ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา - ตอนที่ 37
Ch.37 – ชีวิตประจำวันมันเปราะบาง
Translator : Reheikichi / Author
หลังจบเรียนเภสัชเวท ในตอนพักกลางวัน
ผม กุเร็น และมิเซ่ไปหามิเซ่ที่อยู่แผนกผู้กล้าและมุ่งหน้าไปยังลานสนามหญ้า
พักนี้เราสี่คนมักจะมาทานมื้อเที่ยงกันที่นี่
[ หรือก็คือ ทรูเอททำเรื่องพิลึกอีกแล้วสินะ ]
มิเซ่และกุเร็นอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนเภสัชเวทให้เธอฟัง เอลิเซียมองผมพลางถอนหายใจไปด้วย
[ เข้าโรงเรียนมาก็สองเดือน… เลยเริ่มเผยหางออกมาทีละนิดเหรอ ]
[ …ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ]
ผมปฏิเสธไปและนึกถึงเรื่องเมื่อเดือนก่อน
ตั้งแต่เรื่องวุ่นวาย―― เรื่องการแก้แค้นของเอลิเซียจบลง ถึงเธอจะพอรู้ว่าผมมีพิรุธแต่จริงๆ ก็ยังไม่รู้ว่าผมเป็นใครอยู่ดีและผมเองก็ปฏิเสธไปตามน้ำเพราะไม่อยากให้เอลิเซียรู้เรื่องมากเกินไป แต่บางครั้งเธอก็จะตามตื้อถามไม่เลิกเหมือนกัน
[ หืมม… นายมีประสบการณ์แบบนั้นเหรอ? ]
เอลิเซียโน้มตัวมาทางผมและถามด้วยน้ำเสียงแบบมีเลศนัย
[ ประสบการณ์แบบนั้น? หมายถึงอะไรนะ? ]
[ ก็อย่าง… การวางยา ]
เมื่อได้ยินผมจึงถอนหายใจออกมาเสียงดัง
[ ไม่มีหรอก ประสบการณ์พรรค์นั้นน่ะ ]
[ น นั่นสิน้า นายคงไม่ทำเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก ]
[ อา โดยทั่วไปอุปกรณ์เวทก็มีไว้เพื่อป้องกันเวท หากอยาากทำยาพิษทำไมไม่ใช้เภสัชสุทธิ(ยาเฉพาะทาง)ไม่ใช่เภสัชเวท(ยาเพื่อทางเวทมนตร์) …มันก็เหมือนการทำอาหาร หากอยากฆ่าใครสักคนจริงๆ ใช้วิธีแบบถูกต้องดีกว่า ]
[ หืม จริงเหรอ? ตกลงนายเคยวางยาใครสักคนสินะ? ]
เอลิเซียสงสัยในตัวผมมากยิ่งกว่าเดิม
เธอมองเข้ามาในใบหน้าของผมราวกับจะค้นหาว่าปิดบังอะไรอยู่
ขณะที่กุเร็นและมิเซ่ เฝ้าดูการคุยกันของผมกับเอลิเซียอยู่ห่างๆ
[ นี่ พวกนายไม่ได้คบกันอยู่จริงๆ เหรอ? ]
กุเร็นพูดขณะที่ราวกับมีเส้นสีฟ้าบนหน้าผาก
เอลิเซียหันกลับมามองผมราวกับจะถามว่าจะตอบไปยังไงดี ผมจึงถอยห่างเธอและกระแอม
[ ‘ตอนนี้’ยังไม่ได้คบกัน ใช่มั้ยทรูเอท? ]
[ อา ]
เธอจะเน้นเสียงคำว่า ‘ตอนนี้’ แต่ที่เธอพูดก็ถูกต้องแล้ว
จากปรากฏการณ์ประหลาด ทำให้เกิดเข้าใจผิดว่าผมกับเอลิเซียเป็นคนรักกัน
จุดเริ่มต้นมาจากที่ผมยอมให้เธอจูบเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เธอเลิกแก้แค้น อย่างไรก็ตามหากมาคิดดีๆ ก็รู้ว่าจริงๆ แล้วใช่ว่าจะต้องการจะจูบจริง แต่เพราะหมดหนทางที่จะปกป้องชีวิตประจำวันตรงหน้าจึงต้องทำไป หลังจากเอลิเซียสูญเสียความเกลียดชังไปและกลับมาได้สติก็เป็นซะแบบนี้
ดังนั้นผมจึงบอกทั้งสองคนว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ――ซึ่งเอลิเซียไม่ยอมรับหรอก
เอลิเซียเองก็เห็นด้วยว่าให้มันเป็น ‘ เรื่องเข้าใจผิด’ แต่ว่าตั้งแต่ตอนนั้นเวลาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเธอก็จะโกรธหน้าบึ้งทุกที
นี่ผมควรพูดออกไปว่ายังไงล่ะ แต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็เหมือนใส่ไฟในน้ำมัน ผมจึงกินมื้อเที่ยงต่อไปอย่างเงียบๆ
ขณะที่เคี้ยวขนมปังผมก็หันไปมองมิเซ่
มื้อเที่ยงที่หลากหลายสีสันสดใส เธอหยิบชิ้นเล็กๆ และทานและน้อยดูมีมารยาท จึงดูไม่เหมือนเด็กผู้หญิงที่อายุใกล้เคียงกัน
[ คิดมาตลอดเลย ท่าทางกินของมิเซ่ดูสง่างามจังนะ ]
[ สะ สง่างาม!? มะ ไม่จริงสักหน่อยค่ะ! ]
มิเซ่ตอบกลับเสียงถามให้กับเอลิเซีย
[ ใช่ๆ รู้สึกได้ถึงมารยาทเลยล่ะ จะบอกว่าเป็นลูกขุนนางยังเชื่อเลย ]
[ ม ม ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ! ฉันเป็นคนตะกละจะตายไป!! กินคำใหญ่ๆ แบบนี้―――― เฮ็นฮั้ยฮะ(เห็นมั้ยคะ)? แค่กแค่กแค่ก ]
มิเซ่พยายามอ้าปากกว้างและกินมูมมาม โดยกินไข่ดาวสามฟองทีเดียว แต่สุดท้ายดูเหมือนจะติดคอจนสำลักออกมา
ไม่รู้ว่าเอลิเซียกับกุเร็นรู้ตัวรึเปล่า… แต่เห็นได้ชัดเลยว่ามิเซ่มีเรื่องปิดบังอยู่
ถ้าเจ้าตัวไม่อยากบอกก็อย่าไปยุ่งเลย
เรื่องที่ปิดบังไว้อย่าก้าวเข้าไปแส่หาเรื่องจะดีที่สุด
หนึ่งเดือนก่อน
จากกรณีของเอลิเซีย ทำให้ผมรู้ถึงความเปราะบางของชีวิตประจำวันแล้ว
ชีวิตประจำวันแสนธรรมดาจะพังทลายก็ไม่แปลกเลยในตอนนั้น
มันยากมากเลยนะ กว่าจะทำให้ชีวิตประจำวันกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง
ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้ชีวิตประจำวันแข็งแกร่ง
ไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์ลำบากและภัยพิบัติแบบไหน ผมก็เคยปรารถนาว่าจะได้ชีวิตประจำวันที่แข็งแกร่งแบบนั้น
แต่―― หลังจากผ่านมาหนึ่งเดือนทำให้ผมรู้ว่ามันเปราะบางแค่ไหน
และจะยังเปราะบางแบบนี้ต่อไป…
แต่เพราะเปราะบางจึงเรียกว่าชีวิตประจำวัน…
มันเปราะบางเป้นธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนความคิด การทำให้ชีวิตประจำวันแข็งแกร่งน่ะเป็นไปไม่ได้
ผมมีเรื่องปิดบัง
มิเซ่ก็มีเรื่องปิดบัง
เอลิเซียเองก็มีเรื่องปิดบัง
และแน่ใจว่ากุเร็นเองก็เจอสถานการณ์ซับซ้อนไม่แพ้กัน
ชีวิตประจำวันถูกสร้างจากสิ่งเหล่านั้น
ดังนั้นผู้คนจึงใช้ชีวิตประจำวันกันอย่างระมัดระวัง ไม่พลาดที่จะเอาใจใส่อีกฝ่าย อย่าสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น เพราะพวกเขาคุ้นเคยถึงความเปราะบางของชีวิตประจำวันจึงพยายามอยู่ทุกวันเพื่อไม่ให้มันถูกทำลายลง
――บางทีก็ต้องเมินเฉยกับเรื่องบางเรื่อง
ก่อนหน้านี้ผมรับรู้เรื่องมากมายได้จากชีวิตประจำวัน
แน่นอนว่าทั้งผู้คน ผู้กล้า หรือองค์กรของเราต่างก็ปราบจอมมารก็ปกป้องชีวิตประจำวันไว้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่พวกเราที่เอาแต่ใช้ชีวิตประจำวันตรงนี้ ไม่ใช่แค่พวกเราที่ปกป้องชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นพวกเขาด้วย
ผมยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้จากพวกเขาอีกเยอะ
นี่ก็ถือเป็นความสุขสำหรับผมเหมือนกัน
[ … หืม? ]
ผมรู้สึกถึงแรงกระตุกช่วงเอว จึงหยุดกินขนมปังทันที
กระเป๋าสั่นเล็กน้อย
ดูเหมือนจะเป็น ‘กระดาษสื่อสาร’
[ โทษที ขอตัวสักเดี๋ยวนะ ]
ผมพูดสั้นๆ และลุกขึ้นยืน
เพราะอะไรไม่รู้แต่ลางสังหรณ์ไม่ดีเลยแฮะ