ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา - ตอนที่ 11
Ch.11 – แผนกผู้กล้าและแผนกสามัญ
Translator : Reheikichi / Author
ชีวิตในรั้วโรงเรียนของผมผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว
วันนี้นักเรียนม.ปลายปี 1 ห้อง D มารวมกันในห้องขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่าสนามฝีกซ้อม
[ วันนี้เราจะมาฝึกปฏิบัติด้านเวทมนตร์กันค่ะ โดยใช้เวทมนตร์ระยะไกล ]
อาจารย์ซิลเฟียซึ่งเป็นผู้สอนเวทมนตร์พูดออกมา
โดยในสนามฝึกซ้อมมีเป้ารูปวงกลมถูกติดไว้บนผนังอย่างชัดเจน ดูเหมือนจะฝึกเวทมนตร์ระยะไกลกับสิ่งนั้น
[ นักเรียนทุกคนจะใช้ไม้เท้าให้เข้ากับสไตล์ตัวเองก็ได้ค่ะ แน่นอนว่าจะใช้มือเปล่าก็ไม่ว่ากันนะคะ หากไม่ไหว ฉันแนะนำให้ใช้ไม้เท้าจะแน่นอนกว่าค่ะ ]
อาจารย์อธิบาย
ในตอนนั้นก็มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งยกมือและพูดขึ้น
[ อาจารย์ ผมถนัดเวทมนตร์ระยะใกล้มากกว่า การฝึกแบบนี้จำเป็นด้วยเหรอ? ]
[ รู้ไว้ก็ไม่เลวร้ายหรอกค่ะ เพราะยังไงเวทมนตร์ระยะไกลก็มีหลากหลายแบบ มันจะสะดวกมากเลยค่ะหากจดจำไว้ เป็นการรักษาระยะกับศัตรูและทำให้หาระยะที่สามารถสนับสนุนเพื่อนได้ จึงแนะนำว่าให้รู้ไว้ดีกว่าค่ะ ]
คำอธิบายของอาจารย์ฟังดูมีเหตุผล นักเรียนที่ยกมือขึ้นก็พยักหน้าเช่นกัน
จากนั้นนักเรียนอีกคนก็ยกมือขึ้นอีก ซึ่งเป็นนักเรียนของแผนกสามัญ
[ อ เอ่อ การฝึกเวทมนตร์ที่ใช้ต่อสู้ แผนกสามัญเองก็ต้องฝึกด้วยเหรอคะ? ]
บางทีนักเรียนของแผนกสามัญคนอื่นก็คงจะอยากถามแบบเดียวกัน
นักเรียนประมาณครึ่งห้องรอคำตอบจากอาจารย์ซิลเฟีย
[ ขอโทษด้วยค่ะที่อาจทำให้เข้าใจผิด แต่จุดประสงค์ของการฝึกนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อการใช้เวทมนตร์ระยะไกลเท่านั้น แต่ยังเพื่อฝึกการควบคุมเวทมนตร์ให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นวิธีการตรวจสอบว่าตนควบคุมเวทมนตร์ได้ดีแค่ไหนด้วยค่ะ ]
อาจารย์ซิลเฟียถอดสร้อยข้อมือสีเงินออกขณะที่พูด
ปลายนิ้วของอาจารย์เปล่งแสงจางๆ จากนั้นรูปร่างของสร้อยข้อมือก็เปลี่ยนไปในทันทีกลายเป็นนกสีจางๆ
นักเรียนหญิงคนที่ถามเมื่อครู่พลางพูดว่า [ สวยจัง… ] เมื่อเห็นนกตัวนั้น
[ นี่คือเวทมนตร์ที่มีชื่อว่า《แปรธาตุ》จัดอยู่ในประเภทเวทมนตร์ระยะใกล้ เวทมตร์ที่จำเพื่อเป็นนักผจญภัยหรืออัศวินแล้ว เวทมนตร์ยังมีประโยชน์มากในชีวิตประจำวันทั่วไป ดังนั้นสิ่งจำเป็นในการใช้เวทมนตร์―― ]
ขณะที่นกแปรธาตุตัวนั้นกลับเป็นสร้อยคออีกครั้งและอาจารย์ซิลเฟียหันหน้าไปยังเป้า
ยื่นฝ่ามือออกมา จากนั้นก็มีลูกบอลน้ำห้าลูกถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน
บอลน้ำห้าลูกเข้าเป้าทั้งหมด
[ ――อย่างน้อยก็ต้องมีความแม่นยำค่ะ ]
เหล่านักเรียนปรบมือ อาจารย์ซิลเฟียโค้งตัวเล็กน้อยและทำท่าทีเขินอาย
ทักษะระดับสูง อาจจะ… เป็นอาจารย์ของผู้กล้าหรือเปล่านะ?
ผู้กล้าคนที่สี่ชิออน เบรุสมีฝีมือทั้งด้านดาบและเวทมนตร์ ปรมาจารย์ด้านดาบที่สอนให้คืออาจารย์ฟาร์เนส ถ้างั้นเวทมนตร์ก็อาจเป็นอาจารย์ซิลเฟีย
[ เอาล่ะค่ะ ถ้างั้นมาเริ่มกันเลย เวทมนตร์มีหลายชนิด ใช้ได้ตามที่ถนัดได้เลยค่ะ แต่ระวังอย่าให้พลังเวทหมดกันนะคะ ]
หลังจากนั้น อาจารย์ซิลเฟียก็พูดเสริมราวกับเพิ่งจำได้
[ นอกจากนี้… ขอให้แน่ใจว่าตัวเองใช้เวทมนตร์ระดับ D ขึ้นไปด้วยนะคะ แน่นอนว่าหากใช้เวทมนตร์ระดับ C หรือ B ได้ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ]
เวทมนตร์แบ่งระดับตั้งแต่ E จนถึง S ตามระดับความยาก
ระดับ D เป็นระดับที่ทุกคนใช้ได้หากฝึกฝน
นักเรียนทุกคนอายุประมาณ 15 ถึง 16 ก็มักจะใช้เวทมนตร์ระดับ D ได้อยู่บ้าง อาจารย์ซิลเฟียก็คงไม่ได้ตั้งใจมอบแบบทดสอบโหดหินให้หรอก แต่ทว่า-
[ อาจารย์ซิลเฟีย ]
ผมเข้าไปหาคุยกับอาจารย์ซิลเฟีย ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ เริ่มฝึกซ้อมกันไปแล้ว
[ เวทมนตร์ 《กระสุนเวท》ไม่ได้เหรอครับ ]
[ นั่นสินะคะ … 《กระสุนเวท》 เป็นเวทมนตร์ระดับ E ประเภทยิงระยะไกลที่ง่ายที่สุด ลองฝึกใช้เวทมนตร์ที่ยากขึ้นกว่านี้ดีกว่านะคะ ]
[ … เข้าใจแล้วครับ ]
ไม่มีความช่วยเหลือใดๆ ผมพนักหน้าและกลับส้นเท้า
เวทมนตร์ระดับ E เป็นเวทมนตร์ที่แม้แต่ผู้ฝึกเริ่มต้นก็ใช้ได้ในไม่กี่วัน เวทมนตร์ที่เด็ก 5 หรือ 6 ขวบ―― กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเด็กประถมที่เพิ่งเข้าเรียนใช้ได้ทุกคน
――ก็ผมมันอ่อนนี่น้า
จะทำตัวเด่นในที่แบบนี้ก็ไม่ดีด้วยสิ
ขณะที่จมกับความความอคติในหัว ผมก็ได้ยินเสียงคุยกันของเหล่านักเรียน
พวกเขาต่างส่งสายตานับถือไปยังอลิเซีย
[ ยอดเลย… คุณอลิเซียเก่งเรื่องเวทมนตร์ยิงจัง ]
[ สุดยอดเลยล่ะ ในการต่อสู้จำลองของแผนกผู้กล้า เธอแข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้ ]
[ สมแล้วล่ะที่เป็นปีหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ว่าแต่จริงเหรอที่เธอเอาชนะอาจารย์ตอนสอบเข้าได้นะ? ]
[ ความจริงตอนนั้นฉันก็อยู่ที่นั่นด้วยล่ะ ได้ยินข่าวลือว่าในกองอัศวินยังมีไม่กี่คนหรอกนะที่ปะมือกับอาจารย์ฟาร์เนสได้ ]
เห็นได้ชัดเลยว่าอลิเซียกลายเป็นคนดังไปแล้ว
ผมยืนขณะที่เล็งไปยังเป้าพลางฟังข่าวลือไปด้วยกัน
ผมใช้เวทมนตร์ระดับ D 《บอลไฟ》
แต่รูปร่างของมันไม่เสถียรจนหายไปก่อนจะไปถึงเป้า
[ ปุ๊… ]
นักเรียนแผนกผู้กล้าด้านหลังหัวเราะ
[ เฮ้ เห็นปะ เมื่อกี้มันหายไปก่อนจะถึงเป้าวะ ]
[ กระทั่งเวทมนตร์ระดับ D ก็ยังใช้ไม่ได้เนี่ยนะ ]
[ ก็นี่ละน้า แผนกสามัญ ]
จะโดนหัวเราะเยาะก็ไม่แปลก… ก็ผมมันไร้ความสามารถ
อย่างที่ผมเคยพูดกับเอลีเซียไว้ สำหรับผมแล้วไม่ใช่ [ แสร้งว่าทำไม่ได้ ] แต่ [ ทำไม่ได้ ] ต่างหาก ผมใช้บอลไฟไม่ได้จริงๆ
การควบคุมพลังเวทมนตร์เรอะ ไม่ใช่เรื่องแบบนั้น
แต่เพราะผมแทบไม่ได้ใช้บอลไฟเลย ผมเรียนรู้เวทมนตร์นี้ไว้เป็นความรู้ แต่ใช้จริงแค่เพียงสองถึงสามครั้งเท่านั้น มันจึงล้มเหลวเพราะขาดฝึก
การประเมินจากองค์กรส่วนใหญ่จะวัดที่อัตราความสำเร็จของภารกิจ ไม่สนใจวิธีการ ดังนั้นสำหรับผมแล้วการใช้วิธีที่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดโดยไม่สนวิธีการว่ามันจะดูดีหรือไม่ก็ตาม
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เวทมนตร์ที่จำเป็นจะถูกสอนมาอย่างละเอียด แต่ในทางกลับกัน เวทมนตร์ที่ไร้ประโยชน์จะไม่ได้รับการสอนเลย
ด้วยเหตุนี้ ไม่ใช่เฉพาะผม แต่คนในองค์กรต่างใช้ได้แต่ [ เวทมนตร์ที่ใช้ประโยชน์ได้ ] และใช้ [ เวทมนตร์ที่ไร้ประโยชน์ ] ไม่ได้
[ ถอยไป เจ้าแผนกสามัญ ]
ทันใดนั้นก็มีนักเรียนคนหนึ่งมาจากด้านหลังและผลักผมออกไป
นั่นคือซิคจากแผนกผู้กล้า ชายคนที่เสียหน้าเพราะผมไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
[ เฮ้ย หยุดเดี๋ยวนี้ ]
กุเร็นขัดซิค
[ ทรูเอทยังซ้อมอยู่ ]
[ ฮ่า ๆ ไอ้พวกแผนกสามัญจะฝึกขนาดไหนมันก็เปล่าประโยชน์ ]
[ ว่าไงนะแก ]
กุเร็นโกรธ ขณะที่ซิคมีท่าทีหยิ่งผยอง
ขณะที่อาจารย์ซิลเฟียกำลังสอนนักเรียนคนอื่นๆ อยู่ไกลๆ จนไม่เห็นทางนี้
ผมจับไหล่ของกุเร็นไว้
[ กุเร็นพอเถอะ ไม่เป็นไร ]
[ แต่―― ]
[ เรื่องที่ฉันไม่มีฝีมือมันเป็นเรื่องจริงนี่นา ]
ผมพูดออกมา กุเร็นหลบสายตาขณะที่กัดฟันแน่นและถอยห่างจากซิค
ขณะที่ซิคและนักเรียนแผนกผู้กล้าคนอื่นๆ ที่มาด้วยกัน ต่างหัวเราะเยาะใส่