ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ - ตอนที่ 9 ผู้กล้าคนก่อนกำลังถูกชักนำ
รู้หรือไม่
บาซิลิสก์เป็นมังกรชนิดหนึ่งที่มีดวงตามารที่สามารถสาปให้เป็นหินได้เลยนะ . .
ถึงตอนนั้นผม ยู ยาชิโระ จะแสดงออกทำเป็นตกใจก็จริง
แต่จริงๆแล้วผมไม่ตกใจขนาดนั้นหรอกนะ
ใช่แล้ว
สบายมาก
ของชอบผมเลย . . .
มันเป็นมอนเตอร์ที่ระดับรองลงมาในหมู่มังกรด้วยกัน ถึงอย่างงั้น ผมเคยคิดว่ามันคงเก่งไม่ต่างกันมากมายอะไรหรอก แต่จริงๆแล้ว ถ้าเทียบกันในเกมRPG จริงๆมันแตกต่างขนาดระดับบอสของมอนเตอร์กับมอนโง่ๆที่หน้าตาคล้ายบอสเลยนะ
แต่สำหรับผมที่เก่งขนาดเท้าออกแสงแล้ว
ผมสามารถจัดการพวกมันแบบสบายๆโดยไม่บาดเจ็บยังได้เลย. . .
คุณจะบอกว่าไม่มีทางหรอ? ผมไม่ได้โม้นะ ถึงผมจะไม่ตีทีเดียวตายเหมือนกับ ก๊อบลินหรือออร์ค แต่สำหรับบาซิลิสก์ผมก็จัดการได้สบายๆโดยไม่ต้องชักดาบเทพออกมาเลยก็ได้
ก็ ถึงผมจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะ แต่ถ้าให้ผมไปตัวปล่าวล่ะก็ ผมคงโดนพิษจากหนามพิษของมันแน่ หรือไม่ก็ โดนสาปเป็นหินจากตาของบาซิลิสก์
. . . แต่ถ้าผมมีอาวุธ ผมก็ไม่ต้องเสี่ยงไปโดนพิษ แถมจัดการมันก่อนจะโดนจ้องก็ไม่โดนสาปตัวแข็งก็สิ้นเรื่อง
[ ปราบบาซิลิสก์เนี้ยเหมาะกับระดับ C จริงๆหรือครับ ]
ถึงพวกมันจะกระจอกก็เถอะ แต่พวกมันก็คือมังกรชนิดหนึ่ง คงต้องยอมรับความจริงข้อนี้ มันเป็นมอนเตอร์ที่พวกออร์คไม่มีทางจัดการได้เลยแม้พวกออร์คจะบุกโจมตีมาทั้งกองทัพก็เถอะ
แล้วก็ ถ้าพวกเขาบอกสบายมากสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งทำลายรังออร์คอย่างผมไปทำเควสแบบนั้น ผมว่าพวกเขามีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้วล่ะ
เมื่อผมถามออกไปแบบนั้น . .
[ มัน. .เอ่อ มัน คือ . . ]
เธอทำท่าเหมือนจะร้องให้ออก
เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าตาของเธอ นั้นทำให้ผมมั้นใจว่า “บางอย่าง” ที่ว่านี้คงทำให้เธอหน้าซีดขนาดนี้สินะ อย่างไรก็ตาม เพราะ”บางอย่างนี้” ผมถึงต้องถามให้ได้
จากการดูปฎิกิริยาของพี่สาวแล้ว . .
สัมผัสที่หกของผมกระซิบบอกว่าผมต้องสอบถามข้อมูลเพิ่ม !!!
[ ยูยะ ชิโระ ]
[ เฮะ? ]
เมื่อผมหันกลับไปตามเสียงเรียกนั้น
ผมก็พบกับเธอ ผู้สวมชุดหนังสุดเซ็กซี่
ภาพจำลองนางฟ้าของผมเอง,
ทรีซัง!
[ เมื่อเร็วๆนี้ ชั้นได้ยินเขาพูดกันว่านายไปถล่มรังออร์คคนเดียวมาหรอจ้ะ]
หุ่นดินระเบิดของทรีซังกำลังเดินมาหยุดใกล้ๆผม . . .
มันยอดมากก
หนองโพคู่นั้นมันเด้งดึ๋งๆอยู่ตอนนี้. .
[ อ้า . . .ใช่ครับ . .เยี่ยมมาก ]
ผมชอบมันมากเลยตอนนี้
สองก้อนเนื้อมันกำลังลอยอยุ่ตรงหน้าผม
(โอ้ววววว หนองโพล่ะ!! หนองโพรสช๊อคโกแลคของทรีซัง .. .ใช่แล้ว มันกำลังอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ . .!!)
ผมตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังเติบโต ถึงผมจะสูง 160กลางๆก็เถอะ แต่นั้นมันทำให้สายตาของผมอยู่ระดับเดียวกับภูเขา2ลูกนั้นพอดี
ถ้าผมก้าวไปหาเจ้าของภูเขานั้นก้าวนึงล่ะก็
แน่นอนเลยผมจะจมดิ่งสู่ร่องเขาแห่งความสุขนั้นแน่นอน
เพราะอย่างงั้น ผมจึงไม่สามารถละสายตาจากมันได้เลยแม่แต่นิดเดียว ใช่แล้ว. . .
หนองโพมันอยู่นี้แล้ว!!
มันไม่มีเหตุผลสักนิดเดียวที่ผมจะหนีจากมัน
ผมเข้าใจมันดี เพราะผมตอนนี้ปรารถนาที่จะพุ่งเข้าใส่หนองโพที่อยู่ตรงหน้า
ใช่แล้วล่ะ
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์น่ะโยนมันทิ้งไปเหอะ ตอนนี้มีเพียงสัญชาตญานของสัตว์เท่านั้น ถึงเวลาลองทำในแบบที่สัตว์เพศผู้ทั่วไปเขาทำกันแล้ว
หือ แล้วผมต้องทำอะไรน่ะหรอ? อย่างแรกเลย ผมจะคลำไปที่หนองโพคู่นั้นก่อนอันดับแรก ต่อมาก็ ผมจะซุกหน้าเข้าไปแล้วหลังจากนั้นก็ . . .แล้วก็ . . .
ตุก ตุก (เสียงกระตุก)
[ ห๊ะ?! ]
มันเป็นแขนเสื้อของผมกำลังถูกดึงอยู่ เมื่อผมหันไปมองว่าใครกันดึง มันเป็นภาพของลิลลิรูริกำลังจ้องมองผมพร้อมทำแก้มป๋องด้วยสีหน้าบ่งบอกว่า “ชั้นไม่ชอบใจเลยนะรู้มั้ย!”
ช่างน่าเศร้านัก ถึงผมจะคิดว่ามันก็ไม่ยุติธรรมก็เถอะ เพราะเธอยังเป็นเด็กอยู่ ถึงเธอจะจ้องมองด้วยสายตาแบบนั้น แต่มันกับดูน่ารักแทน แม้พนักงานต้อนรับของกิลที่ร้องไห้อยู่เมื่อตะกี้ ยังตกหลุมรักในความน่ารักของเธอเลย ลิลิรูริ
[ มีอะไรหรอครับ? ]
ผมเพียงแค่จ้องแต่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ผมเลยสงสัยว่าผมทำอะไรผิดหรอ
แม้ผมจะถามหาเหตุผลเพื่อจะได้ขอโทษลิลลิรูริ แต่เธอทำเพียง “เชอะ” แล้วหันหน้าหนีซะงั้น เห้อ
[ เด็กคนนั้น? ชั้นไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย ]
[ อ้าา เธอคนนี้คือ —- ]
[ ลิลลิรูริ , คู่หูของ ยู !! ]
ขณะที่ผมกำลังจะตอบคำถามของทรีซังนั้น
ลิลลิรูริได้แนะนำตัวเองก่อนพร้อมออกมายืนหน้าผม
เอ่อคือ . . .
เธอมาเป็นคู่หูผมตอนใหนกันห้ะ!!
[ โฮววว ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ ลิลลิรูริ ชั้นชื่อว่า ทรี , ทรี วาเรนเซีย ชั้นเป็นเพียงคนเดียวในกิลที่มีระดับ AA ณ ตอนนี้ ]
ระดับของกิลแบ่งเป็น 8 ระดับ เริ่มจากมือใหม่ที่เพิ่งสมัครเข้ากิลจะอยู่ระดับ E และไล่ขึ้นไป D C B A เหนือกว่านั้น คือ AA , S และสูงสุด SS
นั้นมัน ระดับ 4
โดยปกติ ถ้าคุณพยายามพอคุณก็สามารถไปถึงระดับ B ได้นะ
แต่สำหรับ ระดับ A เรียกได้ว่ามันจำเป็นต้องมีพรสวรรค์
เพราะงี้หมายความว่า ทรีซังต้องเป็นคนที่เก่งมากพอสมควรเลยทีเดียว . . .
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าเหล่าคนแก่บ้ากล้ามที่ขู่ผมตอนนั้นถึงเชื่อฟังในคำพูดของเธอ
[ ทรีซังครับ ระดับเท่าไรควรจะเหมาะสมกับเควสปราบปรามบาซิลิสก์ครับ ]
[ อะไรนะ . .ก็คงประมานสีฟ้ามั้ง ก็ประมาณระดับ A ถ้าเป็นกลุ่ม2-3ตัวก็คงประมาน AA . . มีอะไรหรอ นายต้องการชิ้นส่วนจากบาซิลิสก์หรืออะไรบางอย่างหรอจ้ะ ]
ผมว่าล่ะ มันดูมีบางอย่างน่าสงสัยเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ . . .
[ มันควรจะเป็นอย่างงั้นและครับ แต่เหมือนว่าผมจะรับเควสนี้ได้ มันเป็นเควสปราบปรามบาซิลิสก์ 1 คู่ครับ]
[ ห๊ะ ว่าอะไรนะ]
ทรีซังเหมือนจะงงงวยกับคำพูดของผมมาก ถึงขนาดขว้าแขนของพนักงานต้อนรับไปกระซิบคุยกัน 2 คนเลย
[ . . .ขอโทษด้วยนะ ยูยะ มันดูเหมือนจะมีบางอย่างตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ถึงอย่างงั้น มันเป็นการตัดสินมาจากทางกิลด์เอง ถ้าสำหรับเธอคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ล่ะก็ คงเหลือทางเลือกเดียวคือ ออกจากกิลด์เท่านั้น . . . ก็นะ ถ้าเธอผ่านเควสนี้ไปได้ สำหรับในประเทศอื่นเธอคงรวยเละไปเลย ]
หลังจากทรีซังได้คุยกับพนักงานของกิลด์แล้ว เหมือนเธอกลัวๆอะไรบางอย่าง เพราะเธอมาใกล้ๆผมแถมถอนหายใจ ก่อนที่จะกระซิบบอกผมตะกี้นี้ . . .
อร้าาา เสียงของทรีซัง มันช่างอ่อนหวาน ก้องอยู่ในหูของผม
[ ยู, จมูกกำลังยืด ออกมาแล้ว ]
!? แย่ล่ะ แย่ล่ะ ผมเกือบถูกตัณหาครอบงำอีกแล้ว
หลังจากถูกปลุกโดยกับเขย่าจาก ลิลลิรูริ แล้ว ผมขอใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำลายแปปนะ . .
———————————
แต่เดี่ยวนะ บาซิลิสก์น่ะหรอ หืมม. . .
พอมาคิดๆดูแล้วมันก็จัดการได้ง่ายๆอยู่นะ
แต่พิษของมันก็เป็นปัญหาอยู่นิดหน่อย. . .
ผมคงโดนหนามพิษมันแน่เลยถ้าไปจัดการมันด้วยตัวปล่าวแบบนี้
อืมมม อยากจะมีเงินซื้ออาวุธจังเลยน้าา
เสื้อผ้าสวยๆให้ลิลลิรูริด้วย
แล้วก็เต๊นสำหรับพักอีกอย่าง อืมมม. .
เอางี้ ชุดของลิลลิรูริต้องมาเป็นอันดับแรก
ถึงชุดลิลลิรูริจะดูดีอยู่ตอนนี้ แต่มันยังธรรมดาไป
อยากให้เธอใส่ชุดกระโปรงฟูๆจังเลยน้าา. .
ยังไงซะเธอก็เป็นเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงมันต้องคู่กับชุดกระโปรงสิถึงจะถูกต้อง . .
แน่นอนผมไม่ได้ให้เธอแต่งตัวแบบนี้เพื่อเซอร์วิสเหล่านักอ่านโลลิค่อนหรอกนะ
(ถึงแม้ว่าจำนวนคนที่ชื่นชอบลิลลิรูริหลังจากรู้ว่าเธอเป็นเอลฟ์สาวโลลิจะพุ่งพรวดก็เถอะ เพราะงั้นมาคิดๆดูแล้วจะเซอร์วิสหรือไม่นั้นค่อยรอดูกันต่อไปแล้วกันนะ)
[ อืมถ้าแค่นั้นล่ะก็ ชั้นออกให้ก่อนก็ได้นะ . .ในกรณีที่นายจัดการบาซิลิสก์ได้จริงๆ ]
[ เอ๊ะ !! ทรีซัง คุณอ่านใจผมได้หรอเนี้ย!! ]
[ ยู,,พึมพัมมัน ]
แม้ผมกำลังตกใจว่าเธอได้ยินมันได้ยังไงทั้งๆที่ผมคิดอยู่ในหัว แต่ทุกอย่างกระจ่างแล้วมันเป็นเพราะสกิลพูดในสิ่งที่คิดของผมมันทำงานพอดี. . เกือบไปแล้ว เกือบคิดว่าทรีซังจะรู้สิ่งที่ผมคิดกับทรีซังซะแล้ว . . .
[ว่ายังไงจ้ะ แต่มันก็เหมือนให้กู้นะ เพราะเธอต้องคืนมันหลังเสร็จงาน ]
[ อ่าา ถ้าคุณว่าอย่างงั้น ผมขอหอกสำหรับขว้าง 2 อัน เงินค่าที่พัก แล้วก็ชุดกระโปรงให้กับลิลลิรูริ อ้ออีกอย่าง ผมจะขอบคุณมากถ้าหากได้ถุงใส่เครื่องมือที่มีปากกว้างๆด้วยครับ ]
[ นายเอาจริงหรือเนี้ย!!! เควสปราบบาซิลิสก์เนี้ยปกติต้องใช้นักผจญภัยระดับ AA เลยนะ ]
เหมือนเธอจะกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของผมแหะ เพราะทรีซังแสดงท่าทางแปลกใจออกมาขนาดนั้น . .
คุคุคุ พอมาคิดดีๆเกี่ยวกับผู้หญิงสุดอีโรติกคนนี้กังวลแล้ว มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดตั้งแต่เกิดมาในชีวิตลูกผู้ชายเลยแหะ
ใช่แล้ว . .ถ้าเกิดผมจัดการบาซิลิสก์ได้ด้วยตัวคนเดียวแล้วล่ะก็ มันถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เลยสำหรับมนุษย์ธรรมดา . .
และถ้าผมทำความสำเร็จขนาดนั้นได้. . .
ทรีซังจะต้องหันมาสนใจผมอย่างแน่นอน
[ ถ้าคุณอยู่เคียงข้างผม . .ต่อให้เป็นพระเจ้าผมก็ ฟะ ฟัด ฟาน เฟะ โฟ้ย เฟ้บ . . . .ฟิลฟิฟูฟิ ฟันเฟ็บโฟ้ยย (โอ้ย โอ้ย ลิลลิรูริ มันเจ็บนะ โอ้ย) ]
ขณะที่ผมกำลังพูดหยอดทรีซังอยู่นั้นเอง . .
การจีบของผมก็ถูกหยุดลงโดยลิลลิรูริที่กำลังดึงแก้มผม
[ ทำอะไรของเธอเนี้ย ลิลลิรูริ!!! ผมก็อยากเป็นหนุ่มที่มีสาวมาชอบกับเขาบ้างนะ รู้มั้ย หึ้ยย ]
[ ลิลลิรูริ อยู่นี่ . . .ดังนั้น . . ผู้หญิงไม่จำเป็น . .เพราะชั้นเป็นคู่หู!! ]
[ เธอพูดอะไรออกมาเนี้ย โอ้ยผมจะเป็นบ้าเพราะปวดหัวกับเธอจริงๆ แบบนี้ต้องลงโทษกันหน่อยแล้วนะ !!! ]
[ !? ยู– หยุดนะ . .—–!! ]
เมื่อที่ผมได้จั๊กกะจี้เธอนั้น เธอชักดิ้นชักงอใหญ่เลย เหมือนเธอจะเส้นตื่นเอามากๆ เอ๊ะหรือว่านี้คือจุดอ่อนของเธอกันนะ !
เอาละ หึๆ ดูเหมือนว่าการจั๊กกะจี้จะกลายเป็นการลงโทษหลักสำหรับตอนนี้นะ หึๆ. . .
—————————
[ ที่นี่หรอครับ? ]
[ ใช่แล้ว ชั้นเป็นขาประจำที่นี่ มันเป็นร้านเปิดโดยคนแคระ]
หลังจากรับเควสบาซิลิสก์มา ลิลลิรูริและผม กำลังจะไปมองหาอุปกรณ์ป้องกันจากร้านขายรอบๆก่อนที่จะไปร้านขายเสื้อผ้าสำหรับลิลลิรูริต่อ
หลังจากว่าไปงั้น ทรีซังได้บอกว่ารู้จักร้านดีๆร้านหนึ่ง และเธอได้พาพวกเรามาข้างหน้าร้านนี้
แต่ว่าๆก็ว่าเถอะ ผมแอบหวังเล็กๆว่า ทรีซังจะพรากความบริสุทธ์ของผมไปเมื่อเธอพาพวกเราเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยวตะกี้ แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น คงเพราะความประทับใจในตัวผมของทรีซังคงยังไม่สูงพอ
กระซิก . . .
[ มานา,พวกนั้น ]
[ หืม . .มีอะไรหรอครับ ]
ลิลลิรูริที่นั่งอยู่บนใหล่ผมจู่ๆก็สนใจร้านข้างหน้าพวกเราพร้อมกับพึมพัมออกมา
[ มานาพวกนั้น , มันไหลออกมา,ด้านใน,นั้น ]
[ มานา? ทำไมหรอครับ? ]
ขณะที่ผมกำลังไม่ค่อยเข้าใจที่ลิลลิรูริพูดออกมา ทรีซังก็ได้ไขกระจ่างข้อสงสัยผมให้ . .
[สมแล้วที่เป็นชาวเอลฟ์ ถูกต้องแล้วจ้ะ สินค้าหลักของที่นี่คือ มาเค็น . ]
อ่าใช่แล้ว พวกคุณคงคิดว่ามาเค็น = ดาบที่ชั่วร้าย สินะ
ขอโทษด้วยครับที่ทำให้คุณเข้าใจผิด อาจเป็นเพราะในเรื่องนี้มีคำว่า(ดาบศักดิ์สิทธิ์) โผล่มา 2-3 ครั้ง เพราะงั้นจะเข้าใจว่าเป็นดาบชั่วร้ายนั้นมันก็ช่วยไม่ได้
มาเค็นในที่นี้หมายถึงอาวุธที่ได้รับพลังพิเศษจากเวทย์มนตร์ เพราะงั้น ถึงแม้อาวุธส่วนใหญ่จะเป็นดาบก็เถอะ ถึงเป็นขวานที่รับพลังพิเศษก็เรียกมาเค็นอยู่ดี อ้าวแล้วหอกที่เรียกว่ามายาริสน่ะหรอ นั้นก็ถูกเหมารวมอยู่ในพวกมาเค็นอยู่ดี
ดาบที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์ แต่มันยาวไปเขาเลยเรียก มาเค็น แทนกัน
[ ที่ร้านนี้มีอาวุธเวทย์เป็นสินค้าหลัก แสดงว่าพวกเขามี”สกิล”สินะครับ ]
[ ฟุฟุ. . ยูยะ มองยังไงเธอก็ดูไม่เหมือนมือใหม่เลยนะ ]
ทรีซังหัวเราะออกมาเพราะคำพูดของผม
เพราะว่ามันฟังดูบ้ามากที่พูดออกมาอย่างงั้น มันไม่มีทางเลยที่จะทำกำไรจากการขายอาวุธเวทย์มนตร์เป็นสินค้าหลักของร้าน เพราะอาวุธเวทย์มนต์มันไม่ค่อยแน่นอน มันก็ดีนะที่อาวุธมีพลังพิเศษอยู่ในตัว แต่ดูเหมือนว่าพอใช้บ่อยๆแล้ว ”คอร์” ในอุปกรณ์เวทย์มนต์จะเสื่อมลง และนั้นอาวุธสุดแกร่งจะกลายเป็นกากในทันที
ผมเคยเห็นคนที่ประสบเหตุเลวร้ายเกี่ยวกับมันครั้งหนึ่ง มันเป็นดาบที่มีพลังในการตัดได้ทุกส่วน แต่พอใช้ไปเรื่อยๆดาบมันก็ตัดส่วนบนของตัวเองออกสะงั้น
ผมนี้โครตตกใจเลย (ถึงอย่างงั้นคนรู้จักผมที่เป็นจอมเวทย์หลวงก็ยังเก็บดาบหักนั้นไว้ใช้อยู่ดี เพราะดูเหมือนว่าดาบนั้นจะมีสกิลพิเศษที่ชื่อ “ฟื้นฟูมานา” ก็ถือว่าดีอยู่หรอกนะ)
และอีกอย่าง การที่คนๆนั้นจะมี “สกิล” สำหรับสร้างอาวุธเวทย์นั้น จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ทางด้านช่างตีเหล็กและจอมเวทย์ค่อนค้างสูงทีเดียว ดูเหมือนมันจะทำให้อาวุธเสื่อมสภาพได้ช้าลงและมีคุณภาพสูง
อาวุธเวทย์มนต์ที่ถูกสร้างโดยช่างตีเหล็กในตำนานนั้นมีความสามารถสูงมาก และชื่อของมันยังคงถูกเล่าขานเป็นตำนานของโลกใบนี้
อาวุธเวทย์มนต์ที่เป็นยอดนิยมก็ (ดาบที่ใช้ปราบมังกร) มั้ง แน่นอนมันถูกสร้างโดยชิ้นส่วนของมังกรนั้นแหละ ชื่อของมันถ้าให้ตั้งคงประมาณ “คมเขี้ยวมังกรสวรรค์” ประมาณนี้ละมั้ง
อ่าโทษๆ เรากลับมาเรื่องหลักกันต่อดีกว่า
ในอีกความหมายก็คือ ถ้าหากคุณอยากจะทำธุรกิจขายพวกอาวุธเวทย์มนต์ล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้นอกเสียจากคุณมี ”สกิล” ของช่างตีเหล็กขั้นสูง
[ แต่เท่าที่รู้มา มันแพงมากไม่ใช่หรอครับ]
ใช่แล้ว อาวุธเวทย์ที่ถูกสร้างโดย”สกิล”ช่างตีเหล็กขั้นสูงนั้น แพงโครตๆ
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละชิ้นด้วย บางอันนี้ขนาดซื้อปราสาทได้หลังหนึ่งเลย
[ ถึงที่นี่จะขายอาวุธเวทย์มนต์เป็นสินค้าหลัก แต่มันก็ไม่ดีขนาดเป็นของชั้น 1 หรอกนะ แต่ถ้าเธอมองอาวุธที่ไม่ใช่อาวุธเวทย์มนต์ล่ะก็ เชิญเธอด้านในเลย ]
ก็นะ ที่จริงผมคิดๆมาตั้งแต่ก่อนออกมาซื้อแล้ว ต่อให้วันนี้ผมซื้อได้กิ่งไม้กลับไปผมก็สู้ได้แบบชิวๆ ดังนั้นถ้าได้หอกดีๆไปวันนี้ก็ถือว่าโชคดีไปละกัน
[ ถ้างั้น ทำไมเราไม่เข้าไปดูข้างในกัน ]
ผมยังไม่ทันจะตอบ ทรีซังก็เปิดประตูเข้าไปซะแล้ว
ตอนนี้นั้นผมบังเอิญไปเห็น ชุดป้องกันด้านหลังของทรีซัง . . .
มันเป็นแบบ T-back !!!
สมกับที่คาดหวังไว้จริงๆครับทรีซัง . .
คุณเข้าใจอย่างท่องแท้ในเรื่องชุดอีโรติก !!
[ มู่– ยู. . มองแต่ . .ก้นทรีซัง ]
[ โอ้ยๆๆ อย่าดึงผมช้านนน ผมยังอยากมีผมจนอายุ 60 อยู่นะ ]
ขณะที่ผมกำลังอดกลั้นบางอย่างด้วยความเจ็บปวด . . .
แน่นอนมันคือการอดกลั้นจากการถูกล่อลวงโดยก้นของทรีซัง . .
ผมก็ได้เดินตามเข้าร้านไป . . .