละรอบเลย” (รินทาโร่)
“ถ้าตามที่พูดมานั้นคือตอนเริ่มหัดทำ นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ไม่เคยโดนเลยใช่ไหม นั้นมันผิดปกติมาก ตอนนั้นเห็นรินทาโร่คุงคุยกับนิไคโดะซัง และคิดว่าตอนนั้นอาจจะรบกวนนาย” (เรย์)
เรย์ พูดถูก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยทำผิดพลาดอย่างการโดนมีดบาดเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเคยชิน แต่ที่สำคัญที่สุดคือเพราะผมมีสติอยู่กับตัวเสมอ เรย์คงรู้สึกว่าผมถูกรบกวน
ดูเหมือนว่าเรย์จะเข้าใจในตัวผมมากว่าที่คิด
“ไม่ใช่ว่าโกรธนิไคโดะหรืออะไรทั้งนั้น แค่ตอนนั้นอารมณ์ไม่ดีน่ะ” (รินทาโร่)
ผมจิบกาแฟที่ทำไว้หลังอาหารเย็นแล้วหายใจออก กลิ่นหอมฟุ้งออกจมูก และจิตใจที่สั่นคลอนของก็สงบลงเล็กน้อย
“……เรื่องมันน่าเบื่อนะ แต่อยากฟังไหม” (รินทาโร่)
“อืม ฉันอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับรินทาโร่คุงให้มากกว่านี้”
“ผมหวังว่ามันจะทำให้เรย์หายสงสัยนะ” (รินทาโร่)
ความจริงคือผมไม่ได้มีนิสัยขี้เล่นแบบนี้หรอกนะ ――――
ด้านมืดของผมกำลังจะปรากฎตัวขึ้น
ผมเก็บมันลงไปแล้วเปิดปากพูด
“เรื่องไม่ซับซ้อนเลย แค่พ่อของผมเป็นคนบ้างาน อย่างที่ทุกคนรอบๆ ตัวเขาพูดกัน เขาไม่เคยกลับบ้านเกินสองสามครั้งต่อปี แม้แต่ในวันเกิดของผมเองเค้ายังให้ความสำคัญกับงานมากว่า ” (รินทาโร่)
“……” (เรย์)
“ถึงผมจะเหงาผมก็อดทนได้ ―――― ถ้าเพียงแม่ยังคงอยู่กับผม” (รินทาโร่)
ผมรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งหนึ่งในใจ
มันคงจะดีกว่านี้ถ้ามีใครสักคนอยู่ข้างๆคอยรับฟัง
“ตอนที่ผมอยู่ ป.5… แม่ก็ออกจากบ้านไปในตอนที่ผมกลับมาจากโรงเรียน” (รินทาโร่)
ขอโทษนะรินทาโร่ ฉันแค่อยากจะเป็นอิสระ —–
แม่พูดแบบนั้นแล้วไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย
“อย่าทิ้งผมไปเลยคุณแม่..”
ผมไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้แต่มองด้วยความเสียใจตอนที่คุณแม่จากไป
“ในที่สุด เธอก็แค่เบื่อที่จะต้องมาคอยดูแลผม และผมแน่ใจว่าเธอเบื่อที่โดนทิ้งหน้าที่ดูแลผมที่พ่อทิ้งไว ――――ตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็เลยเกลียดคำว่า แม่ ตอนนั้นพอ นิไคโดะ ถามว่า “รินทาโร่คุงเรียนรู้การทำอาหารมากจากแม่เหรอ” ผมก็เลยอารมณ์เสีย และนั่นคือเรื่องทั้งหมดของผมแล้วล่ะ(รินทาโร่)
“ฉันเเข้าใจแล้ว……” (เรย์)
บอกแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อใช่ไหมล่ะ ……กาแฟเริ่มเย็นแล้วเดี่ยวผมไปชงมาให้ใหม่” (รินทาโร่)
ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหยิบแก้วทั้งสองใบ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เรย์คว้าแขนผมแล้วให้นั่งลงบนโซฟา
เธอดึงแขนของผมเข้าไปกอดไว้
“ฉันไม่ไปไหนหรอกนะ” (เรย์)
“……พูดอะไรน่ะ?” (รินทาโร่)
“ฉันไม่ทิ้งรินทาโร่คุงเด็ดขาด แม้ว่านายจะบอกให้ฉันไป ฉันจะไม่มีวันที่จะทำให้รินทาโร่รู้สึกเหงา” (เรย์)
“เรย์เป็นอะไรมากไหม เป็นเด็กอนุบาลรึไง” (รินทาโร่)
ตรงกันข้าม เรย์มองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่จริงจังมาก
เธอจริงจังกับเรื่องนี้
ผมสงสัยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงจริงจังกับผมได้
ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติด้วยความรักมากกว่าแค่ผู้ดูแลและนายจ้างของเขาอีกต่อไป หรือนั่นเป็นเพียงจินตนาการที่ผมคิดเองนะ?
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ ———
“ขอบคุณนะเรย์ ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วแหละ” (รินทาโร่)
“อื้ม ฉันยินดีทำให้อยู่แล้ว” (เรย์)
เรย์ยิ้มเหมือนรู้สึกโล่งใจ
เมื่อฉันตั้งสติได้ ผมก็รู้ว่าเธออยู่ใกล้กันมากแค่ไหน
ผมสัมผัสได้ถึงความนุ่มลื่นที่แขน
ไม่แปลกใจเลย เธอจับแขนผมไว้กับตัวเอง
จึงช่วยไม่ได้
“…… เรย์ ถึงเวลาปล่อยแขนแล้วไม่ใช่เหรอ” (รินทาโร่)
“ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่ไปไหน” (เรย์)
“เรย์เธฮไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ผมขนาดนั้น! ผมเป็นเด็กมัธยมปลายที่มีสุขภาพแข็งแรง รู้ไหม!” (รินทาโร่)
“เป็นน้ำเสียงที่แปลกดีจัง แต่ฉันไม่ต้องการที่ทำให้รินทาโร่คุงร้อนรนอย่างนั้นหรอก” (เรย์)
เรย์ปล่อยแขนผมเบาๆ บางทีอาจเป็นเพราะน้ำเสียงที่ร้อนรนของฉัน
อันตราย มันอันตรายมาก ใจผมแทบระเบิดเลยไม่ว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น
“อืม ผมเคยบอกเธอแล้วใช้มั้ยว่าผมอยากเป็นสามีทำงานบ้านเต็มเวลาใช่ไหม” (รินทาโร่)
“ใช่แล้ว รินทาโร่คุงเคยบอก” (เรย์)
“มันเป็นความฝันที่งอกออกมาจากการจากที่แม่ทิ้งผมไป ผมเลยไม่ชอบแม่ แต่ก็ไม่ชอบพ่อที่ทอดทิ้งเราไว้ ผมไม่อยากมีชีวิตแบบพ่อ! ผมเลยตัดสินใจที่จะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามแทน ” (รินทาโร่)
เรย์เคยบอกแล้วว่าทำไมถึงมาเป็นไอดอล
ผมก็เลยคิดว่าจะบอกเธอเหมือนกัน
“เธอบอกว่าเคารพคนที่ทำงานหนักเพื่อบรรลุความฝันที่พวกเขามี แต่ผมขอโทษนะที่แรงจูงใจของผมเป็นแบบนี้……” (รินทาโร่)
“ไม่สำคัญหรอกว่าจะมีแรงจูงใจแบบไหนสำหรับความฝัน สุดท้ายอยู่ที่ความตั้งใจในการทำว่าจะทำให้ความฝันบรรลุได้ไหม ถ้าอดีตของรินทาโร่คุงช่วยให้ความฝันสำเร็จได้ ฉันคิดว่าไม่เป็นไม่หรอก” (เรย์)
“……ที่เรย์พูดมามีเหตุผลดีนะ ไม่มีที่อะไรให้แย้งได้เลยล่ะ” (รินทาโร่)
“บางครั้งฉันก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความฉลาดสิ” (เรย์)
“มันเกี่ยวอะไรกับความฉลาดเหรอ?” (รินทาโร่)
คำพูดงี่เง่าของเธอ———ไม่สิบางทีเธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้เลย มันทำให้ผมเผลอหัวเราะออกมา
ครั้งเดียวที่ผมสามารถหัวเราะแบบนี้นอกจากครอบครัวได้คือตอนที่อยู่กับยูกิโอะ
บางทีผมอาจเผลอเปิดใจให้เรย์โดยไม่รู้ตัว
ผมมีความรู้สึกว่าต่อจากนี้จะไม่ฝันร้ายอีกต่อไป
คิดไปเองรึป่าวนะว่าตอนนี้มันเยอะแปลกๆ+