ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ - ตอนที่ 52 เหล่าผู้วายชนม์ลุกเดิน 7
[ แอ๊กกก !? ]
[[ . . . อลิเซีย กูดจ๊อบ !! ]]
[[ คิคิคิ ยินดีค่าา ]]
ในจังหวะที่เบอร์นาเดสกำลังที่จะเข้าโจมตีผม จู่ๆก็มีโซ่มาพันที่ขาของเธอในระหว่างที่เธอกำลังพุ่งออกมาจากตึกและ “พลั๊ก” มันคือเสียงของใบหน้าเธอที่กระทบกับกำแพงตึกจนเกิดเสียงดัง และตอนนี้เธอก็กำลังถูกห้อยเอาหัวลงมาโดยโซ่
[ อูยย . . . ดิฉันไม่เคยคิดเลยนะคะว่าเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรลีซาเรี่ยนนั้นจะติดต่อกับพวกปีศาจ!! ]
คนที่ควรจะคลั่งคือผมต่างหากเฟ้ย ยัยซิตเตอร์ไม่เต็มบาท!! มันคือคำที่ผมเกือบจะเผลอตบมุขออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
บ้าจริง ยัยนี่ . .
ยัยนี่เป็นพวกใจร้อนหรือในหัวเธอไม่เคยที่จะคิดอะไรกันแน่เนี้ย!!
[ . . .เสียใจกับเธอด้วยนะ ผมเป็นมนุษย์ครับ ผมไม่ใช่พวกปีศาจ นั้นมันเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ]
[ การที่สังหารเหล่ามังกรซอมบี้หลายร้อยตัวเพียงแค่ใช้ดาบเท่านั้น นั้นมันไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ได้หรอกค่ะ !! ]
เอ่ออ คือ นั้นก็จริงแหะ
. . . เดี่ยวสิ นี่ผมเผลอไปเห็นด้วยกับหล่อนได้ไงกันนะ !!
[ เข้าใจผิดไปไกลแล้วค่ะ ท่านตัวแทนแห่งศาสนจักรซัง ]
*เตาะแตะ*
มันคือเสียงเดินก้าวเล็กๆ ของซิลเบอร์ที่กำลังเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของพวกเรา
และผู้ที่กำลังขี่หลังของมัน อลิเซียเธอกล่าวออกมาเพื่อดับบรรยากาศที่เริ่มไถลไปไกลซึ่งมันไม่เข้ากับอายุของเธอเลย
และเบอร์นาเดส ตอนนี้เธอก็ยังถูกแขวนห้อยหัวลงอยู่เช่นเดิม . . .
[ อาณาจักรลีซาเลี่ยนและ ท่าน”แม่มดแห่งกาลเวลา” สามารถรับประกันกับคุณเกี่ยวกับตัวตนของเขาได้ค่ะ . . ดิชั้นขอพูดอีกครั้ง เขาเป็น “มนุษย์”ค่ะ ]
[ อูวว . . ]
เพราะคำพูดของอลิเซียที่พูดออกมานั้นมันแสดงถึงการ”ข่มขู่”อย่างเห็นได้ชัด และนั้นมันทำให้เบอร์นาเดสถึงกับพูดตะกุกตะกัก
ก็จริงที่เธอสมควรที่จะหวาดกลัว
นั้นก็เพราะสิ่งที่อลิเซียเธอพูดรับประกันนั้น มันเป็นคำพูดเปรยๆประมาณว่า ” อ่าา . . ถ้าเธอไม่หยุดพูดอะไรที่ทำให้เกิดปัญหาอีกล่ะก็ . . อาณาจักรลีซาเรี่ยนและท่านแม่มดแห่งกาลเวลาจะไม่อยู่เฉยๆแน่นะคะ , จะลองดูมั้ย ? ”
เห็นปะ ! คำขู่ชัดๆ
ถ้าหากนี่มีเพียงแค่อาณาจักรลีซาเรี่ยน บางทีอาจจะพอทำอะไรได้บ้าง
แต่ . . ถ้าเรื่องนี้มีท่าน”แม่มดแห่งเวลา”มาเกี่ยวข้องด้วยล่ะก็ มันเกินกว่าที่จะสามารถต่อกรได้
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้มันจะต้องรุนแรงขึ้นแน่ๆถ้าเธอไม่ยอมหยุด และมันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้
อาจเพราะเธอเข้าใจในคำพูดนั้น เบอร์นาเดสเธอบุ้ยปากออกมาอย่างยอมๆ . . .
ชิยัยนี่
ยังทำท่าทางไม่ยอมจะเข้าใจอีกนะ !!
[ เอ่ออ . . “Agent” ได้โปรดอย่างกังวล ผมจะแสดงหลักฐานบางอย่างให้เธอดูเอง เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างของพวกโกเลมบ้างรึปล่าว ? ]
[ ค- , ค่ะ ดิฉันรู้จักค่ะ แล้วมันยังไงคะ ? ]
[ อืม ในกรณีนี้ ดีเลยจะได้ไม่ต้องพูดกันให้ยาวนัก ]
ผมหยิบปืนเวทย์มนตร์คู่ขึ้นมาที่มันล่วงลงตอนเบอร์นาเดสกระโจนออกมาจากตึกและปะทะเข้ากับกำแพง . .
ผมหยิบขึ้นมาและเล็งปากกระบอกปืนไปยังเธอ
[ !! . . อุ ]
เมื่อผมเล็งไป เบอร์นาเดสเธอจ้องมาที่ผมด้วยสายตาอาฆาตอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าจะให้อธิบายล่ะก็คง ” ดิฉันไม่มีวันที่จะละสายตายจากศตรูเป็นอันเด็ดขาด ”
เพราะนั้นคือสายตาที่เธอจ้องมาที่ผมอย่างไม่กระพริบ
ผมก็ไม่ได้ละสายตาออกจากการจ้องนั้นหรอกนะ และผมก็เหนี่ยวไก . .
[ !? ]
*Biku*(ตัวสั่น) แม่ว่าเธอจะตัวสั่นด้วยความกลัวเพียงไหนเธอก็ยังจ้องกับมาอย่างไม่กระพริบ
แต่ทว่า เธอก็เอียงคอสงสัยออกมาว่าทำไมกระสุนเวทย์มนตร์ที่ถูกเหนี่ยวไกนั้นทำไมถึงไม่ถูกยิงออกมา
[ นั้นก็เพราะมันไม่มีพลังเวทย์มนตร์ในตัวผมไงล่ะครับ นั้นคือเหตุผลว่าทำไมผมจึงไม่สามารถใช้ปืนเวทย์มนตร์นี้ได้ และเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงไม่สามารถสร้างอสูรพวกนั้นได้ . . ในอีกความหมายก็คือ ผมน่ะไม่ไช่ “พวกปีศาจ” ที่เกิดจากลุ่มก้อนของพลังเวทย์มนตร์ ผมแน่ใจว่าเธอคงมีคำถามที่อยากจะถามตอนนี้แต่ว่า ตอนนี้ โปรดคิดเพียงแค่ว่า ผมนั้นไม่ใช่ “ปีศาจ” ก็พอครับ ]
แม่ว่าเธอจะดูตกใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยังคงพยักหน้ายอมรับทั้งๆที่กำลังถูกห้อยหัวลงมา . .
[ อ่าา ในกรณีนี้ มันช่างลึกลับจริงๆ ใครกันนะที่จะได้ประโยชน์ในกรณีที่คุณเป็นปีศาจ ดิฉันยอมรับแล้วค่ะที่ว่าคุณถูกปล่อยข่าวว่าเป็น [ ดยุคคนที่ 8 ] . ]
[ . . .อ่าา ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม มันลึกลับจริงๆ . . . ใช่ ลึกลับ . . ]
ผมล่ะอยากรู้จริงๆเกี่ยวกับต้นต่อของข่าวลือเรื่อง “ดยุคคนที่8” เนี้ย
ถ้าหากผมหาต้นตอคนปล่อยข่าวเจอนะ . .
ผมจะขว้างหอกระเบิดใส่ให้ราบเป็นหน้ากองเลยคอยดู
[ แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นอย่างนั้นละคะ ? ]
[ ผมไม่รู้โว้ยยยยยยยย !! ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งเหมือนกันที่ต้องการจะถามคำนั้นเหมือนกัน !!! ทำไมมันถึงกลายเป็นอย่างนั้นงั้นเรอะ !!!!!! นั้นเพราะพลังของผมมันดูราวกับสัตว์ประหลาดอย่างงั้นเรอะ !! แล้วพลังนั้นดันไปเทียบเท่ากับพวกปีศาจงั้นเรอะ !! แล้วผมดันไปเสมอกับเทราคิโอ้ ที่มีพลังเทียบเท่ากับระดับดยุคซินะ !! แล้วมันทำให้เกิดทฤษฎีใหม่ขึ้นที่ว่า “ไม่ใช่ว่านั้นคือ ดยุคคนที่ 8 งั้นรึ” งั้นเรอะ และอะไรอีกหลายๆอย่าง , อย่ามาทำให้ผมต้องพูดเรื่องพวกนี้ไปมากกว่านี้นะ รู้มั้ยมันน่าอัปยศขนาดไหนนนนน ~!! ]
[ ดิฉันขอโทษจริงๆค่ะ . . ]
[ อย่าคิดว่าเรื่องนี้มันจะจบแค่คำว่า ” ดิฉันขอโทษจริงๆค่ะ ” นะ !! ยัยเสียของ , ยัยนมยัก!! แล้วก็ต้องขอบคุณไอ้พวกปัญญาอ่อนที่กระพือข่าวลือน่าอายพวกนั้นจนตอนนี้ผมได้ชื่อ StormBringer เป็น ชื่อที่ 2 สำหรับตัวผมแล้วในตอนนี้ , เธอ !! รู้รึปล่าวว่ามันน่าอายจนทำให้ผมอยากตายแค่ไหน !! ยัยชอบโชว์กางเกงใน !!!!!!! ]
[ อิย๊าาา~! ได้โปรดเอาดิฉันลงไปที เอาดิฉันลงไปทีค่าาา~!! ]
ในที่สุดยัยที่ก็ตระหนักถึงสถานการณ์ของตัวเองซักที เพราะภาพของเบอร์นาเดสตอนนี้คือ ภาพที่เธอกำลังใช้สองมือของเธอดึงกระโปรงมาปิดบังส่วนต่างๆที่อยู่ภายใต้กระโปรงนั้น
แต่ทว่า . .
กระโปรงที่แหวกข้างซะขนาดนั้น มันไม่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงได้
มันจึงไม่สามารถที่จะปิดบังเรียวขาของเบอร์นาเดสได้เลย
[ ( ยู ! พวกเราไม่มีเวลาที่จะต้องมาโต้เถียงกับยัยซิสเตอร์ไม่ได้เรื่องนี้นะ บรรยากาศตอนนี้ได้เปลี่ยนไปอีกแล้ว ชั้นรู้สึกได้ มีบางอย่างกำลังมา ! ) ]
หินสื่อสารที่อยู่กับหูของผมได้สั่นไหวอย่างเล็กน้อย มันเป็นเสียงของอลิเซียที่พยายามติดต่อกับผมมา
ผมแน่ใจกับเรื่องนี้ได้เลยเพราะว่าถ้าประมาณเอาตอนนี้
เวลาตอนนี้คือช่วงก่อนจะรุ่งสางพอดี . .
โดยปกติแล้วพวกปีศาจนั้น ในเวลากลางคืนนั้น มันคือช่วงที่พวกเหล่าภูติผีจะออกมากัน
ไม่ใช่ช่วงเวลากลางวัน
และนั้น ช่วงก่อนรุ่งสาง . .
เวลานี้ คือช่วงที่กลางคืนมืดมิดที่สุด มันคือช่วงที่พลังของพวกมันเพิ่มมากขึ้นถึงขีดสุด !!
[ . . . ที่นั้น !! ]
โครงสร้างวงเวทย์ !!
โครงสร้างเวทย์มนตร์ขนาดใหญ่ยักอย่างไม่น่าเชื่อได้ปรากฎขึ้นปกคลุมทั่วท้องฟ้าเมืองลิสวาเดีย
พลังเวทย์มหาศาลนั้นที่อยู่อีกด้านของโครงสร้างวงเวทย์นั้นแม้แต่ผมก็รู้สึกถึงมัน แม้ว่าผมที่ไม่สามารถสร้างพลังเวทย์มนตร์ได้ก็ตาม
[ โครงสร้างวงเวทย์แบบนั้น . . .รึว่า นั้นมันโครงสร้างเวทย์มนตร์เคลื่อนย้าย ? ]
เสียงร้องนั้นหรือว่าจะเป็นของ เฮนเรียสต้า ?
และนั้น อาจเพราะพลังเวทย์ที่สุดยอดนั้นมากมายเกินกว่าผมจะสัมผัสได้ มันได้เกิดเสียงบางอย่างคล้ายกับเสียงกรี๊ดร้องดังขึ้น และ . . .
ทันใดนั้น โครงสร้างเวทย์มนตร์นั้นก็ถูกฉีกกระชากลง และ “นั้น” ได้ปรากฎออกมาจากโครงสร้างวงเวทย์นั้น
[ . . . เห้ย เห้ย เอาจริงดิ ! ]
เพราะสิ่งที่ปรากฎออกมา ณ ตอนนี้. .
มันคือมังกรโบราณที่ครั้งหนึ่งผมเคยจัดการมันมาแล้วครั้งหนึ่ง
……………………………..
ถ้าจะเขียนชื่อของมันจริงๆล่ะก็ “Vafumunt” (ราชันมังกร)
รึถ้าผมใช้คำว่า บาฮามุทจะเข้าใจง่ายกว่ามั้ยนะ?
คงจะบอกได้ว่ามันอยู่ระดับที่ควรจะเรียกว่า ผู้ปกครองเหล่ามังกร มังกรที่เก่าแก่ที่สุด
ผู้ปกครองทุกสรรพสิ่งในธรรมขาติ ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของธรรมชาติ
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์มังกร
ถึงแม้เลือดและเนื้อของราชันมังกรนั้นนะเน่าเฟะและถูกกัดกร่อน แค่เขานั้นก็ถือว่าคือของจริง
[ ( ปีก 4 ปีและดวงตาสีทองที่ชั่วร้ายนั้น ถึงมันจะเน่าเปื่อยแต่ . . ไม่ผิดแน่ มันคือ วาฟามุส , อลิเซีย !!) ]
[ ( นายกำลังล้อเล่นใช่มั้ย ล้อเล่นสินะ !!! ) ]
[ ( เธอเสียงดังเกินไปแล้ว !! ) ]
เพราะจู่ๆอลิเซียเธอตะโกนผ่านมาทางหินสื่อสารที่หูผม ทำให้ผมเผลอกุมไปที่หู แต่นั้นก็ไม่ไช้การแก้ปัญหาที่ถูกนัก
[ นะ- , ขนาดที่ใหญ่โตขนาดนั้น มันคือตัวอะไรกันคะ . . .]
เพราะว่าได้เห็นขนาดของมันที่ใหญ่โตจนเทียบเท่ากับหอนาฬิกาของทางโรงเรียน มาน่าเธอกล่าวออกมาอย่างสั่นเทา
[ . . . ถ้าเจ้านั้นมันหลุดออกไปได้ล่ะก็ ทางโรงเรียนคงไม่เหลือซากอย่างแน่นอน . . ]
เอริเธอกล่าวออกมาในขณะที่จ้องไปยังสิ่งนั้น
ก็จริงที่ว่า ถ้าหากมังกรขนาดตัวเท่ากับโตเกียวทาวเว้อร์ เพียงแค่มันเดินก็ถือได้ว่าเป็นภัยพิบัติขนาดยักแล้ว ขนาดของมันถ้าก๊อตซิล่า(ไคจูคิง) มาเจอก็ยังต้องซีดเป็นแน่
[ . . ชิ หมอนั้นถึงขนาดเชิดตัวแบบนั้นได้!! ]
ท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนอื่นๆ
ศัตรูแห่งโชคชะตาที่ครั้งหนึ่งผมเคยเผชิญหน้า
ผมอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่คิดว่ามันนั้นช่างน่าสงสารนัก
เพราะในดวงตาของมันนั้นมันไม่แสดงถึงพลังที่เคยมีอีกแล้ว
และนั้นคือสิ่งที่ผมสังเกตุเห็น
[ ผมไม่สามารถรู้สึกถึงสติปัญญาจากมันได้เลยซักนิด ตราบใดที่มันไม่สามารถใช้มังกรคำรามได้ มันก็เป็นเพียงแค่เป้าหมายใหม่ ไม่ใช่ศัตรูที่พวกเราไม่สามารถจัดการได้ ! ]
เพราะครั้งหนึ่งผมเคยต่อสู้กับมันมาแล้ว
มันมีเหตุผลใหญ่สำหรับเวทมนตร์มังกรคำราม , เวทย์นั้น มันจำเป็นต้องใช้พลังเวทย์อย่างมหาศาลและนั้นทำให้เหล่ามังกรนั้นมีสุดยอดพลังป้องกันที่ทำให้ร่างกลายเป็นของแข็งและพลังโจมตีที่มากพอจะทำให้แผ่นดินแยกได้เลย
แม้ว่าผมจะใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่ผมสามารถตัดผ่านพลังป้องกันของมันได้
อืม แต่ถ้าหากมันไม่สามารถใช้มังกรคำรามได้ล่ะก็ สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ทำลายหัวใจของมันและทุกอย่างก็จะจบลง
[ ถ้าหากพวกเรารวมพลังกัน การต่อสู้นี้คงจะจบลงในเวลาซัก 10นาที ]
มันยังไม่ถึงขนาดที่จะต้องให้ผมใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์หรอกนะ สำหรับท่อนไม้ขนาดยักที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้อื่นๆนอกจากใช้ความรุนแรง
แม้จะเป็นตัวผมใน “ตอนนี้” ก็สามารถจัดการมันลงได้
[ จะ- , เจ้ามังกรนั้น !! พวกเราจะสามารถเอาชนะเจ้ามังกรขนาดยักนั้นได้จริงๆหรือ !? ]
[ ยังโชคดี ที่ยังมีเหล่าผู้คนที่แข็งแกร่งในเมืองนี้ แม้ว่าเมืองอาจจะได้รับความเสียหายจำนวนมากแต่ มันยังมีความเป็นไปได้อยู่ ในกรณีที่แย่ที่สุด ถ้าพวกเรารอจนกระทั้งเช้า มันก็จะถูกจัดการลงไปเอง ]
[ . . . ที่คุณต้องการจะบอกก็คือ เพื่อที่จะจำกัดความเสียหายให้น้อยที่สุด พวกเราจำเป็นต้องรีบจัดการมันโดยเร็วสินะ ]
[ มันควรจะเป็นแบบนั้น ]
ผมตอบกับให้กับคำถามของเอริ และมองขึ้นไปยังเบอร์นาเดส ที่ตอนนี้เธอยังกำลังพยายามต่อกรกับกระโปรงของเธอ . .
[ เบอร์- . . เธอผู้เรียกตัวเองว่าตัวแทนของโบสถ์ เธอจะมาเป็นกำลังให้กับพวกเราได้มั้ย ? ]
[ สะ- , สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ !! กรุณาเอาดิฉันลงไปก่อนทีค่าาาาาาา ! ]
ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้เธอหน้าแดงขนาดนั้นอาจเพราะคงถูกแขวนนานไปหน่อย
อืมแต่ก็ . .
ผมทำเป็นเข้าใจก็แล้วกัน
[ ( อลิเซีย เธอช่วย . . ) ]
ผมบอกอลิเซียผ่านทางก็นหินสื่อสารแต่ทว่า
เวทย์มนตร์โซ่ที่ผูกมัดขาดของเบอร์นาเดสไว้นั้นก็ยังคงไม่หายไป
[ ( . . อลิเซีย ? ) ]
นั้นเพราะเวทย์มนตร์ของอลิเซียมันควรจะถูกลบไปในทันที แต่มันกลับไม่หายไป
และเมื่อผมหันกลับไปพลางคิดถึงสิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้น
มันเป็นร่างของอลิเซีย และที่ใบหน้าของเธอเหมือนกำลังต่อต้านและทุกทรมาน ราวกับว่ายังไม่ถูกครอบงำโดยสมบูรณ์
[ !! ]
แม้ว่าผมอยากจะตะโกนเรียกอลิเซียถึงเพียงไหน แต่ผมเองก็ทำได้เพียงแค่เงียบเอาไว้
นั้นเพราะอาจทำให้ผมโดนค้นพบตัวจริงอย่างนั้นเรอะ ? อย่าโง่ไปหน่อยเลย
แม้ว่าผมจะอยากท่องเที่ยวอย่างสบายๆ
แต่สำหรับเพื่อนของผมที่กำลังอยู่ในวิกฤติอยู่ตรงหน้า
และนั้นมันทำให้ผมกังวลเป็นที่สุด
และนั้นคือเหตุผล
[ . . . . . ]
มีบางอย่างสีดำโผล่ขึ้นมาบริเวณที่หลังคอของอลิเซีย และไปที่ด้านหลังของอลิเซีย
มันเป็นร่างของคนที่ยกนิ้วขึ้นมาที่ปากทำสัญญาณบอกว่า “ชู่ว”
ร่างที่ห่อหุ้มไปด้วยผ้าคลุมขาดๆนั้น
มันคือร่างของเจ้าหมอนั้น
[ ( ฟุฟุฟุฟุ. . . . ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ) ]
แม้ว่าผ้าคลุมนั้นจะกลืนกินไปกับเงามืด แต่ปากนั้นก็กล่าวออกมา
มันเปิดกว้างราวกับถูกฉีกขาด
[ ( นี่คงเป็นครั้งที่สองรึปล่าวนะ? ที่ข้าออกมาพบเจ้าโดยตรงแบบนี้ ) ]
ผ่านทางหินสื่อสารของอลิเซีย มันเป็นเสียงของหมอนั้นผ่านเข้ามาโดยตรงเข้ามายังหัวของผม
[ ( อัมบร้า !! แกไอ้ชั่วว ) ]
[ ( ฟุฟุฟุ เรามาตกลงกันเถอะ ) ]
ในขณะที่หมอนั้นกล่าวออกมา “อลิเซีย”เธอก็ยิ้มออกมาเล็กๆ
[ ( อย่าขยับ . . . . นั้นคือคำแนะนำจากข้า เดี่ยวจะหาว่าไม่เตือนนะ ตกลงรึไม่ ? ) ]
อลิเซียเธอยกมือของเธอขึ้นมาทุบลงที่อกของเธอเบาๆ ในขณะที่เธอทำอย่างนั้นและยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวจากใบหน้าที่งดงามของเธอ
[ ( . . . เอาละ ตอนนี้ ระหว่างชีวิตน้อยๆของน้องสาวคนเล็กของผู้หญิงที่แกรัก กับ เหล่าชาวเมืองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแก คุ ฮ่าๆๆ . . . เอาล่ะจงเลือกซะ แสดงให้ข้าเห็น แสงสว่างที่วิญญาณของแกมักจะแสดงออกมา !! ) ]