ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา - ตอนที่ 18
Ch.18 – การแก้แค้นอย่างถูกวิธี
Translator : Reheikichi / Author
วันต่อมาหลังจากพบกับคริส
ผมเดินไปที่โรงอาหารและเจอกับเอลิเซียที่จ้องเขม็งมาที่ผมด้วยเหตุผลบางประการ
[ นายชอบคนอายุมากกว่างั้นเหรอ? ]
เพราะคำพูดกระทันหันของเอลิเซีย ผมจึงชะงักไปชั่วครู่
แต่ก็เข้าใจถึงสิ่งที่เธอหมายถึงได้ทันที
[ …พูดถึงเรื่องเมื่อวานเหรอ? ]
ท่ามกลางบทสนทนาของผมกับเอลิเซีย ยังมีกุเร็นและมิเซ่กำลังจ้องมาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
ผมพลางถอนหายใจ เพราะดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจผิด
[ นั่นมันหัวหน้าเก่าผมต่างหาก ]
[ หัวหน้า? หมายถึง… งานทำความสะอาดที่นายทำก่อนมาเข้าโรงเรียนน่ะเหรอ? ]
[ อา ดังนั้นมันไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ที่พิเศษหรอก เมื่อวานเธอก็แค่มาดูว่าผมไปได้ดีกับที่โรงเรียนรึเปล่าเท่านั้นเอง ]
[ ….หิม ดูเธอจะเป็นเอาใจใส่นายมากเลยนะ ]
เอลิเซียมองผมด้วยสายตาขุ่นเคือง
ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าไปทำอะไรให้เธอโกรธกันนะ ดูเหมือนสำหรับเอลิเซียผมจะยังเป็น ‘คนน่าสงสัย’ ล่ะนะ
[ เมื่อวานมีเรื่องอะไรกันเหรอ? ]
[ ฉันเองก็อยากรู้ ]
กุเร็นและมิเซ่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พูดตามตรง มันเข้าอีหรอบเดิมอีกแล้วสิ
เอาล่ะ จะหาข้ออ้างอะไรมาดี――
[ เฮ้ แก ]
ผมโดนใครสักคนทักจากข้างหลัง
เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบกับซิคและคนติดตามซิคสองคนยืนอยู่
[ ซิค… ]
เอลิเซียจ้องมองซิคด้วยสายตาระแวง แน่นอน เพราะเมื่อวานก่อนซิคถึงขนาดจะฆ่าประชาชนกลางที่สาธารณะเลย ภาพในความทรงจำจึงยังจำได้ชัดเจน
[ แน่นอน ฉันกำลังพูดกับแกทรูเอท ]
[ … อา มีอะไรเหรอ? ]
[ มาดวลกัน ]
ด้วยคำๆ เดียวของซิคทำให้รอบข้างต่างเงียบกันหมด
ดวล ความหมายตามที่รู้กันดี เดิมทีมันเป็นมาตรการที่ใช้ขจัดความขัดแย้งระหว่างขุนนางด้วยกัน แสดงถึงสัญญาที่จะเดิมพันของภาคภูมิใจของทั้งสองฝ่าย โดยการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปเหล่าขุนนางก็เห็นว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องป่าเถื่อน จำนวนขุนนางที่ใช้การดวลตัดสินกันจึงลดลงอย่างรวดเร็ว
พูดง่ายๆ การดวลที่ซิคหมายถึงคือ “การดวลอย่างเป็นทางการ”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อกี้เขาอาจตั้งใจจะพูดว่า [ ขออนุญาต แต่เรามาต่อสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งได้ไหม? ] อย่างสุภาพแบบนี้ล่ะมั้ง
[ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับโรงเรียนนี้ ในปีๆ หนึ่งที่โรงเรียนนี้ก็มีการดวลกันหลายครั้งและสาเหตุส่วนใหญ่ก็คือพวกสามัญชนที่มาหาเรื่องขุนนาง… ฮึ เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ ไม่ว่าตอนไหนพวกสามัญชนมันก็โง่เขลากันจังนะ ]
[ …จำไม่ได้เลยนะ ว่าผมไปหาเรื่องตอนไหน? ]
[ หน๊อยแก อย่าบอกนะว่าแกลืมเรื่องเมื่อสองวันก่อนไปแล้วนะ! ]
พวกเขาเริ่มล้อมและก่นด่าผม
ผมถอนหายใจ ให้มันได้แบบนี้สิ
[ สามัญชนธรรมดาอย่างแก บังอาจมาทำเรื่องหยาบคายกับฉันที่เป็นถึงลูกชายคนโตของบารอนฟัลชิออน! หากเป็นในดินแดนของฉัน ฉันคงตัดคอแกไปแล้ว! แกมันเป็นคนที่ต้องโดนตัดสินโทษ! ]
เอลิเซียที่เห็นถึงความไร้เหตุผลของเขา จึงได้พูดว่า
[ ซิค นายลืมกฏของโรงเรียนราชวงศ์ไปแล้วรึไง? สถานะทางสังคมไม่สามารถใช้ได้ตราบใดที่ยังเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ ไม่ว่าจะขุนนางหรือสามัญชนก็มีตำแหน่งเท่าเทียมกัน ตราบที่ยังเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ ]
[ หนวกหู! ถึงเธอจะเป็นนักเรียนแผนกผู้กล้าเหมือนกัน แต่ยังไงก็ยังเป็นสามัญชนอยู่วันยังค่ำ! ]
ซิคทำท่าจะชกไปยังเอลิเซีย
แต่กุเร็นที่อยู่ใกล้ตัวเธอ คว้ามือของเขาและหยุดไว้ได้ทัน
[ เฮ้ การดวลยังไม่เริ่มเลยไม่ใช่รึไง? ]
[ ปล่อยมือซะ เจ้าสามัญชน! ]
[ หยุดซะ ――ครั้งต่อไป ฉันจะไม่หยุดแค่คว้ามือไว้แน่ ]
กุเร็นจ้องมองซิคราวจะกินเลือดกินเนื้อ
ซิคที่โดนสายตาของกุเร็นกดดัน เริ่มรู้สึกสับสนเล็กน้อย
[ คะ คนนอกน่ะถอยไป คนที่ฉันมีธุระด้วยคือทรูเอทคนเดียว ]
จากนั้นซิคก็จ้องมองมายังผม
ผมรู้สึกเหมือนโดนเพื่อนร่วมชั้นจ้องมองไปด้วย เพราะเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เราจะตอบโต้กลับ ทำให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นพลอยโดนหางเลขไปด้วย ดังนั้นการหนีก็เหมือนไฟจะลามไปที่คนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราด้วย ผมจึงก้มหน้าลง
[ ขอโทษด้วย ถ้าทำให้นายขุ่นเคือง ช่วยยกโทษให้ผมได้ไหม? ]
[ จะขอโทษไปก็เท่านั้น ฉันจะทำให้แกต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะ ]
ซิคและเพื่อนของเขาพูดพลางแสยะยิ้ม
[ …รสนิยมแย่จังแฮะ ]
[ นี่ไม่ใช่รสนิยม แต่เป็นการแสดงโชว์ โชว์ให้พวกสามัญชนอย่างพวกแกรู้ว่าเวลามาต่อต้านขุนนางจะเป็นยังไง ดังนั้นมาดวลกับฉันซะดีๆ ]
ผู้ติดตามของซิคพยักหน้าและพูดว่า [ ใช่ ใช่ ]
ผมเองก็เริ่มถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน
ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าตัวเองที่ระงับความโกรธของตัวเองได้ดี น่าประหลาดที่กับซิคกับความโกรธมันกลับระงับไม่อยู่
ไม่เคยทะเลาะกับเด็กแบบนี้ด้วยสิ
ผมคิดในใจพลางถอนหายใจ
[ ให้เหตุผลได้แย่จังนะ สุดท้ายก็แค่อยากแก้แค้นผมสินะ หาเหตุผลในการดวลดีๆ ไม่ได้แล้วรึไงกัน สุดท้ายสิ่งที่นายเห็นก็มีแต่การต่อสู้ไร้ค่าน่าสมเพซสินะ ]
ผมพูดออกมาโดยไม่ได้สนใจว่าใครจะตอบคำถามกลับมารึไม่
ซีดโกรธจนหน้าแดง
[ หุบปาก! แกทำให้ฉันเสียเกียรติ ดังนั้นนี่คือการแก้แค้นของฉัน! ]
ต่อหน้าความโกรธของซิค ทำให้คนยิ่งมามุงดูกันมากขึ้น
แต่ปฏิกิริยาคำแรกที่พูดออกมาไม่ใช่ผม แต่เป็นเอลิเซีย
[ …แก้แค้นเหรอ? ]
เอลิเซียรู้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เธอส่งสายตาความเป็นศัตรูไปทางซิคและสายตาลึกลับมายังผม
[ ทรูเอท… แล้วนายจะทำยังไงล่ะ? ]
ทันใดนั้นเอลิเซียก็เปลี่ยนท่าทีและจับจ้องมาที่ผม
[ …เปลี่ยนใจกระทันหันแล้วนะ ]
[ ฉันไม่คิดจะปกป้องซิคหรอกนะ สำหรับพวกขุนนางแล้วการเสียหน้าเป็นเรื่องยอมไม่ได้… แต่ถ้านายปฏิเสธตอนนี้เรื่องมันจะยิ่งแย่กว่าเดิมก็ได้ ]
เข้าใจล่ะ สมเหตุสมผลดี
ถ้างั้นจะเลือกวิธีรับคำท้าดวลก็ไม่เป็นไรสินะ…?
[ ตกลง มาดวลกัน ]
ผมรับคำท้าดวลอย่างไม่เต็มใจ ขณะที่ซิคแผดเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเพราะเชื่อมั่นใจชัยชนะ