ผมไม่อยากทำงานตลอดชีวิตเลยอุทิศเป็นพ่อบ้าน - ตอนที่ 5.2 มื้อเย็นกับไอดอลทั้งสาม
มีดกำลังผ่าวัตถุดิบที่อยู่บนเขียง
วันนี้ถูกลากไปซื้อเนื้อและอาหารทะเลเข้า
เมื่อซื้อผักที่ปกติไม่ค่อยได้ซื้อนักมา จากมุมมองของพนักงานซูเปอร์แล้วคงเข้าใจว่าจะนำไปจัดงานเลี้ยง
ขณะที่ฮัมเพลงก็นำเนื้อปลาแซลมอน หอยเชลล์ แครอทกับหัวหอมที่ฝานบางๆ และเห็ดชิเมจิวางไว้บนอลูมิเนียมฟอยล์ จากนั้นทาเนยลงด้านบนและราดด้วยโชยุ
สุดท้ายก็ห่ออลูมิเนียมฟอยล์แล้วนำเข้าเตาอบ
จากนั้น ผัดอาหารทะเลและหัวหอมสับ กระเทียมและผักอื่นลงในกระทะ
เมื่อปลาหมึกซึ่งเป็นอาหารทะเลมีสีน้ำตาลขึ้นเล็กน้อยและหัวหอมเริ่มโปร่งใสก็ใส่มะเขือเทศบดลงไปโดยรอให้น้ำระเหยออก
ตามด้วยใส่กุ้งและหอย เติมน้ำ เกลือ และหญ้าฝรั่นลงไปเพื่อทำน้ำซุป
เมื่อรสอูมามิของอาหารทะเลเริ่มซึมออกมา จึงนำอาหารทะเลชิ้นใหญ่ๆออก และแช่ข้าวที่ยังไม่สุกลงในน้ำซุป
เมื่อน้ำซุปเหือดไป ปาเอยาก็จะเสร็จเรียบร้อย
จนกว่าปาเอยาจะพร้อมเสิร์ฟ ก็เริ่มเตรียมสลักผักกาดหอมรอ
จากนั้นก็เริ่มทำซี่โครงหมูที่หมักเอาไว้ก่อนที่อาจารย์ยูซึกิจะมาในอีกเตาหนึ่ง
แช่ในน้ำหมักเล็กน้อยและสุดท้ายก็ปรุงให้สุกก่อนจัดลงบนจาน
เท่านี้ก็สี่เมนูแล้ว
คิดว่าอยากทำซุปอีกอย่าง จึงหั่นเบคอนและหัวหอมเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ เคี่ยวและใส่น้ำซุปพื้นคอนซูเม่ลงไป
เท่านี้คอนซูเม่ซุปก็เสร็จสมบูรณ์
(TL: ชื่อทางการในวิกิมันคือกงซอเม แต่ผมติดเรียกแบบนี้)
อาหารในครั้งนี้ค่อนข้างดูดี
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าทำออกมามากเกินไปหน่อย แต่กระเพาะของเรย์คงจะสูบลงไปได้อยู่ดี
“หืม เมื่อกี้กำลังคิดอะไรเสียมารยาทอยู่รึเปล่า?”
“ฮะฮะ อะไรล่ะนั่นเรย์ ไม่มีทางอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“อืม…เหรอ?”
อะไรกันยัยนั่น เป็นเอสเปอร์เรอะ
ฉันทำอาหารเสร็จด้วยความสลดใจ
เพิ่มมะนาวลงในปาเอยา และปรุงซี่โครงด้วยเกลือกับพริกไทย
ตรวจสอบความร้อนในฟอยล์และยืนยันว่าเนื้อปลาแซลมอนนุ่มแล้ว ก่อนจะวางลงบนจาน
“ดีล่ะ…คงประมาณนี้แหละมั้ง”
หลังจากชิมดู ก็ยืนยันแล้วว่าคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ขณะนั้น เสียงอินเตอร์คอมก็ดังขึ้น
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมาถึงแล้ว
“เรย์ ไปเปิดให้หน่อยได้ไหม”
“เข้าใจแล้ว”
ขณะที่ฝากเรย์ดูแลทั้งสองคน ฉันก็จัดอาหารที่เสร็จแล้วลงบนโต๊ะหน้าโซฟา
เตรียมจานสำหรับสี่คน และวางแก้วสำหรับเครื่องดื่ม
รู้สึกได้ถึงความสำเร็จหลังจากทำงานเรียบร้อยดี
ขณะที่กำลังทำท่าชูกำปั้นก็ได้ยินเสียงรองเท้าแตะดังมาจากทางเข้า
“รินทาโร่ มาแล้วน้า”
“ขอรบกวนหน่อยนะ”
เมื่อเห็นคานอนและมีอาในห้องนั่งเล่น ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
คานอนสวมเสื้อยืดเปิดใหล่และกางเกงยีนส์ที่มีรอยขาด ผมของเธอซึ่งปกติจะมัดเอาไว้ถูกปล่อยลงมา ให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
มีอาสวมเสื้อฮู้ดบางๆบนเสื้อแขนกุดและกางเกงขายาว ต้นขาของเธอที่มีเนื้อมีนวลปานกลางจึงถูกเน้นออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้น ทำให้รู้สึกว่ามองได้ยากเล็กน้อย
รู้สึกประหลาดใจเหมือนกับครั้งแรกที่เห็นเรย์ในชุดไปรเวท หรือเห็นเธอในชุดซ้อม
จะว่าไปแล้ว—ปกติคงไม่มีโอกาสได้เห็นไอดอลในชุดสบายๆแบบนี้เท่าไหร่สินะ
“อารายกาน จ้องตาเป็นมันเชียว หรือว่าหลงฉันในชุดธรรมดาเข้าซะแล้ว?”
“จนถึงเมื่อกี้อะนะ”
“เอ๊ะ!? ไหงงั้น!? แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่หลงล่ะ!?”
ตรงจุดนั้นแหละ—ขอเงียบเอาไว้ดีกว่า
พูดไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้หรอก
“กลิ่นหอมน่าอร่อยจังเลยน้า อาหารทั้งหมดบนโต๊ะนี่ทำเองหมดเลยงั้นเหรอ?”
“อ่า กำลังเห่อกับครัวใหม่อยู่น่ะ อาจจะทำเกินไปหน่อย”
“ทำมากไปก็ไม่มีปัญหาหรอกนะ ถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดเลยไม่ได้ออกกำลังกายตามปกติ แต่มั่นใจเลยว่ากินจุกว่าชมรมกีฬาแถวๆนี้แน่นอน”
“ถ้างั้นก็คงไม่มีปัญหา งั้นไปล้างมือแล้วนั่งลงบนโซฟากันเถอะ ก่อนที่ข้าวมันจะเย็นซะก่อน”
เรย์และพวกเธอนั่งลงบนโซฟาหลังจากล้างมือ
ฉันวางเก้าอี้ที่เอาไว้สำหรับอ่านหนังสือด้านหน้าแล้วนั่งลง
“นายบอกว่าจะทำอาหารให้ ดังนั้นก็เลยสุ่มๆเลือกขนมมาตอบแทน เอานี่ มาการองที่ฮิตกันแถวหน้าสถานี”
พูดจบคานอนก็วางถุงกระดาษที่ถูกห่อไว้อย่างน่ารักลงบนโต๊ะ
อย่างน้อยๆในมุมมองของฉัน มาการองไม่น่าใช่ขนมที่สุ่มๆเลือกมาได้ นั่นควรจะเป็นขนมไม่ก็ช็อกโกแลตมากกว่าไม่ใช่เรอะ
“เราเองก็คล้ายๆกันล่ะมั้ง เอาชูครีมมาให้น่ะ ถ้ามันเป็นประโยชน์ก็รู้สึกดีใจนะ”
(TL : ตรงนี้มีอาที่เป็นสาวเท่จะแทนตัวเองด้วยโบคุボク)
กล่องที่ดูเก๋ไก๋อีกกล่องถูกวางลงตรงหน้าฉัน
ไม่ว่าหน้าไหนก็หยิบแต่ของที่ดูแพงๆมาตามใจชอบ…ในฐานะสามัญชนคนธรรมดา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่านี่มันคือของที่สามารถหยิบมาแบบสุ่มๆได้
“ฉันเอาน้ำส้มแมนดาริน 100% จากจังหวัดวาคายามะมา”
เรย์นำน้ำส้มแมนดารินสองขวดจากในตู้เย็นของฉันวางลงบนโต๊ะรูปแบบเดียวกับทั้งสองคน
อย่างไรก็ตาม พอตรวจสอบราคาของน้ำส้มดูเมื่อกี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะแพงกว่าที่คิด
“ถ้างั้น ไหนๆก็เป็นปาร์ตี้ทั้งที เรามาดื่มอวยพรด้วยน้ำส้มของเรย์กันดีกว่า เราจะรินให้นะ”
มีอาเทน้ำผลไม้ลงในแก้วของเราอย่างเท่าๆกัน
จากนั้นเราก็เอาแก้วแต่ละใบชนขอบแก้วด้วยกันกลางโต๊ะ
“คัมปาย”
“คามปาย!”
“อือ คัมปาย”
“…คัมปาย”
เสียงกระทบของกระจกดังก้องไปทั่วห้อง
น้ำส้มแมนดารินเข้มข้นกว่าที่คิด และมีรสหวานอมเปรี้ยวที่ทำให้สงสัยว่าเคยดื่มมาก่อนรึเปล่านะ
“…แต่จะว่าไปนะ ปาเอยานี่รินทาโร่ก็ทำขึ้นมาเองงั้นเหรอ?”
“อะ? ก็ใช่แหละ”
“รู้สึกพ่ายแพ้สุดๆเลยอะ”
“คานอนทำอาหารไม่เป็นนี่นะ”
“ใช่ว่าจะทำไม่เป็นเลยนะ? เพราะมีน้องชายกับน้องสาว ก็เลยเคยช่วยพ่อกับแม่ทำของง่ายๆอยู่ แต่พอเป็นไอดอลก็ยุ่งมากจนไม่ได้ทำอะไรเลยก็เถอะนะ”
“ทำได้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่ทำให้ออกมาคุณภาพเหมือนร้านอาหารแบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ! อร่อยชะมัดเลย!”
“ขอบใจนะ ได้ยินแบบนั้นค่อยคุ้มค่าที่ลงมือทำหน่อย”
พอได้ยินความประทับใจจากใจจริงเช่นเคย ฉันเองก็ลองชิมอาหารที่ทำเองอีกครั้ง
อืม ก็อร่อยซะจนอยากจะชื่นชมตัวเองจริงๆ
ปาเอยามีรสชาติของอาหารทะเลที่เข้มข้นซึ่งซึมซาบเข้าไปในเมล็ดข้าว พอลองกินปลาแซลมอนที่อยู่ในฟอยล์ก็หยุดตะเกียบไม่ได้
ซี่โครงหมูก็ละลายในปากและซึมหายไป
“อืม…อดอิจฉาเรย์ไม่ได้เลยนะ ได้กินข้าวของรินทาโร่ทุกวันเลยใช่ไหมล่ะ?”
“อืม เป็นข้อสัญญา”
“น่าอิจฉาจัง เราขอยืมตัวด้วยได้ไหม?”
“ไม่ได้ รินทาโร่เป็นของฉัน”
“ขี้งก”
“ไม่ได้ขี้งกสักหน่อย”
กำลังคุยอะไรกันของยัยพวกนี้อยู่เนี่ย—
จะว่าไป จำไม่เห็นได้เลยว่าไปเป็นของเรย์ตอนไหน
“…เอาเถอะ ตอนนี้ขอยอมแพ้ไปก่อนละกัน แต่ก่อนหน้านั้นขอถามความเห็นของรินทาโร่ไว้ก่อนแล้วกัน ว่าไงล่ะ? ไม่ใช่แค่ที่บ้านของเรย์แต่อยากมาทำที่บ้านของเราด้วยไหม?”
“ขอโทษนะ ถึงจะรู้สึกขอบคุณสำหรับคำขอก็เถอะ แต่ก็รู้สึกผิดกับเรย์ด้วยเหมือนกัน”
“เอ ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยสักหน่อย”
“ถ้าพูดงั้นก็เลิกทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มนั่นซะสิ…”
ทำหน้าราวกับวางแผนชั่วร้ายอะไรชัดขนาดนั้น ถึงไม่อยากแต่ก็รู้สึกได้อยู่ดีนั่นแหละ
ถึงจะไม่ได้เกลียดอะไรมีอาก็เถอะ แต่ต่างจากเรย์ตรงที่ยากจะอ่านใจเธอได้ซึ่งรับมือไม่ค่อยถูก
ถึงจะบอกไม่ค่อยถูก—แต่รู้สึกได้เลยว่าจะลำบากถ้าอยู่กับยัยนี่
———-