ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา - ตอนที่ 50
Ch.50 – เมืองหลวงช่างสงบสุข
Translator : Reheikichi / Author
หลังจากกลับมาจากกิลด์ เราสี่คนก็ตรงไปยังหอพัก
หลังจากที่ปรึกษากันเรียบร้อย เราสี่คนตัดสินใจว่าจะรับคำขอแรกในวันพรุ่งนี้ โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดี พวกเราเลยคิดจะมารวมตัวกันที่กิลด์ในตอนบ่ายและรับคำขอในขณะที่ข้างนอกยังสว่างอยู่
ต้องเตรียมการสำหรับพรุ่งนี้แล้วสิ
ก็อยากจะเฉลิมฉลองที่ได้ใบอนุญาตนักผจญภัยหรอกนะ แต่เก็บไว้จนถึงพรุ่งนี้แล้วกัน
――มันง่ายจนน่าแปลกใจเลยล่ะ
ขณะที่เดินผมก็นึกถึงการสอบเมื่อครู่
ในการสอบการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน ผมทำผิดอยู่ก็จริงที่หันเหความสนใจของผู้คุมสอบและจัดการโกเลมในพริบตา กิลด์มาสเตอร์เองก็ไม่รู้ว่าผมทำอะไรลงไป แต่ผมก็ยังถือว่าผมมีฝีมือและไม่ได้ถามอะไรโดยไม่จำเป็น
ตั้งใจ? บางทีเขาอาจคิดว่านี่เองก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง? จะยังไงก็ช่าง ก็ถือว่าโชคเข้าข้างผมแล้วกัน
ผมรู้สึกขอบคุณกิลด์มาสเตอร์อยู่ในใจ ในตอนนั้นเองก็เหมือนจับสัมผัสบางอย่างได้
เพราะผมหยุดกระทันหัน ทั้งสามคนจึงหันมามองผมด้วยสายตาสงสัย
[ เป็นอะไรไปเหรอทรูเอท? ]
[ …โทษทีนะ นึกขึ้นได้ว่ามีธุระน่ะ ]
และผมก็แยกออกมาจากทั้งสามคน
◆
หลังจากบอกว่ามีธุระกระทันหัน เอลิเซีย กุเร็น และมิเซ่ก็อึ้งไปชั่วขณะ
สุดท้ายทั้งสามคนก็เดินกลับหอพักโดยไม่เสียเรื่อง
[ คุณทรูเอทเป็นคนแปลกๆ นะคะ ]
มิเซ่พูดเสียงแผ่วๆ
[ จะว่าแปลกดีหรือน่าสงสัยดีล่ะ ]
[ น่า ก็ไม่ธรรมดาหรอก อาจจะคุ้นเคยกับที่แปลกๆ หรืออยู่ในจุดแปลกๆ ก็ว่าได้… ]
เอลิเซียและกุเร็นเห็นด้วยกับคำพูดของมิเซ่
[ จะว่าไป ฉันเคยคุยกับทรูเอทเรื่องครอบครัวของเขามาก่อนด้วยนะ ]
กุเร็นพูดขณะที่เดินไปพร้อมกับทั้งสองคน
[ ที่เขาเล่าให้ฟังก็ไม่มีอะไรมากหรอก… ทรูเอทบอกว่ามีพี่สาวที่คอยทำหน้าที่แทนพ่อแม่… คอยทดแทนทั้งพ่อแม่… ]
จากคำพูดที่เขาบอกว่าทดแทนหน้าที่พ่อแม่
ก็หมายถึงทรูเอทอาจจะไม่มีทั้งพ่อและแม่… ไม่สิ อาจจะไม่มีครอบครัวเลย
[ อะไรแบบนั้นล่ะ ถึงจะเป็นเรื่องที่เอามาตัดสินอะไรยากอยู่ก็เถอะ ]
[ นั่นสินะ เรื่องของเขามีหลายอย่างที่ลึกลับมากเกินไป แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าควรฝืนรู้เรื่องของเขาไปจะดีไหม ]
ทรูเอทอาจไม่สังเกต―― แต่บางครั้งเอลิเซีย กุเร็น มิเซ่ก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นท่าทีลึกลับของทรูเอท และทุกครั้งก็จะถามตัวเองว่าควรจะแอบตามเขาไปดีไหม
[ ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะมีบางเรื่องที่ไม่เข้าใจเขาก็ตาม ]
เอลิเซียพูด
[ อย่างน้อยฉันก็คิดว่าทรูเอท ปกปิดไว้ไม่ใช่เพื่อให้เราอยู่ห่างๆ แต่ทำเพื่อให้เราสบายใจมากกว่า ถ้าต้องการปกปิดไว้จริงจนไม่สนอะไร เขาคงจะทำไปแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้สร้างช่องว่างระหว่างเรา แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทั้งสองคนก็รู้ใช่มั้ยว่าทรูเอทคิดถึงพวกเรามากแค่ไหนนะ? ]
ตามคำพูดของเอลิเซีย มิเซ่กับกุเร็นก็พยักหน้าอย่างช้าๆ
พวกเราพบกันมาได้สองเดือนแล้ว ต่างคนต่างก็เข้าใจว่าทรูเอทพยายามผูกมิตรด้วยดังที่เอลิเซียพูดไว้จึงถูกต้องทั้งหมด
[ ฟุมุฟุมุ ]
มิเซ่ยิ้มแป้น
[ ม มีอะไรเหรอมิเซ่ ]
[ เปล่าหรอกค่ะ… ก็แค่คิดว่าคุณเอลิเซียเนี่ยเข้าใจคุณทรูเอทดีจังนะคะ ]
[ ห๊――า!? ]
คำพูดของมิเซ่ ทำให้เอลิเซียถึงกับอารมณ์บูดไปเลย
แต่ที่เธอโกรธก็เพราะอาย―― จนทนไม่ไหวต่างหาก
เมื่อเดือนก่อน―― เอลิเซียไม่มีวันลืมที่เขาแก้แค้นโรเบิร์ตให้
เพราะคำพูดของเอลิเซีย ทำให้พวกเขาเข้าใจถึงสถานการณ์ของทรูเอทมากขึ้นไม่มากก็น้อย
[ เป็นคนที่น่าอิจฉาจริงๆ ร้อนแรงกันจังน้า ]
[ ก็บอกว่าฉันกับทรูเอทไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกันไงเล่า! ]
เมื่ออยู่ด้วยกันมาถึงสองเดือน ความประทับใจจากครั้งแรกจึงเปลี่ยนไป
เอลิเซียคิดว่าเขาเป็นคนแข็งแกร่งและจริงจังในตอนที่พบกันครั้งแรก แต่พักนี้อยู่ในความสัมพันธ์แบบที่พูดล้อเล่นกันได้แล้ว
[ ยังไงก็เถอะ ไม่ได้ยินเสียงแปลกๆ ด้านหลังบ้างเหรอ? ]
จู่ๆ กุเร็นก็พูดขึ้น
เมื่อฉันตั้งใจฟังก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นดังมาจากข้างหลัง เป็นเสียงของโลหะกระทบกันและมีกระทั่งเสียงระเบิดดังอยู่
[ จะว่าไป ก็ได้ยินเหมือนกันนะ ]
[ สงสัยกำลังก่อสร้างกันอยู่ล่ะมั้งคะ? ]
เสียงกระทบกันของโลหะกับโลหะ
บางครั้งยังได้ยินเสียงกรีดร้อง
[ เฮ้ เมื่อกี้ได้ยินเสียงกรีดร้องไหม? ]
[ …สงสัยว่าจะทะเลาะกันรึเปล่า เพราะการรักษาความปลอดภัยของเมืองหลวงก็ต่ำลงด้วยสิ ]
เอลิเซียพึมพำพร้อมกับถอนหายใจ
[ ก็ยังดีกว่าช่วงสงครามนะคะ … ]
มิเซ่พูดพร้อมกับให้ความรู้สึก
ตอนสงครามครั้งใหญ่ทุกเมืองต่างโกลาหลวุ่นวาย เพราะไม่มีกำลังพลทหารหรืออัศวินที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย อัตราอาชญากรในเมืองหลวงจึงเพิ่มขึ้น
ไม่ใช่เพียงที่ความปลอดภัยต่ำลง ในเวลานั้นในเมืองมีเสียงร้องไห้ไว้อาลัยแก่ครอบครัวและเพื่อนที่ร่วมรบในสนามรบที่ตายไปดังทั่ว
ทั้งสามคนที่เผชิญกับบรรยากาศที่หนักหน่วงและขมขื่นมา
เทียบกันแล้วตอนนี้ดีกว่ามาก
[ นั่นสิ นึกถึงตอนนั้นแล้ว แค่ทะเลาะกันนิดหน่อยไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ]
[ อา ตรงกันข้าม กลับรู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่า ]
กุเร็นพูดขณะที่มองไปรอบๆ เมือง
เมืองที่ผู้คนพลุกพล่านแม้เวลาจะใกล้มืดแล้ว นี่ก็ผ่านไปเพียงครึ่งปีนับตั้งแต่สงครามจบลง แต่สีหน้าของผู้คนก็สดใสเห็นอย่างเห็นได้ชัด
[ สงบสุขสินะ ]
[ สงบสุขค่ะ ]
[ สงบสุขนั้นล่ะ ]
ทั้งสามคนเดินกลับหอพัก
แต่หารู้ไม่ว่า―― มีคนๆ หนึ่งที่ไม่ได้รู้สึกถึงความสงบสุขเลย